emergency love วิกฤรักฉบับฉุกเฉิน 1
รักโรแมนติก
emergency love วิกฤรักฉบับฉุกเฉิน 1
รักโรแมนติก
กรงแก้ว
เมื่อโลกก้าวพ้นจากความล้าหลัง ความเจริญในทุกด้านค่อยๆ เข้ามา ขณะที่ผม ‘ครรชิต’ ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนที่ดีสุดในกรุงเทพมหานคร ยังคงทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีเยี่ยม แม้ในบางครั้งต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหาอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอจะให้แผนการเดินทางของชีวิตสิ้นสุดลง ความตายเท่านั้นที่จะพรากทุกอย่างไป
  • 12 ตอน
  • 7,814
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
บทนำ

เมื่อโลกก้าวพ้นจากความล้าหลัง ความเจริญในทุกด้านค่อยๆ เข้ามา ขณะที่ผม ‘ครรชิต’ ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนที่ดีสุดในกรุงเทพมหานคร ยังคงทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีเยี่ยม แม้ในบางครั้งต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหาอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอจะให้แผนการเดินทางของชีวิตสิ้นสุดลง ความตายเท่านั้นที่จะพรากทุกอย่างไป


ที่เวลาหกนาฬิกาของเช้านี้

บริเวณหน้าห้องผ่าตัดใหญ่ยังคงหนาตาด้วยคนจำนวนหนึ่ง หรือจะพูดให้ถูก มันวุ่นวายตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาแล้ว เครื่องบินวีไอพีลำหนึ่งจอดลงกะทันหันพร้อมคนไข้หมดสติที่ถูกนำส่งเข้ามา และศัลยแพทย์มือหนึ่งก็ถูกเรียกตัวให้มาผ่าตัดตอนตีสี่ทั้งที่ได้เขียนใบลาพักร้อนตั้งเอาไว้แล้ว

“คุณหมอนี่สุดยอดไปเลยค่ะ โดนเลือดกระเด็นใส่ตัวแบบนั้นก็ยังผ่าตัดต่อได้อีก นี่ถ้าเป็นหมอคนอื่นคงหยุดการผ่าตัดกลางคัน”

คือเสียงพยาบาลแผนกผ่าตัด ครรชิตฟังแล้วยิ้ม เขาเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำหลังการผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี อาจเพราะหาตำแหน่งที่เส้นเลือดแตกได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นทุกอย่างคงไม่ราบรื่น บางทีหากการผ่าตัดผิดพลาดทั้งเขาและทีมก็ต้องมีการชี้แจงอย่างละเอียด เมื่อคนไข้รายนั้นเป็นถึงเครือพระญาติของกษัตริย์แถบตะวันออกกลาง

หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เอียงหน้ามองพยาบาลที่เข้าร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วยกัน คลี่ยิ้มให้เล็กน้อย ที่จริงเขาไม่มีเวรผ่าตัดเลยด้วยซ้ำแต่ที่ต้องมาเพราะถูกทางโรงพยาบาลเรียกตัวกะทันหัน เนื่องด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วค่อนข้างโหดร้ายกับจิตใจมาก

เป็นเคสวีไอพีที่ไม่มีหมอคนไหนกล้าผ่าซักคน

และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนลาพักร้อนถูกตามตัวให้มา

“เพราะผมรู้ไงว่าผลเลือดคนไข้ปกติไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าเสี่ยงเหมือนกัน ถึงจะเป็นเครือญาติของกษัตริย์แถบตะวันออกกลางก็เถอะ เอดส์มันไม่เข้าใครออกใครหรอก ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่อยู่ช่วยเหลือจนการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปด้วยดี ความจริงคุณก็โดนเลือดมาเหมือนกันนี่ครับ”

คำพูดของเขาไม่เพียงแต่ทำให้คนฟังใจชื่นที่อย่างน้อยคนเป็นหมอก็ยังมีอารมณ์มาใส่ใจคนในระดับล่าง มันถือเป็นการสร้างเสริมสัมพันธภาพไมตรีกับผู้ร่วมงานอย่างหนึ่ง เท้าหนาเดินมาถึงชั้นวางของ มือหนึ่งหยิบระเป๋ามาสะพาย ยังได้ยินเสียงพยาบาลคนเดิมพูดอยู่

“ฟังดูอาจเหมือนเป็นเรื่องตลก วันนี้มันวันสงกรานต์แท้ๆ คนอื่นเขาสาดน้ำใส่กันแต่เราโดนเลือดสาดมาแทน”

