สาปสวาทเจ้าชายอสูร
แฟนตาซี-ไซไฟ
สาปสวาทเจ้าชายอสูร
แฟนตาซี-ไซไฟ
ปาระมิตา
คำสาปชั่วร้ายจากป่าอาถรรพ์ทำให้ คาริล เจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งเมอเรส ต้องมีใบหน้าเป็นอสูรครึ่งซีกในคืนพระจันทร์เต็มดวง ทรงต้องร่วมรักกับหญิงสาวในขณะที่มีใบหน้าดุจปีศาจร้าย ใบหน้าของพระองค์จึงจะกลายกลับมาเป็นดังเดิม มันไม่ยากเลยสักนิดที่เจ้าชายรูปงาม รัชทายาทพระองค์เดียวแห่งเมอเรส จะหาหญิงสาวมาร่วมหลับนอนกับพระองค์ในทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ทว่า... คำสาปชั่วร้ายทำให้คาริลไม่สามารถจะร่วมรักกับหญิงสาวคนใด เป็นครั้งที่สองได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้น สตรีผู้โชคร้ายจะต้องตายในอ้อมกอดของพระองค์ทันที และเพื่อปกป้องชีวิตของหญิงสาวแห่งเมอเรส พระองค์จึงต้องกลายเป็นเจ้าชายนักรักที่เปลี่ยนสตรีไม่ซ้ำหน้า โดยไม่มีใครรู้ความจริงว่า นั่นคือการปกป้องประชาชนของพระองค์ วาเลนน์ ฮิสตัน ทายาทคนสุดท้องของตระกูล ผู้ที่บิดาแสนจะเกลียดชัง โดยที่เธอไม่ทราบสาเหตุแห่งความเกลียดชังนั้น การที่ไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นบิดา ทำให้เธอโหยหาความรักความอบอุ่นจากใครสักคน และไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือฝันร้าย จู่ๆ เธอก็ถูกส่งตัวไปยังปราสาทของเจ้าชายคาริล แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความรักที่เธอถวิลหามาชั่วชีวิต
  • 9 ตอน
  • 2,527
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
บทนำ

บทนำ


เสียงครางกระเส่าของชายหนุ่มหญิงสาวดังขึ้นภายในห้องนอนอันแสนโอ่อ่าทว่ากลับมืดสนิท แม้แต่แสงแห่งดวงจันทร์ที่กำลังเต็มดวงก็ไม่สามารถจะเล็ดลอดเข้ามาได้

“ได้โปรดเถิดคาริล หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว อ่า...” หญิงสาวครวญครางขณะแอ่นตัวรับความสุขสันต์ที่กำลังจะระเบิดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

แล้วพายุอันโหมกระหน่ำที่พัดพาน้ำทะเลจนเกือบจะบ้าคลั่ง ก็นิ่งสงบลงพร้อมๆ กับร่างแกร่งที่ทอดกายลงเคียงข้างหญิงสาว

วงแขนของเจ้าหล่อนตวัดมาเพื่อโอบกอดบุรุษข้างกาย ทว่ายังไม่ทันจะถูกผิวเนื้อ เสียงตวาดเข้มๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ออกไป!”

หญิงสาวผู้นั้นดีดกายลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ

“อะ อะไรนะเพคะ นี่เพิ่งจะ...”

“ข้าบอกให้ออกไป กลับไปนอนที่ห้องของเจ้าซะ แล้วพรุ่งนี้ก็รีบออกไปจากที่นี่แต่เช้า”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่! งานของเจ้าได้จบลงแล้ว และข้าจะให้ค่าตอบแทนอย่างงาม เจ้าจะได้รับมันทันทีเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว”

“คาริลเพคะ หม่อมฉันมาที่นี่เพราะพระองค์ ไม่ได้ต้องการสิ่งของมีค่าตอบแทนแต่อย่างใด ได้โปรดอย่าไล่หม่อมฉันไปเลยนะเพคะ เอ่อ...ทำไมเราไม่เปิดไฟคุยกันล่ะเพคะ หม่อมฉันอยากจะเห็นใบหน้าของพระองค์ มันคงจะดีมากเลยหากว่าเราจะ...”

