ในอ้อมกอดแห่งความมั่งคั่งและเกียรติยศ ตระกูลฮวาสูงส่งดุจดวงตะวันกลางนภา ฮวาเสี่ยวชี หลานเพียงหนึ่งเดียวของ ฮวาไท่กง ผู้ดำรงตำแหน่งกั๋วกง อดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกร และฮวาเจิ้นผู้เป็นบิดา แม่ทัพผู้เปี่ยมด้วยความสามารถ

เด็กน้อยเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮวาไท่กง ท่านปู่ผู้เป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น ผู้ซึ่งมอบความรักและความเอ็นดูแก่นางอย่างไร้เงื่อนไข หลิวฮูหยิน มารดาผู้มาจากตระกูลขุนนางชั้นหนึ่ง ก็ประคบประหงมนางดุจไข่ในหิน เสี่ยวชีมีพี่ชายผู้แสนดีถึงสองคน ฮวาหยาง พี่ชายคนโตผู้สุขุมและคอยดูแลน้องเล็กเสมอ และ ฮวาเหลียน พี่ชายคนรองผู้มีนิสัยขี้เล่นเป็นเพื่อนเล่นของนาง ทั้งยังมีท่านย่าผู้ใจดีคอยเติมเต็มความอบอุ่นให้จวนฮวา

ตั้งแต่เยาว์วัย เสี่ยวชีเติบโตมาท่ามกลางความรักและการเอาใจใส่ ด้วยความเป็นเด็กหญิงเพียงคนเดียวในจวน นางจึงได้รับการตามใจเป็นพิเศษ ทว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่น่ารักและสดใส กลับซ่อนไว้ซึ่งจิตใจที่กล้าหาญและซุกซนเกินวัย เมื่อนางมีอายุเพียงสี่ขวบ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางแอบเฝ้าดูพี่ชายทั้งสองฝึกวรยุทธ์อย่างลับๆ และเริ่มหัดตามอย่างเงียบๆ จนกระทั่งบิดาและท่านปู่สังเกตเห็น ด้วยความประหลาดใจในความมุ่งมั่นของหลานสาว ท่านจึงตัดสินใจจับนางมาสอนวรยุทธ์อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสี่ยวชีเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว พัฒนาทั้งทักษะการต่อสู้และความกล้าหาญที่เพิ่มพูนขึ้นตามวัย

เมื่อใกล้ถึงวัยหกขวบปี ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอันยิ่งใหญ่ของท่านปู่ ที่จวนฮวาคลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อขุนนางและบุคคลสำคัญ เสี่ยวชีในวัยซน ด้วยความคะนองตามวัย ปีนป่ายขึ้นไปบนหลังคาจวนสูงเสียดฟ้าอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นโบกมือไหวๆ อยู่บนชายคาด้วยรอยยิ้มกว้าง

"ท่านพ่อ!......ท่านพ่อ...ข้าอยู่นี่!” เสียงใสเจื้อยแจ้วตะโกนลงมา ท่ามกลางเสียงพูดคุยอันจอแจของแขกเหรื่อเบื้องล่าง

ฮวาเจิ้นที่กำลังสนทนากับแขกสำคัญ ฮวาไท่กงที่นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดคุยกับบรรดาฮูหยินคนอื่นๆ หลิวฮูหยินที่คอยดูแลปรนนิบัติสามี ฮวาหยางและฮวาเหลียนที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ ต่างพากันตกตะลึงเบิกตากว้างด้วยความตกอกตกใจ แขกเหรื่อในงานเลี้ยงต่างหยุดชะงักการสนทนา หันไปมองร่างเล็กๆ ที่อยู่บนหลังคาด้วยความหวาดเสียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองสามีภรรยาผู้เป็นบิดาและมารดาของเสี่ยวชี หัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเอง กำลังยืนโบกไม้โบกมืออย่างสนุกสนานอยู่บนหลังคาเรือนจัดเลี้ยงที่สูงลิ่ว ลมพัดมาวูบหนึ่ง พานให้ชายเสื้อผ้าของเด็กน้อยปลิวไสว ยิ่งทำให้ทุกคนที่มองเห็นต่างพากันใจหายใจคว่ำ

"ฮวาเสี่ยวซี!!!" ฮวาเจิ้นคำรามเสียงดังลั่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างเล็กๆ ของบุตรสาวก็เสียหลัก ลอยละลิ้วลงมาจากหลังคาสูง!