“คงเป็นเรื่องตลกที่อาจกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าถ้าการผ่าตัดล้มเหลว” เขาเสริมให้แล้วยิ้ม ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วพูดต่อ

“ถ้าจะให้คิดบวก สงกรานต์ปีนี้เราได้ช่วยชีวิตคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง บุญกุศลอาจทำให้เราได้เจอแต่สิ่งดีๆ” เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนเสียงจากพยาบาลอีกคนจะดังมา

“หมอเคนคะ มีสายเข้าจากแพทย์ฝึกหัดณัฐบอกว่าติดต่อคุณหมอไม่ได้ เลยโทรเข้ามาที่ห้องผ่าตัดบอกว่ามีเคสด่วนจากห้องฉุกเฉินจะขอปรึกษาค่ะ”

นายแพทย์ครรชิตพยักหน้าอย่างรับทราบ จำได้ว่าก่อนผ่าตัดนั้นตนปิดมือถือเอาไว้จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องจึงหันมาเอ่ยกับพยาบาลคนเดิมอย่างขำๆ

“สงสัยคงต้องเปลี่ยนมาใส่เสื้อกาวน์ใหม่อีกรอบแล้วสิครับ บุญดีจริงๆ”

“เอาใจช่วยเต็มที่นะคะ ยังไงซะทางนี้จะเตรียมความพร้อมเอาไว้รอรับเลยค่ะ”

ครรชิตยิ้มส่งท้ายให้พยาบาลคนสวยอย่างให้กำลังใจ บางทีก็ควรยิ้มให้กำลังใจตัวเองบ้างเพราะขนาดลาพักร้อนไว้แล้วก็ยังถูกตามตัวมาอีกแถมตอนนี้ยังต้องกลายไปเป็นที่รับปรึกษาให้กับหมอรุ่นน้องอีก

000

หลังออกมาจากแผนกห้องผ่าตัด นายแพทย์ครรชิตก็มุ่งหน้าไปยังแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินแต่ที่ทำให้เขาแทบสะดุดเท้าตัวเองจนเกือบล้มนั้นเป็นเพราะประโยคหนึ่งจากเสียงที่ตะโกนมาจากข้างหลัง

“หมอครร”

“จะดีกว่านี้ ถ้าจะเรียกชื่อผมให้มันเต็มๆ หน่อย” นายแพทย์หนุ่มหันมาว่า ความจริงก็ไม่ได้ถือสาเอาความ ออกจะคุ้นชินกับคำๆ นั้นไปเสียแล้ว เพียงแต่ถ้าสามารถเลี่ยงได้มันก็ดี

“ขอโทษทีค่ะ ความจริงก็แค่ล้อเล่นไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้” เธอคือดาวิกา ลูกสาวนักอัยการสูงสุดและเป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ วันหยุดนี้ก็รับอยู่เวรให้เพื่อนเพราะไม่อยากไปเที่ยวเบียดวงล้อกับใคร

“ล้อเล่นบ่อยๆ แบบนี้ เกิดใครเอาชื่อผมไปล้อ ผมก็เสียหายถึงตอนนั้นคุณหมอดาต้องรับผิดชอบผมนะ”

“ไม่ต้องมาพูดจาแบบนี้เลย” แพทย์หญิงดาวิกาทำทีผลักเพื่อนหนุ่มออกห่างแบบไม่จริงจังนัก เห็นเขาสั่นหน้าเบาๆ แล้วเริ่มถามเป็นงานเป็นการ

“แล้วนี่รีบร้อนจะไปไหนหรือครับ” เหมือนจะหมดมุก การหยอกล้อเย้าแหย่มีมาให้เห็นกันบ่อยๆ และนั่นคงเป็นสาเหตุที่เขาและเธอถูกใครต่อใครจับมาเป็นคู่จิ้นแห่งปี

“แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินค่ะ ถูกน้องหมอตามตัวตั้งแต่ต้นเวรเลย”

“แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส เพราะผมเองก็ถูกน้องตามตัวมาเหมือนกัน”

“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย หมอเคนนี่มั่วตลอด” แพทย์หญิงดาวิกาว่าพลางทำหน้าเหนื่อยใจส่วนนายแพทย์ครรชิตได้แต่อมยิ้ม ยังคงเดินอยู่เคียงข้างกันเพราะต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน

“จริงสิ ได้ข่าวว่าถูกผู้อำนวยการเรียกตัวมาหรือคะ”

