สยบรักมาเฟียพันธุ์ร้าย
Romance Lover
สยบรักมาเฟียพันธุ์ร้าย
Romance Lover
--การเป็นพลเมืองดีของฐิตารีย์ โดยที่เธอไม่คาดคิดว่าจะถูกคนที่เธอช่วยเหลือรวบรัด จนบิดามารดาต้องจับแต่งงาน ที่สำคัญเหนุ่มอิตาเลียนคนนี้ทั้งหล่อและช่างออดอ้อน จนเธอหลงรักเขาแล้วสิ --เพียงได้พบใบหน้าหวานละมุน โดยเฉพาะดวงตาดำขลับแวววาวสดใส ทำให้เอนซิโอหลงรักสาวไทยในทันที และมาเฟียอย่างเขาต้องได้เธอกลับไปอยู่ที่กรุงโรมด้วยกัน ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กล หรือว่า...เขาจัดการรวบหัวรวบหางเสียเธอเลย --ทว่าความรักที่สมหวังอย่างง่ายดาย กลับพาหญิงสาวไปพบเรื่องราวมากมายในกรุงโรม นอกจากมีคนจ้องจะฆ่าสามีของเธอแล้ว เขายังมีผู้หญิงอื่นอีก แล้วเธอจะทนอยู่เพื่ออะไร ขอตัดใจกลับประเทศไทยเสียดีกว่า *** ฝากเก็บเข้าชั้นหนังสือ ส่งหัวใจให้บ้างน้าคะ ไรท์มีเรื่อง เมียจำเลยจอมอิทธิพล ให้อ่าน และแจกหนังสือด้วยค่ะ ฝากแวะเข้าไปกันหน่อยนะจ๊ะ
  • 35 ตอน
  • 3,946
นิยายโดย
  • 5 คนติดตาม
บทนำ

บทนำ


ค.ศ. 1990 ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี

กลุ่มมาเฟียตระกูลลูซาโน มีหัวหน้าแก๊ง โมเดรโต ลูซาโน ในวัย 48 ปี พร้อมกับบุตรชาย ปาฟิเสล ลูซาโน อายุ 27 ปี ทายาทที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งลูซาโนคนต่อไป และที่ปรึกษาคนสนิทของหัวหน้าคือ ซีโอมาร์ ยาซาเบรียล อายุ 25 ปี เด็กกำพร้าที่โมเดรโตเลี้ยงดูมาพร้อมกับบุตรชาย ทั้งสามคนสำคัญของกลุ่มมาเฟียลูซาโน ยืนประจันหน้ากับกลุ่มมาเฟียตระกูลริค โดยมีเหล่ามือปืนและนักฆ่าตัวฉกาจยืนอยู่ด้านหลังร่วมร้อยคน

ทางฝ่ายกลุ่มมาเฟียตระกูลริคยืนหันหน้าเข้าหา กลุ่มมาเฟียลูซาโน โดยมี เอนโก ริค วัย 50 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง ข้างกายซ้ายขวาของเขามีมือปืนคนสนิทยืนประกบ คนที่ยืนถัดจากมือปืนคือ ลัคกี้ ริค วัย 28 ปี และเป็นบุตรชายของหัวหน้า

การประจันหน้าของสองแก๊งมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม โดยสองกลุ่มต่างตกลงกันเอง ผลจากธุรกิจผิดกฎหมายที่มีแก๊งเล็กแก๊งน้อยหลายแก๊ง พากันไปขอซื้ออาวุธกับแก๊งมาเฟียลูซาโน ทำให้อิทธิพลของลูซาโนยิ่งขยายอาณาเขตมากขึ้น

ทางฝ่ายหัวหน้าแก๊งมาเฟียริคเกิดความไม่พอใจ เพราะเขาแน่ใจว่าทั้งสองแก๊งต่างก็ส่งเงินสนับสนุนให้กับนายกเทศมนตรีเป็นจำนวนมากพอๆ กัน แต่ฝ่ายแก๊งลูซาโนกลับมีลูกค้าและมีแก๊งเล็กๆ เข้ามาขอพึ่งอิทธิพลมากมาย

