Sleep Vaccine
ไร้สังกัด
Sleep Vaccine
ไร้สังกัด
ดาบวารี
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อนักวิจัยสามารถคิดค้นวัคซีนที่ยับยั้งการนอนหลับไ้ด้สำเร็จ... และโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เรื่องสั้นความยาว 3 หน้ากระดาษ A4 จะเปลี่ยนแปลงความคิดของคุณ!
  • 0 ตอน
  • 0
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
บทนำ

“ที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือคะ?”

“ที่คุณพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือคะ?”

แสงแฟลชจำนวนมากยิงกระหน่ำใส่ชายวัยกลางคนที่ใส่แว่นหนาเทอะในชุดสูทสีเทาอ่อน ตัดกับเนคไทสีน้ำเงินที่ยืนอยู่หลังโพเดี้ยมกลางเวทีของห้องประชุมขนาดใหญ่ ใบหน้ายิ้มแย้มกับความสำเร็จจากความอุสาหะบนใบหน้าที่มีเคราสั้นๆที่เริ่มย้อมเป็นสีขาวจางๆประปราย เขาวางมือทั้งสองไว้ที่โพเดี้ยมอย่างมั่นคง ก่อนจะประกาศกร้าวใส่ไมโครโฟนตัวเล็กสีดำเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคิดให้สื่อทุกๆสำนักที่มุงอยู่เบื้องล่างได้ยินอย่างชัดเจน

“ครับ พวกเราทำสำเร็จแล้ว”

เท่าที่ผมจำได้ นั่นคือ คำแถลงการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การค้นพบวัคซีนที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่ได้มีไว้รักษาหรือเยียวยาคนจากอาการเจ็บป่วย แต่เป็นวัคซีนที่เปลี่ยนวงจรของชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกไปตลอดกาล

วัคซีนนอนหลับ

คนทุกคนปรารถนาที่จะมีอายุที่ยืนยาว การศึกษาวิจัยยาส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่ยาอายุวัฒนะที่พยายามยืดอายุขัย ชะลอการแก่ชราของเซลล์ร่างกายมนุษย์ แต่ทว่า เมื่อมีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งตระหนักได้ว่า มนุษย์ใช้เวลาราวๆ 1/3 ของชีวิต ไปกับการนอนหลับ นั่นหมายความว่า ถ้ามนุษย์ไม่นอน ก็จะมีเวลาในชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 1/3 บนหลักการนี้เอง นักวิจัยกลุ่มดังกล่าวจึงพัฒนาหลักการอันเพ้อฝันจนกลายเป็นความจริงขึ้นมา วัคซีนที่ขจัดการชัตดาวน์ของร่างกายมนุษย์ ทำให้มนุษย์ตื่นตัวตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนอนอีกต่อไป

“มันไม่มีผลข้างเคียงแน่หรือครับ?”

นักข่าวตะโกนถามหัวหน้าทีมวิจัยที่ยังคงยิ้มแป้นอยู่หลังโพเดี้ยม เขาจัดเนคไทเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกจนเต็มปอดแล้วจึงพูดอย่างมั่นใจในผลงานของตัวเอง

“เราได้ทดลองในสัตว์ทดลอง รวมถึงได้ลองทดสอบในมนุษย์แล้วครับ ซึ่งบ่งชี้ว่าสัตว์ทดลองและมนุษย์ไม่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนแม้แต่น้อย ทั้งทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม”

“วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แบบ”

ผมอยากให้คำพูดของเขาคนนั้นเป็นเรื่องโกหก

40 ปี นับจากวันนั้นที่มีคำแถลงการณ์ ผมเดินทางอย่างยาวไกลบนเส้นทางที่ร้างผู้คน มือปาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากผ้าโพกหัวซอมซ่อที่พอจะลดทอนไอร้อนระอุจากแสงอาทิตย์ ผมกำลังเดินอย่างไร้จุดหมายฝ่าทะเลทรายอันแร้นแค้น เพื่อหนีจากมหันตภัยอันร้ายกาจที่เกิดขึ้นนับจากวันนั้น แขนและขาของผมซูบแห้งจนแทบเห็นกระดูก มือของผมมีเส้นเลือดที่ปูดโผล่ออกมาตามผิวหนังราวกับสายไฟระโยงรยางค์บนแขนหุ่นยนต์ หนวดเคราที่ยาวรุ่มร่ามพัดผ่านใบหน้าพร้อมกับเศษทรายที่หยาบกร้าน ริมฝีปากที่แห้งผากแตกเป็นเกร็ดที่มีเลือดซึมอยู่ตามร่อง ทั้งหมดที่ผมกำลังเป็นอยู่ คือผลพวงจากวันนั้น

“วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แบบ”

ผมหัวเราะกับคำพูดของหัวหน้าทีมวิจัย และตระหนักว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น “จริงแท้ที่สุด” แม้แต่ตอนนี้เอง ผมก็จำไม่ได้แล้ว ว่าการนอนหลับมันรู้สึกอย่างไร มันรู้สึกแย่ หรือรู้สึกดีกันแน่ที่ได้หลับ นอนราบขนานกับพื้นโดยไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากหายใจเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ผมฝันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน? แล้วในฝันนั้น ผมเห็นอะไร?