“ครับ” เป็นคำตอบสั้นๆ แต่อธิบายต่อไปอีกเมื่อเห็นสายตาขี้สงสัยของแพทย์สาว

“ถูกเรียกให้มาผ่าตัดเคสวีไอพี จบจากผ่าตัดก็ยังถูกตามให้ไปดูเคสต่ออีกเพราะติดต่อแพทย์เวรไม่ได้”

“ช่วยไม่ได้เนอะ ดันเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งซะด้วยสิ มีแต่คนต้องการตัว”

“นี่คงไม่ได้ประชดผมอยู่ใช่ไหม” คนถามส่งสายตาสงสัย ดาวิกาหัวเราะเบาๆเร่งฝีเท้าเดินออกไปโดยมีนายแพทย์หนุ่มเร่งเท้าเดินตามหลังไปติดๆ

เมื่อมาถึงที่หมาย ภาพแรกคือความวุ่นวายโกลาหล ไม่น่าเชื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนจะมีผู้มาใช้บริการหนาแน่นขนาดนี้ ผิดจากทุกวันที่เห็น ผิดจากประวัติศาสตร์เดิมที่เคยมีมา ทั้งสองยืนดูสถานการณ์กันอย่างงงๆ จนกระทั่งเห็นนายแพทย์คนหนึ่งเดินหน้าเครียดออกมาจากม่านสีฟ้าอ่อนแล้วจู่ๆ ก็วิ่งหน้าตั้งมาหา

“มากันแล้วเหรอครับ ดีใจจัง”

“ดีใจที่มาหรือเพราะดีใจที่จะได้มีคนมาช่วยเคลียร์เคสกันแน่” ครรชิตว่าซึ่งมันคงเป็นคำถามที่กวนประสาทหมอ ฝึกหัดได้อยู่

“จะยังไงก็แล้วแต่ ผมดีใจที่พี่ทั้งสองมา” สิ้นคำพูดของแพทย์มือใหม่ เสียงหัวเราะสดใสจากแพทย์สาวก็ตามมาก่อนจะแยกตัวขอไปตรวจคนไข้เคสตัวเองแต่เพราะอาการนิ่งงันของแพทย์หนุ่มรุ่นใหญ่ทำให้กลายเป็นที่จับผิดของแพทย์รุ่นน้อง

“อะไร ยิ้ม จะยิ้มอะไรนักหนา มัวคิดอะไรอยู่ เล่าเคสมาได้แล้ว รอฟังจนเหงือกแห้งแล้วเนี่ย” เสียงนั้นทำเอาแพทย์รุ่นน้องสะดุ้งเล็กน้อย หุบยิ้มในทันทีแล้วเริ่มรายงานเคส

“ครับๆ คนเจ็บเป็นชายไม่ทราบชื่อไม่ทราบนามสกุล อายุน่าจะประมาณสามสิบต้นๆ ไม่รู้ประวัติบาดเจ็บที่แน่นอน พลเมืองดีเป็นคนพบเหตุแล้วนำส่งมาที่โรงพยาบาล แรกรับไม่รู้สึกตัว ความดันก็สูง ชีพจรก็เร็ว หายใจอกกระแทกผมใส่ท่อช่วยหายใจ หัตถการที่ควรทำก็ทำหมดแล้วตรวจร่างกายเพิ่มเติม ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณศีรษะด้านขวา ผมว่าจะส่งเอ็กซเรย์หัวดู”

“แล้วแผลที่อื่นล่ะ”

“เท่าที่ตรวจดูไม่มีนะครับ มีที่หัวอย่างเดียว อ้อ ผลอัลตร้าซาวน์ท้องปกติดีครับ”

“งั้นจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ”

“เออ...ครับ”

“ก็ส่งเอ็กซเรย์หัวไปเลยสิ อ้อ อย่าลืมเอ็กซเรย์ปอดไปด้วยเพราะเราไม่รู้ประวัติโรคประจำตัวของเคสนี้เลย แต่ดูจากความดันแล้วเป็นไปได้สูงมากที่จะมีเลือดออกในหัว จะให้ดีติดต่อแผนกผ่าตัดตั้งแต่เนินๆ เลยก็ดี”

“ครับ ขอบคุณมากครับพี่ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังติดต่อแพทย์เวรศัลยกรรมไม่ได้ ได้ข่าวว่าพี่เพิ่งผ่าตัดคนไข้เสร็จเลยขอรบกวน ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องทำให้วุ่นวายกัน”

“ช่างมันเถอะ ยังไงคนไข้ก็ต้องมาก่อน วุ่นวายแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก แต่ยังไงก็ต้องติดต่อหมอเจ้าของเวรวันนี้ให้ได้ เพื่อรายงานเคสให้เขารู้”