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการนัดหมายกันในวันนี้ หากฝ่ายไหนชนะ ฝ่ายนั้นก็จะเป็นแก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่คุมธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมดในกรุงโรม ไม่ว่าจะเป็นการเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากโสเภณีข้างถนน การค้ายาเสพติด ค้าอาวุธสงคราม

ซึ่งมีธุรกิจผิดกฏหมายอีกมากมายที่ทำเงินให้กลุ่มคนพวกนี้

โดยมีนายกเทศมนตรีได้รับเงินสนับสนุนจากทั้งสองแก๊งคอยเอื้อประโยชน์อยู่เบื้องหลัง

เวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างยืนจ้องหน้ากัน ณ โกดังร้างแห่งหนึ่ง โดยคนในแก๊งต่างมีอาวุธครบมือราวกับกองร้อยทหาร ลมหนาวพัดเอาเศษใบไม้แห้งปลิวขึ้นกลางอากาศแล้วก็ดิ่งตกลงบนพื้นปูนแข็ง เศษเหล็กขึ้นสนิมวางกองอัดอยู่ริมรั้วตาข่ายซึ่งโอบล้อมโกดังร้างแห่งนี้ ทุกอย่างสงบนิ่งรอเวลาปะทุ

“หวังว่าแก๊งของสหายเอนโก ริค ผู้ยิ่งใหญ่ จะรักษาสัญญา” เสียงห้าวห้วนก้องกังวานของโมเดรโตดังแทรกความเงียบในโกดังร้าง เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากหัวหน้าแก๊งของอีกฝ่ายหนึ่ง

“คนอย่างเอนโกไม่เคยผิดคำพูดกับใคร สหายโมเดรโต” เอนโกตอบกลับเสียงดังพอกัน

สองหัวหน้าแก๊งผู้มีอิทธิพลก้าวเท้าเข้าหากัน โดยมีปืนในมือคนละกระบอก การดวลปืนในครั้งนี้บุตรชายของทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งลัคกี้นั้นโกรธแค้นปาฟิเลสเป็นการส่วนตัวและมีเรื่องบาดหมางกันเกินกว่าสิบปี

ครั้งสุดท้ายที่ทำให้ลัคกี้อยากจะไปยิงถล่มปาฟิเลสให้ตายด้วยมือตนเอง ก็คือฝ่ายตรงข้ามมาแย่งสาวคนรักไปและยังขืนใจเธอ นั่นเป็นสิ่งที่ลัคกี้ได้รับรู้จากลูกสมุนที่ชอบยุแยง

สำหรับปาฟิเลสนั้นถ้าถูกใจสาวคนไหน เขาก็บังคับเอาตัวมาได้ไม่ยากเพราะอิทธิพลของบิดา แต่สำหรับโซฟินที่ลัคกี้อ้างว่าเป็นคนรัก ความจริงแล้วโซฟินกับปาฟิเลสรักกันมาก่อน จนเกิดเรื่องฉาวโซฟินท้องขึ้นมา การแต่งงานจึงถูกจัดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจของลัคกี้ ซึ่งคิดว่าปาฟิเลสขืนใจสาวคนรักจนเธอตั้งท้อง

ระหว่างที่เอนโกและโมเดรโตกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ ลัคกี้และปาฟิเลสต่างส่งสายตาฟาดฟันกันเขม็ง ซึ่งศึกในครั้งนี้ลัคกี้เสนอให้โซฟินมาเป็นคนกลางยกมือให้สัญญาณ ในที่สุด เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง หัวหน้าทั้งสองแก๊งยืนหันหลังชนกัน แล้วเธอก็เริ่มนับ

“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า...” เสียงหญิงสาวนับตัวเลขชัดเจน ทั้งสองหนุ่มใหญ่ต่างก้าวเท้าเดินห่างออกจากกันตามจังหวะเสียงของโซฟิน