อาจจะเป็นโลกเมื่อ 40 ปีก่อนที่ผมเคยมีชีวิตอยู่ โลกที่มีสีเขียวของต้นไม้ และแม่น้ำที่ไหลเอื่อย เสียงนกร้องซ้องเสียงแจ้ว เสียงสุนัขข้างบ้านเห่าหอนหรือเสียงจักจั่นที่กรีดร้องช่วงฤดูร้อน

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเงียบไปหมด มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบหู กับเสียงของเศษดินทรายที่ครูดกับผิวหนังบนใบหน้า ทุกที่ที่เคยเขียวขจี ตอนนี้มีเพียงสองสีให้หันมอง คือ สีน้ำตาลของความเหี่ยวแห้ง หรือสีน้ำเงินของน้ำที่เอ่อท้นท่วมผืนดิน

ผมคือมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกนี้ที่กำลังใช้ชีวิตอีก 1/3 ที่ได้จากวัคซีนนอนหลับ กรากกรำ ลากสังขารเพื่อหาที่ที่เหมาะสมเพื่อจากไปอย่างสงบ

เหตุทั้งหมดเกิดจากวัคซีนนอนหลับอย่างนั้นหรือ?

หลังจากที่วัคซีนถูกเผยแพร่ไปยังมนุษย์ทุกคนบนโลก เศรษฐกิจบนโลกต่างทะยานพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วิทยาการของมนุษย์เรียกว่าก้าวกระโดดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งหมดนั้นเพราะวัคซีนนอนหลับ และยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็มีลูกที่เกิดมาโดยไม่ต้องนอนด้วยเช่นกัน ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ตัดวงจรอันไร้ค่าของมนุษย์ ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพให้กับสายพันธุ์แห่งสติปัญญาจนถึงขีดสุด

แต่ผลข้างเคียงก็ได้ก่อตัวอย่างช้าๆ และกว่าทุกคนจะรู้ตัว ก็สายเกินไป

มนุษย์ที่ปกติใช้เวลาไปกับการนอนหลับถึง 1/3 นั่นคือช่วงเวลาที่มนุษย์ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าน้อยที่สุดของวัน การที่ตัดวงจรการนอนหลับออกไป ทำให้มนุษย์ที่แต่เดิมใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าราว 66.67% ของชีวิตกลายเป็นใช้ 100%

แหล่งพลังงานของโลกถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นวิกฤตในไม่กี่อึดใจ แต่การร่อยหรอของแหล่งพลังงาน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของผลกระทบ

อัตราการบริโภคอาหาร ที่ปกติบริโภควันละ 3 มื้อ กลายเป็น 5 มื้อ และจากกระบวนการผลิตที่เร่งปอปั้นสินค้ามาหล่อเลี้ยงประชากรโลก ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆทาง ทั้งอากาศ ดิน และน้ำ สิ่งมีชีวิตบนโลกที่ปรับตัวได้ช้าต่อการเปลี่ยนแปลง ทยอยสูญพันธุ์กันตามกาลเวลา และสายพันธุ์สุดท้ายที่พยายามตั้งตระหง่านในขณะที่ผู้อื่นกำลังล้มระเนระนาด คือ มนุษย์

แต่อีกไม่นาน โลกนี้ ก็จะไม่เหลือสายพันธุ์ใดอีก

พายุทรายที่โหมกระหน่ำใส่หน้า ทำให้ผมต้องโน้มตัวลงต่ำ ปิดตา เดินคลำทางเพื่อหาที่กำบัง ความรู้สึกที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันราวกับกำลังฉีกกระชากลำตัวออกเป็นชิ้นๆ การหายใจแต่ละครั้งนั้นลำบาก อากาศที่ผ่านเข้าปอดนั้นเหม็นและแห้งราวกับควันไฟป่าที่เพิ่งดับใหม่ๆ หลังจากที่ปะทะกับลมกรรโชกอย่างยาวนาน สุดท้ายผมมาลงเอยในถ้ำแห่งหนึ่งที่ดูสงบ และเหมาะสมจะเป็นที่มั่นสุดท้ายของชีวิตนี้ ผมหายใจถี่ ตาพร่ามัวมองเพดานถ้ำที่ดูมีความชื้นแฉะอยู่บ้าน มองไปด้านนอก สายลมสีน้ำตาลอ่อนที่พัดโบกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมคิดถึงพ่อ แม่ เพื่อน ที่ด่วนทิ้งผมอยู่คนเดียวตามลำพังบนโลกแห่งนี้ น้ำในร่างกายที่กำลังเหือดแห้ง ได้กลั่นน้ำหยดสุดท้ายออกมาผ่านดวงตา

