Beauty & The X Beast โฉมงาม กับ อสูรทมิฬ
วรรณกรรมผู้ใหญ่
Beauty & The X Beast โฉมงาม กับ อสูรทมิฬ
วรรณกรรมผู้ใหญ่
เรื่องราวในเทพนิยายชวนฝัน...แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อ ‘เบลล่า’ ยอมเป็นนักโทษของอสูรร้ายเพื่อแลกตัวกับผู้เป็นบิดา ทว่าในยามค่ำคืน อสูรร้ายกลับกลายร่างเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม ที่มีเรือนกายกำยำ และทุกส่วนสัดบนเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ชวนให้น่าหลงใหล เบลล่าจำต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างในฐานะ ‘นางบำเรอของอสูร’ เพื่อสนองความต้องการที่ดุดันของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ******************************* บัดนี้เบื้องหน้าของเธอคือบุรุษรูปงามกำลังยืนเปลือยกายอยู่... ทุกส่วนสัดของเขามันช่างดูราวกับถูกสรรค์สร้างมาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะลอนหน้าท้องที่ปราศจากไขมัน มัดกล้ามที่แขน หน้าอกบึกบึนสมชายชาตรี รวมถึงบางสิ่งที่กำลังตั้งตรงตระหง่าน ทุกส่วนประกอบกันแล้วดูช่างไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นในวิหารเทพเจ้า ชายหนุ่มตวัดดึงร่างของเบลล่าเข้ามาและตะโบมจูบอย่างดุดัน ร่างกายกำยำของเขาบดเบียดเข้าหาร่างอ่อนนุ่มที่แม้จะพยายามขืนตัวเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้ “อือ...อื้อออ เบลล่าพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่อีกฝ่ายกลับรวบมือของเธอเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้งใบหน้าของหญิงสาวให้จำยอม ตอบรับรสจูบที่ดุเดือดจากเขาด้วยแรงอารมณ์ประทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง! “เธอจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะนางบำเรอของเจ้าชายอสูร!” อดัมประกาศกร้าว ก่อนจะผลักตัวหญิงสาวลงไปนอนกับเตียง จากนั้นเขาลงมือจัดการกับเธอ
  • 5 ตอน
  • 8,292
นิยายโดย
  • 62 คนติดตาม
  • Tag
  • #
บทนำ

บทนำ

เบื้องหน้าของหญิงสาวปรากฏภาพของปราสาทสีดำทะมึน มันดูคล้ายกับปราสาทร้างที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและชวนให้จินตนาการถึงปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่ภายด้านใน‘เบลล่า’ หญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมชุดคลุมกันหนาวที่ยาวกรอมพื้น ตัดสินใจขี่ม้าออกมาจากหมู่บ้าน เพื่อมาตามหาบิดาที่เชื่อว่าถูกจับตัวเอาไว้ยังสถานที่แห่งนี้

สองเท้าย่างกรายเข้าไปภายในปราสาทที่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ความรู้สึกเย็นยะเยือกกระจายไปทั่วทั้งร่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดถึงปลายเท้า เธอไม่รู้และไม่อาจคาดเดาได้ว่าใครเป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ เท่าที่รู้เธอไม่เคยเห็นหรือเคยรู้ว่ามีปราสาทที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ในละแวกที่เธออาศัย

“มีใครอยู่ไหมคะ?”

เบลล่าตะโกนถามออกไป สายตากวาดมองรอบๆ โถงทางเดินที่กว้างขวางและโอ่อ่า มีเพียงไฟจากคบเพลิงที่ถูกจุดเอาไว้ตามเสาหินเพื่อให้ความสว่าง กระนั้นแสงไฟสีส้มก็ไม่ได้ทำให้เธอมองเห็นทัศนะวิสัยโดยรอบได้ดีเท่าที่ควร ในความคิดของเธอ ปราสาทแห่งนี้ในอดีตคงจะเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก เพราะมันยังหลงเหลือร่องรอยแห่งความงดงามเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสาหินขนาดมหึมา แชนเดอเลียที่ประดับประดาไปด้วยแก้วคริสตัลห้อยระย้าลงมา และบันใดวนที่ปูด้วยพรมสีแดงเลือดหมู รวมถึงรูปปั้นอัศวินในชุดเกราะสีเงินที่ยืนตระหง่านทอดยาวไปตามทางเดิน