“ครับ เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจส่งท้ายของรุ่นน้องทำเอาแพทย์รุ่นพี่ถึงกับต้องตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ไม่ได้มีทุกวันหรอกสำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ค่ารักษาต่างๆ รวมถึงค่ายาค่าตรวจจะแพงพอๆ กับค่าเครื่องบินไปกลับสองเที่ยวหรือจริงๆ แล้วมันอาจแพงมากกว่านั้น

“พี่คงต้องไปแล้วยังไงวันนี้ก็...ขอให้ยุ่งละกัน”

“ฮื้อ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมยิ่งหวั่นๆ อยู่ นี่ก็เพิ่งมาทำงานวันแรกของเดือนด้วย”

“เอาน่า จะยุ่งแค่ไหนกันเชียวยังไงก็คงไม่เท่าโรงพยาบาลรัฐหรอก”

นายแพทย์ครรชิตตบบ่ารุ่นน้องอีกครั้งเพื่อไล่อาการกังวลออกไป กำลังจะก้าวเท้าเดินจากตรงนั้นไปแล้วกลับชะงักกึกเมื่อจู่ๆ ประตูบานใหญ่ของห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินเปิดออกอัตโนมัติ สิ่งแรกที่เห็นคือเปลนอนที่ถูกเข็นเข้ามาอย่างเร็ว วินาทีระทึกที่ทำเอาใครต่อใครต่างต้องมองด้วยความสนใจ

ดวงตาตี๋ๆ มองนิ่งไปที่หญิงสาวร่างเล็ก เธอกำลังทำหน้าที่หนึ่งซึ่งทางการแพทย์เรียกการกระทำนั้นว่าการกดหน้าอกเพื่อช่วยฟื้นคืนชีพ และก็ทำถูกวิธีซะด้วย มันทำให้เขาทึ้งจนลืมตัวไปชั่วขณะ

“ขอทีมแพทย์ด้วยค่ะ คนไข้ไม่หายใจ”

เสียงที่ตะโกนกลับมา เรียกสตินายแพทย์หนุ่มได้ดี ครรชิตรีบวางกระเป๋าสะพายพร้อมกับเสื้อตัวนอกที่ได้สับเปลี่ยนจากเสื้อกาวน์มาก่อนหน้า ตรงเข้าไปรายงานตัวในม่านที่ถูกรูดปิดทันทีที่เข็นคนไข้มาถึง ตอนนี้มีพยาบาลกำลังให้การช่วยเหลือด้วยการกดหน้าอกต่อจากคนพามา พยาบาลอีกคนกำลังเปิดทางเดินหายใจ ส่วนอีกคนหาเส้นให้น้ำเกลือและเตรียมให้ยาตามคำสั่งแพทย์

“สวัสดีครับ ผมเป็นหมอ ขอทราบประวัติอาการป่วยของคนไข้ด้วยครับ” ภายใต้หน้ากากอนามัยยังคงได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน นายแพทย์ครรชิตเข้ามายืนใกล้ๆ หญิงสาวคนนั้นทำให้รู้ว่าความสูงของเธอเท่าไหล่เขาเท่านั้น สีหน้าซีดเซียวกำลังอ้าปากเพื่อเล่าเหตุการณ์อย่างสั่นๆ

“เออ คือ ฉันแค่ผู้พบเห็นเหตุการณ์ค่ะ ขับรถอยู่ดีๆ ก็เห็นคนไข้ล้มลงต่อหน้าต่อตา จากนั้นก็หมดสติไป คลำชีพจรไม่ได้ก็เลยช่วยกดหน้าอก ถ้านับจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็น่าจะครึ่งชั่วโมงไปแล้ว”

ครรชิตฟังหญิงสาวเล่าเหตุการณ์ด้วยความสงสัยอยู่ลึกๆก็ได้แต่เก็บเอาไว้ มีเพียงคำกล่าวขอบคุณเธอสำหรับข้อมูลเบื้องต้น เขาบอกให้หญิงสาวออกไปรอข้างนอกก่อนส่วนคนไข้ขอให้วางใจทีมแพทย์จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่

“ฝากคนไข้ด้วยนะคะ”

