19.30น. ณ บ้านสวนหมาก
บ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงอายุเกือบร้อยปีของคุณยายจันทร์ มิ่งดำรงชัย ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนหมากยี่สิบกว่าไร่ซึ่งเจ้าของอาศัยอยู่กับหลานสาวเพียงลำพัง บรรยากาศยามนี้มืดครึ้มต้นหมากยืนต้นเป็นเงาตะคุ่มโอนเอนไปตามกระแสลมที่พัดผ่านในยามค่ำคืน
หมู่บ้านแห่งนี้ห่างไกลความเจริญแต่ไม่ถึงกับล้าหลังมีไม่กี่หลังคาเรือนรักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกันไม่เคยมีเรื่องโจรผู้ร้ายปรากฏให้คนในละแวกนี้ต้องหวาดผวาเมื่อความมืดมาเยือนก็เข้ามุ้งนอนหลับสบายไม่ต้องสะดุ้งเป็นพักๆ เพราะกลัวคนแปลกหน้าย่องขึ้นเรือน ยายจันทร์จึงอยู่กับหลานสาวคนสวย (แกคิดของแกเองว่าปิ่นนภัสสวยที่สุดในสามโลก)อย่างมีความสุขมาโดยตลอด
“ยายนอนได้แล้วจ้ะ” หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีชื่อเล่นว่า ลูกหมูหรือปิ่นนภัส ขจรไพศาล เงยหน้าจากสมุดบัญชีบอกผู้เป็นยายอีกครั้ง เธอพร่ำบอกให้ยายเข้านอนตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงทุ่มครึ่งแต่ท่านก็อ้างนู่นอ้างนี้ไปเรื่อยๆสาเหตุเพราะยังไม่อยากนอน
ปิ่นนภัสรู้สึกว่าคืนนี้ยายงอแงผิดจากทุกครั้งเพราะปกติมืดเมื่อไหร่นอนเมื่อนั้นไม่เคยทันได้จุดไต้จุดไฟ แต่ยายของเธอก็เป็นคนแก่ที่ไม่ค่อยปกติกับใครเขาอยู่แล้ว เป็นคนแก่ที่เหมือนเด็กมากที่สุด
“ยายนอนไม่หลับหัวใจมันกระสับกระส่าย” แกพูดเป็นทำนองเพลงสูงๆ ต่ำๆ ของนักร้องลูกทุ่งสาว อาภาพร นครสวรรค์ฟังแล้วเพี้ยนจนหลานสาวต้องหัวเราะคิกแล้วพูดว่า
“เพี้ยนแล้ว ยายเอาเพลงเขามาทำเสียหมด” เธอก้มลงให้ความสนใจกับตัวเลขในกระดาษต่อไปเพราะต้องการทำให้เสร็จภายในคืนนี้แต่ก็อดหัวเราะจนตัวสั่นไม่ได้เพราะยายเธอทำท่าตลกๆ ประกอบเสียงเพลง
ยายจันทร์เป็นคนแก่อารมณ์ดีตลกโปกฮาได้ทุกวันเครียดได้ไม่เกินหนึ่งนาทีเพราะมีหลานสาวเป็นลูกคู่จอมทะลึ่งคอยรับส่งมุขได้ทันท่วงที
“ข้าเพี้ยน แล้วเอ็งจะทำไมวะอีหมู” แกบ้วนน้ำหมากลงกระโถนแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ หลานรักซึ่งนอนพังพาบทำงานอยู่ไม่ห่าง จะว่าลืมหรือแกล้งก็ได้เพราะแกมักหลุดปากคำว่า อี ออกไปทุกทีทั้งที่รู้ว่าหลานสาวไม่ชอบ
“บอกว่าลูกหมูสอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ” เธอทำหน้างอน้ำเสียงกระเง้ากระงอดไม่พอใจที่โดนยายเรียกว่าอีทั้งที่รู้ว่าคำว่าอี สำหรับคนแก่ละแวกนี้นั้นเป็นคำที่ใช้เรียกลูกหลานจนติดปาก
“ชิ ชะอีนี่ ข้าเรียกของข้าตั้งแต่เอ็งตีนเท่าฝาหอย พอตอนนี้หอยเท่าฝ่าตีนกลับดัดจริตฟังไม่ได้” ผู้เป็นยายชี้หน้าดัดเสียงเล็กแหลมต่อว่าทำให้หลานสาวขำจนลืมเคืองเธอหัวเราะคิกหน้าเนียนใสแดงปลั่งดูเหมือนเด็กสุขภาพดี
“ฮ่าๆๆ โห ยายพูดผิดแล้วหอยหมูเท่าฝ่ามือเอง ถ้ามันโตเท่าฝ่าตีนก็ดีสิยายจะได้พาหมูไปออกงานวัดเร่หาตังค์” สองยายหลานพูดทะลึ่งตังตังกันจนติดเป็นนิสัยปิ่นนภัสหัวเราะไม่หยุดเมื่อสีเห็นหน้าปั้นยากของผู้เป็นยาย
“ไหนขอยายดูหน่อย เท่าฝ่ามือจริงรึเปล่าตั้งแต่เอ็งโตเป็นสาวยังไม่เคยได้ดูสักครั้งเดียว” คนอย่างยายจันทร์ไม่เคยหมดมุขสักที “ขอดูของยายก่อนสิ ตั้งแต่เกิดมาหมูยังไม่เคยเห็นอยากรู้ว่าของคนแก่มันจะเหี่ยวเหมือนหน้าหรือเปล่า” ดวงตาดำขลับพราวระยับจ้องมองยายจันทร์อย่างล้อเลียน
“อีนี่ ชะช้า วอนซะแล้ว” เมื่อเจอดวงตาทะลึ่งอยากรู้อยากเห็นของหลานสาวคนแก่ก็อายเลยขยับหยิบเชี่ยนหมากจะขว้างใส่อีกฝ่ายแก้เขินไม่ได้นึกโกรธเคืองว่าหลานสาวลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแต่อย่างใด
........................................................
ขอแจ้งสักนิดนะคะ
เรื่องนี้ป้านับเปิดให้อ่่านเป็นบ้างส่วนนะคะ
ตอนที่เหลือจะเปิดให้อ่านแบบจ่ายเพชรค่ะเพราะลงจนจบ
ราคาจ่ายเพชรถือได้ว่าถูกกว่ารูปแบบอีบุ๊คเยอะค่ะ
ถ้าหากสนใจรูปแบบอีบุ๊คก็สามารถกดไปซื้อได้ตามลิงค์ที่ให้ไว้นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านงานป้านับค่ะ