ทันใดนั้นเอง เสียงที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น ทำให้เบลล่าต้องหันมองหาที่มาของเสียงนั้น

“ปล่อยข้าออกไปนะ! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”เสียงร้องโหยหวนของ‘มอรีซ’ ผู้เป็นบิดาดังขึ้น ทำให้เบลล่าต้องรวบรวมความกล้ารีบวิ่งไปตามเสียงนั้นด้วยความเป็นห่วง

“พ่อ! อยู่ที่ไหนน่ะ?”

“ช่วยด้วย!! นั่นเบลล่าเหรอลูก ช่วยพ่อด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเธอก็รีบวิ่งไปตามเสียงที่ดังมาจากเบื้องล่างของปราสาท หญิงสาววิ่งไปตามเส้นทางที่ปูไปด้วยพื้นหิน จนพบกับบันไดเวียนที่นำพาไปสู่ห้องใต้ดินเบื้องล่าง เธอรู้ว่าตนเองมาถูกทางเมื่อได้ยินเสียงร้องของผู้เป็นบิดาดังชัดขึ้นเรื่อยๆ

“พ่อ! ข้ามาช่วยแล้ว” เบลล่ารีบวิ่งไปตามเส้นทางที่ทั้งมืดทั้งหนาวเหน็บ เสียงจากคบเพลิงที่ส่องสว่างรำไรไม่ช่วยให้เธอมองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจนนักแต่ก็ทำให้รู้ว่าเบื้องล่างคือคุกใต้ดินที่ใช้สำหรับคุมขังนักโทษในสมัยโบราณ

เบลล่าเดินไปตามเส้นทางจนกระทั่งได้พบกับมอริชที่ถูกขังอยู่ในคุก มอริชส่งเสียงครวญร้องขอความช่วยเหลือด้วยใบหน้าที่หวาดผวาสองมือสั่นเทาพยายามเขย่ากรงขังด้วยความหวาดกลัว

“บะ...เบลล่า...ช่วยพ่อด้วย!”

“ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความตกใจ ขณะที่พยายามมองหาว่าจะช่วยเหลือผู้เป็นบิดาด้วยวิธีใด ในเมื่อประตูคุกถูกล็อคเอาไว้ด้วยแม่กุญแจอย่างแน่นหนา

“มันจับพ่อมา...ไอ้ปีศาจนั่น!เร็วเข้า! ก่อนที่มันจะมา”มอรีซปากคอสั่นเทา ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวบางสิ่ง

“ใครคะ...ใครที่จับตัวพ่อมาขังไว้?!” เบลล่าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมอรีซ ทำไมบิดาเธอถึงถูกจับ แล้วปีศาจที่เขากล่าวถึงมันหมายความว่าอะไรกัน?

หากยังไม่ทันที่เบลล่าจะได้เอ่ยถามอะไรต่อไป ความเย็นยะเยือกก็เข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบในทันที หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่ย่างกรายเข้ามาดุจดังเช่นเงาของมัจจุราช และไม่มีโอกาสได้หันไปมองว่ามีสิ่งใดกำลังตรงเข้ามาประชิดตัว ทันใดนั้นเองร่างของเธอก็ถูกตะครุบตัวเอาไว้จากทางด้านหลัง ก่อนจะถูกลากตัวเข้าไปในความมืดมิดที่ปราศจากแสงไฟ

“อื๊อ...อื๊อ”

เมื่อตั้งสติได้ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน หากแต่ร่างกายกลับถูกตึงเอาไว้ด้วยพละกำลังที่ยากจะต่อกรด้วย เธอถูกโอบรัดเอาไว้ด้วยท่อนแทนอันทรงพลัง และลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดมายังต้นคอ

“เจ้าเป็นใคร...” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำคำรามเบาๆ ที่ข้างหูของเบลล่า ในขณะที่สองมือนั้นรวบตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหนได้จากทางด้านหลัง