ทั้งหมดเป็นเพราะวัคซีนนั่น …

ไม่ใช่ …

ทั้งหมด … เป็นเพราะ … เราต่างหาก

มนุษย์พยายามโบ้ยความผิดไปให้กับสิ่งอื่น แต่ไม่เคยจะโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของวันวินาศโลก และวัคซีนนอนหลับ คือแพะรับบาปชั้นดีของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ปัญหาจากการกระทำของมนุษย์นั้นมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว วัคซีนเป็นแค่ปุ๋ยเร่งให้มันเผยโฉมออกมาเด่นชัดและไวขึ้นเท่านั้นเอง

วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยม และสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆทางด้านร่างกายหรือจิตใจแก่ผู้รับแม้แต่น้อย และสามารถขจัดการนอนหลับของมนุษย์ได้อย่างหมดจด เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตในขณะตื่นถึง 1/3

แต่เมื่อเราได้รับพรวิเศษมา กลับสนใจแต่ตนเอง และละเลยสิ่งรอบข้าง

และนี่เองคือบทสุดท้ายของผม

อา … ชักจะรู้สึกตาพร่าเสียแล้วสิ นี่คือความง่วงหรือเปล่านะ? ในที่สุด … วันที่วัคซีนหมดฤทธิ์ก็มาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ … สุดท้าย ฉันจะได้นอนแล้วอย่างนั้นหรือ?

ม่านตาที่เริ่มหนักขึ้นทุกทีๆ จนสุดท้ายประกบกับขอบตาด้านล่าง เสียงลมที่ปากถ้ำเริ่มจะเบาบางลง ลมหายใจที่ถี่และลนลานกลับนิ่งสงบ ร่างกายเอนราบกับพื้นอย่างธรรมชาติ ความคิดที่ฟุ้งซ่านค่อยๆจางหายไป สิ่งที่เห็นอยู่มีเพียง

ความว่างเปล่า

แสงแฟลชจำนวนมากยิงกระหน่ำใส่ชายวัยกลางคนที่ใส่แว่นหนาเทอะในชุดสูทสีเทาอ่อน ตัดกับเนคไทสีน้ำเงินที่ยืนอยู่หลังโพเดี้ยมกลางเวทีของห้องประชุมขนาดใหญ่ ใบหน้ายิ้มแย้มกับความสำเร็จจากความอุสาหะบนใบหน้าที่มีเคราสั้นๆที่เริ่มย้อมเป็นสีขาวจางๆประปราย เขาวางมือทั้งสองไว้ที่โพเดี้ยมอย่างมั่นคง ก่อนจะประกาศกร้าวใส่ไมโครโฟนตัวเล็กสีดำเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคิดให้สื่อทุกๆสำนักที่มุงอยู่เบื้องล่างได้ยินอย่างชัดเจน

“ครับ พวกเราทำสำเร็จแล้ว”

เท่าที่ผมจำได้ นั่นคือ คำแถลงการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การค้นพบวัคซีนที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่ได้มีไว้รักษาหรือเยียวยาคนจากอาการเจ็บป่วย แต่เป็นวัคซีนที่เปลี่ยนวงจรของชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกไปตลอดกาล

วัคซีนนอนหลับ

คนทุกคนปรารถนาที่จะมีอายุที่ยืนยาว การศึกษาวิจัยยาส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่ยาอายุวัฒนะที่พยายามยืดอายุขัย ชะลอการแก่ชราของเซลล์ร่างกายมนุษย์ แต่ทว่า เมื่อมีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งตระหนักได้ว่า มนุษย์ใช้เวลาราวๆ 1/3 ของชีวิต ไปกับการนอนหลับ นั่นหมายความว่า ถ้ามนุษย์ไม่นอน ก็จะมีเวลาในชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 1/3 บนหลักการนี้เอง นักวิจัยกลุ่มดังกล่าวจึงพัฒนาหลักการอันเพ้อฝันจนกลายเป็นความจริงขึ้นมา วัคซีนที่ขจัดการชัตดาวน์ของร่างกายมนุษย์ ทำให้มนุษย์ตื่นตัวตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนอนอีกต่อไป

“มันไม่มีผลข้างเคียงแน่หรือครับ?”