ขณะเดียวกันปาฟิเลสก็คิดจะให้บิดาของตนชนะให้ได้ สิ่งที่เขาพบเห็นมาตั้งแต่เด็กคือ บิดามักถูกทรยศหักหลัง ธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำให้โมเดรโตไร้สัจจะ ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่รักษาคำพูด ปาฟิเลสรู้จักบิดาดี จึงเตรียมปืนตนเองให้พร้อม พอภรรยาของเขานับถึงสิบ หัวหน้าทั้งสองก็หันมาลั่นไกใส่กัน

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงปืนสามนัดดังขึ้นพร้อมๆ กัน ปืนนัดหนึ่งจากเอนโกทะลุต้นแขนซ้ายของโมเดรโต ส่วนปืนอีกสองนัด นัดหนึ่งมาจากปาฟิเลสยิงเข้าหน้าอกด้านซ้ายของเอนโก อีกนัดหนึ่งจากปืนของโมเดรโตยิงเข้าหัวไหล่ซ้ายของเอนโก

ลัคกี้ซึ่งระแวงปาฟิเลสอยู่แล้ว เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง จึงยกปืนขึ้นยิงใส่กลางหน้าผากของโซฟินผู้หญิงที่เขารัก แต่คนที่เจ็บปวดกว่าคือปาฟิเลสผู้เป็นสามี บุตรชายของโมเดรโตถึงกับคลั่งไล่ยิงลัคกี้ แต่เพราะขาดสติทำให้กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ ขณะที่ลัคกี้กำลังวิ่งหลบ เขาก็หันมาเหนี่ยวไกใส่ปาฟิเลสซึ่งกำลังวิ่งเข้าไปในวงล้อมของแก๊งริค กระสุนจากปืนเป็นสิบนัดถูกยิงใส่ร่างของปาฟิเลสเพียงคนเดียว

ซีโอมาร์รีบพาโมเดรโตผู้เป็นหัวหน้าซึ่งถูกยิงบาดเจ็บหลบออกไป โดยสั่งให้ผู้คุ้มกันอีกชุดหนึ่งไปช่วยปาฟิเลสออกมา ลูกสมุนทั้งสองฝ่าย ต่างสาดกระสุนใส่กันเพื่อช่วยนายของตนเด็ดหัวของอีกฝ่าย โดยเฉพาะแก๊งของตระกูลริค เมื่อเข้าไปดูและพบว่าเอนโกหัวหน้าแก๊งขาดใจตายไปแล้ว ก็รัวยิงฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง

ทว่า...ปาฟิเลสผู้ที่ทำให้การตกลงครั้งนี้ล้มเหลวและกลายเป็นความแค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่อาจพาชีวิตออกจากวงล้อมของแก๊งมาเฟียริคได้

โดยที่ลัคกี้เองก็บาดเจ็บไม่น้อย คนที่มีชีวิตรอดจึงพาทายาทของตระกูลริคฝ่ากระสุนออกจากโกดังร้างทางประตูอีกด้านหนึ่งเพื่อไปรักษาตัว ส่วนหนึ่งก็พาร่างไร้วิญญาณของเอนโกไปด้วย

ลูกสมุนฝ่ายแก๊งมาเฟียลูซาโนที่เหลือรอดชีวิต เห็นร่างของปาฟิเลสถูกทิ้งไว้ ชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน กระสุนที่ถูกยิงใส่นั้นนับไม่ถ้วน ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเขาไปจับชีพจรทั้งที่รู้ว่าทายาทของโมเดรโตคงหมดลมหายใจไปนานแล้ว แต่เขาก็ทำเพื่อความแน่ใจ ทั้งหมดจึงช่วยกันนำร่างของสองสามีภรรยาที่ต้องเสียชีวิตวันเดียวกัน กลับไปที่แก๊งของตน


หนึ่งเดือนต่อมา ณ คฤหาสน์ตระกูลริค

ลัคกี้ออกจากโรงพยาบาลและรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมาเฟียริคเป็นคนต่อไป หัวหน้าคนใหม่ จัดงานงานเลี้ยงรื่นเริงขึ้นภายในคฤหาสน์ตระกูลริค เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าสมาชิก ทั้งเครือญาติในตระกูล และลูกสมุนฝีมือดีทั้งหลาย ตัวเขานั่งอยู่กับบุตรชายวัยหกปี และภรรยาวัยยี่สิบหกปี