สัญชาตญาณความเป็นบิดาผลักดันให้ฮวาเจิ้นพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมกรด ร่างสูงใหญ่กระโดดคว้า รวบเอาร่างเล็กๆ ของบุตรสาวไว้ในอ้อมแขนได้อย่างหวุดหวิด

เสียงกรีดร้องตกใจและเสียงร้องเรียกชื่อดังระงมไปทั่วทั้งจวน

"น้องเล็ก!..." ฮวาหยางและฮวาเหลียนร้องลั่นด้วยความเป็นห่วง

"ซีเออร์!...ลูกแม่!" หลิวฮูหยินหวีดร้องเสียงสั่น

"เสี่ยวซี!...หลานปู่!" ฮวาไท่กงร้องเรียกหลานด้วยความตกใจ

"หลานย่า!" ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็แทบทรุดกองกับพื้น แขกเหรื่อต่างพากันตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

เหตุการณ์หวาดเสียวบนหลังคาเรือนในวันนั้น กลายเป็นวีรกรรมแรกในวัยเยาว์ของฮวาเสี่ยวซี ที่นำมาซึ่งความกริ้วโกรธอย่างรุนแรงของผู้เป็นบิดา ฮวาเจิ้นตระหนักดีว่า หากปล่อยให้บุตรสาวเติบโตไปตามความคะนองเช่นนี้ คงยากที่จะเป็นสตรีที่งดงามและมีค่าตามที่เขาปรารถนา

ด้วยความรักและปรารถนาดี ฮวาเจิ้นจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะส่งบุตรสาวเพียงคนเดียวเข้าสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียง เพื่ออบรมสั่งสอนและขัดเกลานางให้เป็นสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและคุณสมบัติของกุลสตรีในห้องหอ แม้ว่าการตัดสินใจนี้จะขัดกับความต้องการของฮูหยินผู้เฒ่าผู้เป็นมารดา และหลิวฮูหยินผู้เป็นภรรยาที่รักและหวงแหนบุตรสาวมากเพียงใดก็ตาม ฮวาเจิ้นก็ยังคงยืนหยัดในความคิดของตน ด้วยหวังว่าเมื่อเสี่ยวซีเติบโตขึ้น จะเข้าใจในเจตนาของเขา

ฮวาเสี่ยวซีนับว่าพลิกผันชีวิตสุดขั้ว! จากชาติก่อนที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในฐานะสตั๊นท์แมนหญิง อาชีพสุดหวาดเสียวที่ใครๆ ก็ส่ายหน้า แต่ด้วยหัวใจสิงห์ของฮวาเสี่ยวซี เด็กกำพร้าผู้เติบโตมาด้วยความทรหดอดทนและวิชาการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมา ทำให้เธอก้าวเข้าสู่วงการสตั๊นท์แมนหญิง อาชีพที่พอจะหาเลี้ยงชีพได้ กระทั่งเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ตกลงมาจากลวดสลิงสูงลิ่ว จนวิญญาณของเธอหลุดลอยมาสิงสถิตอยู่ในร่างของเด็กหญิงตัวน้อยวัยสี่ขวบผู้นี้

เรียกได้ว่าโชคชะตาเล่นตลก... หรืออาจจะเข้าข้างนางก็เป็นได้! เพราะชีวิตใหม่ในร่างของฮวาเสี่ยวซีนั้นแตกต่างราวฟ้ากับเหว เมื่อเทียบกับความโดดเดี่ยวและอันตรายในชาติก่อน ที่นี่นางกลับอบอวลไปด้วยความรักอันล้นปรี่ของคนในตระกูลฮวา ไม่ว่านางจะก่อวีรกรรมสุดเปิ่นหรือทำเรื่องสุดแสบ พวกเขาก็ยังคงตามใจนางแบบสุดโต่ง ราวกับนางคือไข่ในหินที่ต้องทะนุถนอมเป็นพิเศษ! ด้วยเหตุนี้ ฮวาเสี่ยวซีในร่างใหม่จึงกลายเป็นเด็กหญิงจอมแก่น ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดบนโลกใบนี้ กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นๆ เรียกขานกันว่า "แหกกฎ" อย่างสนุกสนานเสียด้วย!

ถึงแม้จะถูกส่งตัวไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาอันเลื่องชื่อตั้งแต่เยาว์วัย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงราวกับเป็นความลับสุดยอดของตระกูล แต่ดูเหมือนว่าเชื้อเพลิงความซ่าในตัวฮวาเสี่ยวซีนั้นจะไม่มีวันมอดไหม้! การเก็บซ่อนความแก่นแก้วไว้ภายใต้ผ้าคลุมนักเรียนเรียบร้อย กลับกลายเป็นความท้าทายใหม่ให้นางได้ปลดปล่อยพลังซุกซนในรูปแบบต่างๆ ที่คาดไม่ถึงเสียมากกว่า!