นักข่าวตะโกนถามหัวหน้าทีมวิจัยที่ยังคงยิ้มแป้นอยู่หลังโพเดี้ยม เขาจัดเนคไทเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกจนเต็มปอดแล้วจึงพูดอย่างมั่นใจในผลงานของตัวเอง

“เราได้ทดลองในสัตว์ทดลอง รวมถึงได้ลองทดสอบในมนุษย์แล้วครับ ซึ่งบ่งชี้ว่าสัตว์ทดลองและมนุษย์ไม่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนแม้แต่น้อย ทั้งทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม”

“วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แบบ”

ผมอยากให้คำพูดของเขาคนนั้นเป็นเรื่องโกหก

40 ปี นับจากวันนั้นที่มีคำแถลงการณ์ ผมเดินทางอย่างยาวไกลบนเส้นทางที่ร้างผู้คน มือปาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากผ้าโพกหัวซอมซ่อที่พอจะลดทอนไอร้อนระอุจากแสงอาทิตย์ ผมกำลังเดินอย่างไร้จุดหมายฝ่าทะเลทรายอันแร้นแค้น เพื่อหนีจากมหันตภัยอันร้ายกาจที่เกิดขึ้นนับจากวันนั้น แขนและขาของผมซูบแห้งจนแทบเห็นกระดูก มือของผมมีเส้นเลือดที่ปูดโผล่ออกมาตามผิวหนังราวกับสายไฟระโยงรยางค์บนแขนหุ่นยนต์ หนวดเคราที่ยาวรุ่มร่ามพัดผ่านใบหน้าพร้อมกับเศษทรายที่หยาบกร้าน ริมฝีปากที่แห้งผากแตกเป็นเกร็ดที่มีเลือดซึมอยู่ตามร่อง ทั้งหมดที่ผมกำลังเป็นอยู่ คือผลพวงจากวันนั้น

“วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แบบ”

ผมหัวเราะกับคำพูดของหัวหน้าทีมวิจัย และตระหนักว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น “จริงแท้ที่สุด” แม้แต่ตอนนี้เอง ผมก็จำไม่ได้แล้ว ว่าการนอนหลับมันรู้สึกอย่างไร มันรู้สึกแย่ หรือรู้สึกดีกันแน่ที่ได้หลับ นอนราบขนานกับพื้นโดยไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากหายใจเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ผมฝันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน? แล้วในฝันนั้น ผมเห็นอะไร?

อาจจะเป็นโลกเมื่อ 40 ปีก่อนที่ผมเคยมีชีวิตอยู่ โลกที่มีสีเขียวของต้นไม้ และแม่น้ำที่ไหลเอื่อย เสียงนกร้องซ้องเสียงแจ้ว เสียงสุนัขข้างบ้านเห่าหอนหรือเสียงจักจั่นอันน่าหนวกหูกรีดร้องช่วงฤดูร้อน

ตอนนี้ทุกอย่างเงียบไปหมด มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบหู กับเสียงของเศษดินทรายที่ครูดกับผิวหนังบนใบหน้า ทุกที่ที่เคยเขียวขจี ตอนนี้มีเพียงสองสีให้หันมอง คือ สีน้ำตาลของความเหี่ยวแห้ง หรือสีน้ำเงินของน้ำที่เอ่อท้นท่วมผืนดิน

ผมคือมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกนี้ที่กำลังใช้ชีวิตอีก 1/3 ที่ได้จากวัคซีนนอนหลับ กรากกรำ ลากสังขารเพื่อหาที่ที่เหมาะสมเพื่อจากไปอย่างสงบ

เหตุทั้งหมดเกิดจากวัคซีนนอนหลับอย่างนั้นหรือ?

หลังจากที่วัคซีนถูกเผยแพร่ไปยังมนุษย์ทุกคนบนโลก เศรษฐกิจบนโลกต่างทะยานพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วิทยาการของมนุษย์เรียกว่าก้าวกระโดดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งหมดนั้นเพราะวัคซีนนอนหลับ และยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็มีลูกที่เกิดมาโดยไม่ต้องนอนด้วยเช่นกัน ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ตัดวงจรอันไร้ค่าของมนุษย์ ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพให้กับสายพันธุ์แห่งสติปัญญาจนถึงขีดสุด