“ขะ...ข้าชื่อเบลล่า...ข้ามาตามหาพ่อ” เจ้าของชื่อทำใจกล้าพูดออกไป ถึงแม้ในใจจะรู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในเวลานี้เธอแทบไม่อาจจะขยับเขยื้อนตัวได้ อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของร่างที่จับตัวเธอเอาไว้จนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง

“เบลล่า...อย่างนั้นน่ะเหรอ หึๆ” เจ้าของร่างสูงส่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ก่อนจะใช้จมูกสูดดมเข้าไปยังเรือนผมของเธอ และละไล้ไปตามลำคอที่ขาวนวลไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าผู้ล่าที่กำลังสำรวจเหยื่อที่ตกอยู่ในอุ้งมือ

ทันใดนั้น มือแกร่งก็เลื่อนมาปลดเสื้อคลุมของเธอออก ก่อนจะกระชากเสื้อผ้าที่ใช้ปกคลุมร่างกายของเบลล่าจนขาดสะบั้น เสื้อคลุมกันหนาวตัวหนากองอยู่กับพื้น ส่วนชุดกระโปรงที่สวมใส่มาถูกฉีกทึ้งอย่างง่ายดายราวกับเป็นแค่เพียงแค่เศษกระดาษไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน...

“กรี๊ดดดดดด”

หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น แต่เสียงนั้นคงไม่มีใครได้ยิน เมื่อในตอนนี้เธออยู่ในคุกใต้ดินของปราสาทที่ปราศจากผู้คน

“ร้องดังๆ สิ...ข้าชอบเสียงกรีดร้องนั่น” ผู้ที่อยู่ในความมืดมิดกล่าวออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มจู่โจมหญิงสาวที่ไร้ซึ่งทางสู้โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

ร่างที่เปลือยเปล่าของเบลล่ากำลังถูกรุกรานจากทางด้านหลัง ความร้อนรุ่มบางอย่างกำลังดุนดันเข้ามาแนบกายเธอรู้สึกว่าเจ้าสิ่งนั้นมันแข็งเหมือนกับแท่งเหล็กร้อน ใบหน้าของเธอแดงซ่านไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเพราะอะไรกันแน่

วินาทีนั้นเอง ร่างกายที่ปราศจากสิ่งปกปิดของเธอก็ถูกบุรุษที่เร้นกายอยู่ในความมืดลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วน ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังสำรวจทุกพื้นที่ที่เขาปรารถนา มือหนาเลื่อนไล้ไปตามหน้าอกที่อวบอิ่ม ไล้วนยังปลายยอดก่อนจะเคล้นคลึงไปมายังเนินเนื้อทั้งสองข้าง จากนั้นก็ขยับเลื่อนไปตามเอวและบั้นท้ายของเธอคนไม่มีทางหนีไม่รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร หากแต่รู้สึกได้เพียงการสัมผัสอย่างหนักหน่วงไปตามเรือนร่างของตน และทุกการเคลื่อนไหวมันทำให้เธอรู้สึกรุ่มร้อนอย่างบอกไม่ถูก

เบลล่าพยายามที่จะขัดขืน แต่ด้วยความหวาดกลัวทำให้ร่างกายของเธอกลับแข็งทื่อคล้ายกับถูกสาปให้กลายเป็นรูปปั้นหินเธอไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนสัมผัสอย่างอุกอาจเช่นนี้มาก่อน หรือถ้าพูดให้ถูก...เธอไม่เคยรู้สึกพึงพอใจผู้ชายคนใดในหมู่บ้านเลยสักคน แม้แต่‘กัสตอง’ ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างกำยำ บึกบึน คนที่สาวๆ ในหมู่บ้านต่างพากันชื่นชมเขาด้วยความหลงใหลในความแข็งแกร่งก็ตามทว่าเธอกลับไม่เคยคิดที่จะสนใจใยดีหรือคิดจะยอมตกล่องปล่องชิ้นกับเขาตรงกันข้าม เบลล่ารู้สึกรำคานทุกครั้งที่กัสตองพยายามจะพูดเรื่องแต่งงานกับเธอ