“พ่อยังเจ็บแผลอยู่ใช่มั้ยครับ” วิลเฟรโดเด็กชายวัยหกปีเอ่ยถามบิดาซึ่งทำหน้าเหยเกเวลาขยับตัว มือเล็กๆ จับที่ท่อนแขนใหญ่ราวกับว่าจะช่วยคลายเจ็บให้

“ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันพ่อก็หาย” ลัคกี้ลูบศีรษะเด็กชายแสดงความรัก แต่แววตานั้นกำลังคิดถึงการตายของบิดา เพราะปาฟิเลสเล่นไม่ซื่ออาศัยจังหวะยิงพร้อมกับโมเดรโตลั่นไก

“ฉันว่าคุณไปพักก่อนดีกว่าค่ะ” แพททริเซียเอ่ยกับสามีด้วยแววตาห่วงใย

“ผมไม่เป็นไร วิลเฟรโดลูกจงจำไว้ ว่าตระกูลลูซาโนมันฆ่าปู่ของลูก” ลัคกี้บอกกับภรรยาแล้วหันไปพูดกับบุตรชายเสียงเหี้ยม แพททริเซียเห็นแววตาของสาวมีจึงไม่กล้าห้ามปราม


คฤหาสน์ตระกูลลูซาโน

หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของบุตรชายและสะใภ้ โมเดรโตก็มีแต่ความเศร้าโศก เขาไม่เข้าประชุมกับบรรดาสมาชิกซึ่งเป็นเครือญาติ และต่างก็ถือหุ้นกันคนละยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจผิดกฎหมาย

จนผ่านมาถึงวันนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว บาดแผลจากการถูกยิงที่แขนซ้ายหายปกติ ดวงตาสีเทาเหลือบมองหลานชาย และได้เห็นเอนซิโอในวัยเจ็ดปี มีแต่ใบหน้าเคร่งขรึมเกินวัย เด็กชายต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพร้อมกับพรากเอาความร่าเริงสดใสในวัยบริสุทธิ์หายไปด้วย

“เอนซิโอ” โมเดรโตเรียกหลานชายให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องหนังสือ

“ปู่มีอะไรหรือครับ” เอนซิโอพูดจาสุขุมผิดไปเป็นคนละคน

“พรุ่งนี้หลานไปประชุมกับปู่ ตื่นแต่เช้าล่ะ” หัวหน้าแก๊งวัยสี่สิบแปดปีบอกสั้นๆ แล้วส่งหนังสือเคล็ดลับการบริหารงานโรงแรมให้หลานชายเอาไปอ่าน


เช้าวันต่อมา

โมเดรโตนั่งหัวโต๊ะในห้องประชุมโดยมีหลานชายนั่งบนเก้าอี้ข้างกัน สมาชิกทั้งหกคนมาครบหมดแล้ว ดวงตาสีเทาของคนที่เป็นหัวหน้ามองผู้ร่วมประชุมทีละคน แววตาคาดหวังของสมาชิกทำให้โมเดรโตต้องถอนหายใจออกมา

“การเจรจาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกคนคงรู้ดี” เสียงทรงพลังของมาเฟียผู้มีอิทธิพล แม้แต่เครือญาติยังเกรงกลัว ทุกคนในที่ประชุมต่างพยักหน้ารับ ประธานจึงกล่าวต่อ

“ความผิดพลาดทั้งหมด เกิดจากลูกชายของฉันเอง ทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย และเพื่อจบความแค้นระหว่างแก๊งของพวกเราและแก๊งริค ฉันขอเสนอให้แก๊งลูซาโนเลิกค้าของผิดกฎหมาย” พูดไม่ทันจบ สมาชิกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นน้องชายของปาฟิเลสก็ค้านขึ้น