แต่ผลข้างเคียงก็ได้ก่อตัวอย่างช้าๆ และกว่าทุกคนจะรู้ตัว ก็สายเกินไป

มนุษย์ที่ปกติใช้เวลาไปกับการนอนหลับถึง 1/3 นั่นคือช่วงเวลาที่มนุษย์ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าน้อยที่สุดของวัน การที่ตัดวงจรการนอนหลับออกไป ทำให้มนุษย์ที่แต่เดิมใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าราว 66.67% ของชีวิตกลายเป็นใช้ 100%

แหล่งพลังงานของโลกถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นวิกฤตในไม่กี่อึดใจ แต่การร่อยหรอของแหล่งพลังงาน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของผลกระทบ

อัตราการบริโภคอาหาร ที่ปกติบริโภควันละ 3 มื้อ กลายเป็น 5 มื้อ และจากกระบวนการผลิตที่เร่งปอปั้นสินค้ามาหล่อเลี้ยงประชากรโลก ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆทาง ทั้งอากาศ ดิน และน้ำ สิ่งมีชีวิตบนโลกที่ปรับตัวได้ช้าต่อการเปลี่ยนแปลง ทยอยสูญพันธุ์กันตามกาลเวลา และสายพันธุ์สุดท้ายที่พยายามตั้งตระหง่านในขณะที่ผู้อื่นกำลังล้มระเนระนาด ...

คือ มนุษย์

แต่อีกไม่นาน โลกนี้ ก็จะไม่เหลือสายพันธุ์ใดอีก

พายุทรายที่โหมกระหน่ำใส่หน้า ทำให้ผมต้องโน้มตัวลงต่ำ ปิดตา เดินคลำทางเพื่อหาที่กำบัง ความรู้สึกที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันราวกับกำลังฉีกกระชากลำตัวออกเป็นชิ้นๆ การหายใจแต่ละครั้งนั้นลำบาก อากาศที่ผ่านเข้าปอดนั้นเหม็นและแห้งราวกับควันไฟป่าที่เพิ่งดับใหม่ๆ หลังจากที่ปะทะกับลมกรรโชกอย่างยาวนาน สุดท้ายผมมาลงเอยในถ้ำแห่งหนึ่งที่ดูสงบ และเหมาะสมจะเป็นที่มั่นสุดท้ายของชีวิตนี้ ผมหายใจถี่ ตาพร่ามัวมองเพดานถ้ำที่ดูมีความชื้นแฉะอยู่บ้าน มองไปด้านนอก สายลมสีน้ำตาลอ่อนที่พัดโบกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมคิดถึงพ่อ แม่ เพื่อน ที่ด่วนทิ้งผมอยู่คนเดียวตามลำพังบนโลกแห่งนี้ น้ำในร่างกายที่กำลังเหือดแห้ง ได้กลั่นน้ำหยดสุดท้ายออกมาผ่านดวงตา

ทั้งหมดเป็นเพราะวัคซีนนั่น …

ไม่ใช่ …

ทั้งหมด … เป็นเพราะ … เราต่างหาก

มนุษย์พยายามโบ้ยความผิดไปให้กับสิ่งอื่น แต่ไม่เคยจะโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของวันวินาศโลก และวัคซีนนอนหลับ คือแพะรับบาปชั้นดีของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ปัญหาจากการกระทำของมนุษย์นั้นมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว วัคซีนเป็นแค่ปุ๋ยเร่งให้มันเผยโฉมออกมาเด่นชัดและไวขึ้นเท่านั้นเอง

วัคซีนทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยม และสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆทางด้านร่างกายหรือจิตใจแก่ผู้รับแม้แต่น้อย และสามารถขจัดการนอนหลับของมนุษย์ได้อย่างหมดจด เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตในขณะตื่นถึง 1/3

แต่เมื่อเราได้รับพรวิเศษมา กลับสนใจแต่ตนเอง และละเลยสิ่งรอบข้าง

และนี่เองคือบทสุดท้ายของผม

อา … ชักจะรู้สึกตาพร่าเสียแล้วสิ นี่คือความง่วงหรือเปล่านะ? ในที่สุด … วันที่วัคซีนหมดฤทธิ์ก็มาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ … สุดท้าย ฉันจะได้นอนแล้วอย่างนั้นหรือ?

ม่านตาที่เริ่มหนักขึ้นทุกทีๆ จนสุดท้ายประกบกับขอบตาด้านล่าง เสียงลมที่ปากถ้ำเริ่มจะเบาบางลง ลมหายใจที่ถี่และลนลานกลับนิ่งสงบ ร่างกายเอนราบกับพื้นอย่างธรรมชาติ ความคิดที่ฟุ้งซ่านค่อยๆจางหายไป สิ่งที่เห็นอยู่มีเพียง

ความว่างเปล่า