“ครับ” นายแพทย์หนุ่มตอบออกไปเสียงเรียบก้มลงมองมือเล็กที่กำลังจับแขนเขาอยู่ แม้เป็นการจับทีเผลอแต่ทำไมถึงรู้สึกใจสั่น อยากรู้ถึงสาเหตุว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ม่านสีฟ้าค่อยๆ รูดไปไว้ที่เดิมเผยสภาพภายในว่ายับเยินมากแค่ไหน ทั้งขยะทั้งเลือดทั้งอ้วกนัดกันมาอยู่จุดนั้นด้วยกัน ไหนจะเครื่องมือแพทย์ก็อยู่กระจัดกระจายรอคนงานมาเก็บกวาดให้เข้าที่

นายแพทย์ครรชิตเลื่อนมือขึ้นมาดึงหน้ากากอนามัยออกจากใบหน้าตัวเองเผยความหล่อในระยะสามเมตรแต่กลิ่นถุงมือยางยังคงติดจมูกเขา

หลังจากที่ล้างมือครบไป 6 ท่า ชายหนุ่มก็เดินมาหยิบชาร์ตคนไข้แล้วบรรจงเขียนด้วยลายมือสุดเก๋แต่บางทีก็ได้ยินพยาบาลบ่นมาว่าอ่านไม่ค่อยออกซึ่งนั่นอาจไม่ใช่เขาแค่คนเดียว แพทย์บางคนมักมีปัญหากับการเขียนบันทึกลงในใบประวัติการรักษา เพียงคิดว่าหากต้องมานั่งคัดลายมือเขียนบรรจงเต็มบรรทัดนั้นมันเป็นการเสียเวลาอย่างหนึ่ง

“สวยดีนะคะ”

“ลายมือผมหรอ” ศัลยแพทย์หนุ่มถามออกไปแต่สายตายังจดจ่อในใบบันทึกการรักษา

“หมายถึงผู้หญิงคนนั้นต่างหากเล่า ชอบใช่ไหมล่ะ เห็นยืนตะลึงอยู่พักหนึ่งกว่าวิญญาณหมอจะกลับเข้าร่างใหม่” แพทย์หญิงดาวิกาว่าขำๆ ในมือของเธอมีชาร์ตคนไข้ที่รับปรึกษาถือมาด้วย

“ที่ไม่ตอบเพราะดาพูดถูกใช่ไหม ตกลงสเป๊คหมอเคนเป็นแบบนี้หรอ”

“ก็...” ดวงตาหมอหนุ่มกลอกไปมาแลดูเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอียงหน้ามากระซิบข้างๆ หู

“ถามแบบนี้ หึงผมหรอ”

“แล้วถ้าหึงล่ะจะยอมเป็นแฟนกันหรือเปล่า” แพทย์หญิงดาวิกาถามทีเล่น

“ก็ต้องมาดูกันก่อนว่าเป็นแฟนกันแล้วจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้างแต่ก็คงยาก ในเมื่อสิทธิ์ที่ว่าเจ้าตัวคงไม่อยากให้ใครนอกจาก...”

“เลิกเล่นเถอะ แล้วก็รีบเคลียร์ชาร์ตคนไข้เร็วๆ ด้วย” แพทย์สาวตัดบทสนทนาไปอย่างเซ็งๆ ก็เล่นเอาคนที่เธอแอบชอบมาเอี่ยวด้วยทุกครั้ง รอให้ถึงคราวตัวเองก่อนเถอะแล้วแม่จะแซวให้ถึงที่สุด เอาให้เถียงไม่ออกกันเลยทีเดียว

000

บ่ายโมงเศษ นายแพทย์ครรชิตเดินออกจากห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน มือหนึ่งถือเสื้อนอกพาดไว้บนไหล่ขวา อีกข้างสะพายกระเป๋าใบโปรด ดูเหมือนการลาพักร้อนในเดือน summer นี้จะทำเขา hot อย่างหนัก มือข้างที่มีกระเป๋าสะพายล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดดูบางอย่างในนั้น จู่ๆ ภาพหนึ่งก็วูบเข้ามา

ภาพผู้หญิงรูปร่างบอบบางท่าทางอ่อนแอคนนั้นแต่ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั่นคือการช่วยชีวิตคนแปลกหน้า ความใส่ใจและความมีน้ำใจของเธอทำให้เขาประทับใจตั้งแต่วินาทีแรก เพราะไม่คิดว่าสังคมเมืองกรุงที่การแข่งขันมีสูง ความเห็นแก่ตัวมีเกลื่อนจะยังมีคนดีๆ แบบนี้หลงเหลืออยู่

สายตาคู่คมกำลังมองหาเธอคนนั้น คนที่แพทย์หนุ่มคาดหวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งเพราะไม่ใช่เพียงแค่อยากเจอแต่มันมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น..