ทว่า...มันช่างน่าแปลกที่ไม่รู้ว่าทำไมในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกซาบซ่านยามที่ถูกใครก็ไม่รู้กำลังล่วงเกินร่างกายอยู่มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและยากจะอธิบายได้ หากเธอรู้สึกว่าทุกพื้นที่บนร่างกายที่กำลังโดนแตะต้อง มันช่างร้อนวูบวาบและกระตุ้นความต้องการส่วนลึกตามธรรมชาติของหญิงสาว

ร่ายกายที่เปลือยเปล่าของเบลล่าไม่อาจขัดขืนหรือต้านทานได้ เมื่อเธอถูกแตะต้องจากผู้ล่าที่เจนเจนจัดในการจัดการกับเหยื่อที่หลงเข้ามาในปราสาทลึกลับมือของคนที่อยู่ในเงามืด ขยับเลื่อนต่ำลงไปยังหน้าท้อง ก่อนจะตรงเข้าจู่โจมเข้าที่กลีบดอกไม้งามอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัวมันเป็นสัมผัสที่แฝงไปด้วยความดุดันและนุ่มนวลไปพร้อมๆ กัน

“อ๊ะ...”

เบลล่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนแตะต้องพื้นที่สงวน เธอพยายามขัดขืนในตอนแรก แต่เมื่อถูกปลายนิ้วอุ่นกระตุ้นอย่างช่ำชอง ร่างบางที่พยายามขัดขืนก็กลับกลายเป็นหมดเรี่ยวแรงและอ่อนระทวยในอ้อมกอดนั่น

แน่นอนว่าเธอไม่อาจต้านทานต่อความต้องการที่เกิดขึ้นได้ ทั้งที่พยายามจะสะกดกลั้น เพื่อไม่ให้ตนหลงเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หากมันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ตื่นเต้นกับการถูกสัมผัสจากคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย หรือถ้าพูดให้ถูกเธอมองไม่เห็นตัวตนของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงได้รู้สึกซาบซ่านไปกับการกระทำที่อุกอาจ จากผู้ที่แท้จริงแล้วอาจจะเป็นปีศาจร้ายอย่างที่พ่อเธอตะโกนออกมาเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้

หญิงสาวผู้อ่อนประสบการณ์ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของตนถึงได้รู้สึกดีเช่นนี้ มันเป็นความรู้สึกร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยความต้องการตามธรรมชาติของหญิงสาว และดูเหมือนว่าคนที่กำลังสำรวจเรือนร่างของเธออยู่ก็รับรู้ได้เช่นเดียวกัน

“เจ้าช่างน่ารักเสียจริง” เสียงของผู้ที่ยังเร้นกายอยู่ในความมืดกระซิบบอกด้วยความพึงพอใจกับปฏิกิริยาของหญิงสาวที่ตอบสนองต่อรสสัมผัส ก่อนจะลงมือจัดการกลืนกินเนินเนื้อนุ่มด้วยความหิวกระหาย

“อ๊ะ...อ่าสสส์ อย่านะ”

เบลล่าพยายามจะปฏิเสธ แต่บัดนี้สองมือของเธอถูกรวบเอาไว้เหนือศีรษะเลยไม่อาจจะปัดป้องอีกฝ่ายได้ เธอรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นที่อุ่นร้อน ยามที่เขาขมเม้มหน้าอกของเธอทั้งสองข้างสลับกันไปมา ส่วนมือข้างที่ว่างก็ขยำมันไปด้วย เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด ถึงแม้ว่าสายตาจะพยายามเพ่งมองไปเบื้องหน้าก็ตามที

“เนื้อตัวของเจ้าช่างนุ่มนิ่มน่ากินเสียเหลือเกินเบลล่า...”

“ปะ...ปล่อยข้านะ!”

ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกได้ถึงการรุกรานที่ไม่อาจขัดขืนได้ แต่ดูเหมือนยิ่งเธอพยายามดิ้นรนขัดขืน บุรุษในความมืดนั้นก็ยิ่งปลุกปั่นเธออย่างหนักหน่วง ด้วยการดูดเม้มปลายยอดของหน้าอกที่อวบอิ่ม และใช้ปลายนิ้วกระตุ้นกายสาวให้โอนอ่อนผ่อนตาม

เบลล่าแทบจะยืนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป ถึงแม้ในใจจะรู้สึกหวาดกลัวและไม่สมยอม แต่ร่างกายของเธอกลับตอบรับสัมผัสนั้นราวกับดอกไม้ที่ต้องการให้ผีเสื้อได้มาลิ้มลองน้ำหวานจากกายตน

“ทะ...ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ ข้าแค่มาตามหาพ่อ และท่านก็จับตัวเขาไว้”

เมื่อหมดทางที่จะหนีรอด เธอก็จำต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เบลล่าพยายามพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ให้เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่เธอมายังปราสาทแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะสร้างความไม่พอใจให้คนฟังเป็นอย่างยิ่ง และทำให้เขาหยุดมือจากทุกสิ่ง เพื่อบอกความจริงที่หญิงสาวควรจะรับรู้เอาไว้

“เขาเป็นนักโทษของข้า!”

“พ่อของข้าเป็นเสรีชน แล้วจะเป็นนักโทษของท่านได้อย่างไรกัน!”

“พ่อของเจ้ามันเป็นหัวขโมย!” เสียงนั้นตวาดกร้าว จนหญิงสาวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“มะ...ไม่จริง ท่านใส่ร้ายเขา!”

“เหอะๆ เป็นความจริง พ่อของเจ้าตั้งใจจะมาขโมยของที่ปราสาทของข้า และเขาก็ต้องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินแห่งนี้ไปจนตาย!”บุรุษในความมืดยอมปล่อยตัวเธอชั่วครู่ หากแต่วงแขนของเขายังคงกักตัวเธอเอาไว้ไม่ให้เธอเป็นอิสระได้ง่ายๆ

“ข้าไม่เชื่อ พ่อของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!” เธอพยายามเถียง เพราะไม่เชื่อคำกล่าวหานั้น

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปถามมันดูไหมล่ะ!”

เมื่อเจ้าของปราสาทพูดจบ เขาก็ตวัดผ้าคลุมของหญิงสาวที่ร่วงหล่นอยู่กับพื้นขึ้นมาคลุมกายเธอเอาไว้ราวกับมีเวทมนต์ และทันทีที่เธอตั้งสติได้ ก็พบว่าตนเองออกมาจากความมืดมิด และมายืนอยู่ที่หน้ากรงขังของมอรีซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เบลล่า! ลูกพ่อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

มอรีซมีสีหน้าดีใจที่เห็นหน้าลูกสาวคนสำคัญ ส่วนเบลล่าเองก็รีบพยายามปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ ก่อนถามถึงเรื่องที่เจ้าของปราสาทบอกเมื่อครู่นี้ให้กระจ่างแจ้ง

ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยสักนิดว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อมอรีซบังเอิญหลงเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ เขาก็เลยมีความคิดที่จะขโมยสิ่งของล้ำค่าในปราสาทไปขาย เพราะเข้าใจว่ามันเป็นปราสาทร้างที่ปราศจากผู้คน โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว สถานที่แห่งนี้...เป็นที่อยู่ของอสุรกาย!

“พ่อ! บอกเขาไปสิว่าพ่อไม่ได้ขโมยอะไร พ่อไม่ได้ทำแบบที่เขากล่าวหา!”

“อย่าไปเชื่อคำของไอ้อสูรนั่นนะ! พ่อไม่ได้ขโมย” ผู้ร้ายปากแข็งยังคงยืนกรานหนักแน่น แต่คำว่า ‘อสูร’ ทำให้เบลล่าต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน

“อสูร? อย่างนั้นเหรอคะ?”

ทันทีที่เธอถามกลับไป หญิงสาวก็หันหน้ากลับไปมองยังด้านหลัง และนั่นเป็นผลให้เธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเองเห็น...