“เรื่องอะไรพวกเราต้องหลบทางให้มันล่ะพ่อ ไอ้ลัคกี้มันก็ฆ่าคนของเราไปถึงสองคน ฝ่ายเราควรจะเอาคืนมันมากกว่า” เสียงของอันแบรโตแสดงความไม่พอใจชัดเจน และยังมีสมาชิกอีกสามคนต่างก็ส่งเสียงเห็นด้วยกับอันแบรโต

คนที่เป็นหัวหน้าต้องรีบยกมือขึ้นห้ามบุตรชาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยช่วยงานของครอบครัว การตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงของเขาทำเพื่อหลานชายเพียงคนเดียว อนาคตไม่มีใครรู้ได้ ถ้าคนอย่างโมเดรโตหมดอำนาจเป็นแค่ตาแก่ไร้อิทธิพล หรือถึงขั้นเสียชีวิต หลานกำพร้าคนนี้จะทำอย่างไร เขาทบทวนเป็นครั้งสุดท้าย และยื่นมือไปรับพิมพ์เขียวแบบแปลนโรงแรมจากซีโอมาร์ มากางให้สมาชิกดู

“ทุกคนฟังฉันก่อน แก๊งของเราจะยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่เราจะทำธุรกิจโรงแรม ถ้าใครไม่เห็นด้วยจะถอนหุ้นไปทำกิจการอะไร ฉันยินดีสนับสนุน แต่ถ้าเรายังรวมกันเป็นแก๊งอยู่อย่างนี้ โรงแรมที่กำลังจะสร้างขึ้นในไม่ช้า จะต้องยิ่งใหญ่มีอิทธิพลไม่ต่างจากธุรกิจที่พวกเราได้ทำกันมา” เสียงหนักแน่นเด็ดขาดกอปรกับแววตาดุดัน ยากที่ใครจะกล้าคัดค้าน

เมื่อโมเดรโตพยักหน้าให้ที่ปรึกษา หรืออีกตำแหน่งหนึ่งของซีโอมาร์คือว่าที่ทนายประจำตระกูลลูซาโน ซึ่งเขาเรียนใกล้จะจบแล้ว

ซีโอมาร์คนหนุ่มผู้มีมันสมองปราดเปรื่องเริ่มบอกแนวทางการบริหารธุรกิจโรงแรม ความสำเร็จและผลประกอบการที่จะมีขึ้นในอนาคต สมาชิกหลายคนเคยเห็นความสามารถของหนุ่มคนนี้ ทำให้ทุกคนเริ่มคล้อยตามและในที่สุดก็เห็นด้วย

มีเพียงอันแบรโตเพียงคนเดียวที่คิดค้านอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา เพราะเกรงบารมีของบิดา อีกเหตุผลหนึ่งคือสมาชิกทุกคนต่างสนับสนุนกันหมด เขาจึงเก็บความไม่พอใจไว้ภายใน สิ่งที่เคยคาดหวังไว้พังลงไม่เป็นท่า เขาวาดฝันว่าเมื่อโมเดรโตสูญเสียทายาทอันดับหนึ่ง อนาคตเขาอาจจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแทนปาฟิเลสผู้เป็นพี่ชาย

อีกสิบปีข้างหน้าหากโมเดรโตจะสละตำแหน่ง หลานชายซึ่งเป็นทายาทสายตรงก็ยังไม่โตพอจะรับตำแหน่งได้ แน่นอนว่าตำแหน่งหัวหน้าต้องให้ทายาทที่มีสายเลือดใกล้ชิดกันในลำดับถัดไป ซึ่งก็คือเขาเองที่เป็นลูกชายคนเล็กของหัวหน้า

แต่ความไม่พอใจของอันแบรโตก็เป็นได้เพียงคลื่นใต้น้ำ ที่ไม่มีวันม้วนตัวบนผิวน้ำ และคนเป็นพ่อไม่อาจรู้ได้เลย ว่าลูกชายคนเล็กคิดอย่างไรกับการตัดสินใจหลีกทางให้แก๊งมาเฟียริคมาเป็นใหญ่ในธุรกิจผิดกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว

นิยายเรื่องอื่นของวไลกร / ชาล็อต