“ออกไป!” คราวนี้เจ้าชายคาริลทรงดีดกายลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับเสียงตวาดอันดังลั่นห้อง “จะออกไปเองหรือจะให้ข้าเรียกทหารมาลากเจ้าไป”

หญิงสาวผู้โชคร้ายลนลานคลำหาเสื้อผ้ามาใส่ จากนั้นจึงรีบออกไปจากห้องทันที


เจ้าชายคาริลเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่างก่อนจะใช้สองมือผลักบานมันออกไป พระจันทร์ข้างนอกกำลังสว่างสุกใสเต็มดวง แต่ชีวิตของพระองค์ทำไมมันช่างมืดมิดนัก มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ เลยสักนิด

พระองค์เกลียดพระจันทร์! โดยเฉพาะในคืนที่มันสาดแสงเต็มดวงอยู่เช่นนี้

คาริลยกมือขึ้นลูบใบหน้าข้างซ้ายอย่างช้าๆ และรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะกลับมาเหมือนเดิมแล้ว รอยเหี่ยวย่นและเป็นนูนตะปุ่มตะป่ำกำลังจะหายไป แต่ในไม่ช้ามันก็จะกลับมาอีกครั้งพร้อมๆ กับแสงแห่งดวงจันทร์ในคืนที่มันเต็มดวง

“เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ”

เสียงที่ดังมาจากด้านนอกทำให้คาริลหยุดความคิดเอาไว้แล้วถอยออกมาจากริมหน้าต่าง

“เข้ามาเถิดคาร์ล”

เมื่อพระองค์เอ่ยอนุญาต ประตูห้องจึงเปิดออกและถูกปิดลงอีกครั้งเมื่อนายทหารหนุ่มก้าวเข้ามาแล้ว

“เปิดไฟให้ด้วย” คาริลสั่ง

“แต่ว่า...”

“ทำไม! เจ้ายังรับไม่ได้อยู่อีกหรือ กับใบหน้าอันแสนทุเรศของข้า ถ้าเช่นนั้นก็จงออกไปซะ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น

“ทรงรู้ว่ากระหม่อมไม่มีวันคิดเช่นนั้น เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพระองค์เป็นความรับผิดชอบของกระหม่อมโดยแท้ หากวันนั้นกระหม่อมไม่มัวแต่ตามผู้หญิงคนนั้นไป เจ้าชายก็คงไม่...”

“อย่าพูดถึงมันอีกเลย เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นกลลวง ข้าไม่เคยคิดว่ามันเป็นความผิดของเจ้าเลยสักนิด เพราะต่อให้เจ้าอยู่ที่นั่นด้วยมันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ว่าแต่เจ้ามีอะไรหรือ จัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ทรงเปลี่ยนเรื่อง

“กระหม่อมให้คริสเตรียมของให้เธอเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าเธอจะออกไปจากที่นี่อย่างไม่มีเงื่อนไขพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบใจมาก ว่าเรื่องของเจ้ามาได้แล้ว” เจ้าชายคาริลเดินไปเปิดไฟกลางห้อง ก่อนจะกลับมานั่งลงที่เตียงนอนของพระองค์

“ทรงกลับมาเหมือนเดิมแล้ว” คาร์ลยิ้มเมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาประดุจรูปปั้นเทพเจ้าแห่งเมอเรสของผู้เป็นนาย

“จะดีใจไปทำไม ในเมื่ออีกไม่นานมันก็ต้องกลับมาอยู่ดี” แววตาคู่คมหม่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องนี้แหละพ่ะย่ะค่ะที่ทำให้กระหม่อมรอจนถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้ หากไม่ได้กราบทูลเจ้าชาย กระหม่อมคงนอนไม่หลับเป็นแน่”

“เจ้าหมายถึงอะไรคาร์ล” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเพื่อรอฟัง ในขณะที่หัวใจของพระองค์ก็แทบจะหยุดเต้น

“กระหม่อมรู้ที่อยู่ของวานอฟแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จริงรึ! งั้นไปกันเลย” ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอนทันที

“อย่าพระทัยร้อนเลยพ่ะย่ะค่ะ ทรงลืมไปแล้วหรือว่านี่มันมืดค่ำแล้ว”

เจ้าชายคาริลนั่งลงที่เดิมพร้อมทั้งทอดถอนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระองค์เมื่อสามปีก่อนเข้ามาบั่นทอนพระองค์ทุกครั้งที่ต้องอยู่คนเดียว หากไม่เพราะความหลงตัวเอง และเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองมากจนเกินไป เหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นก็คงจะไม่เกิดขึ้น บทเรียนครั้งนี้ราคาแสนแพงเหลือเกินสำหรับพระองค์

“บ้านของวานอฟอยู่แถวชานเมืองกาน่า เขามีอาชีพหาของป่าไปขายในตลาด แต่ตอนที่กระหม่อมไปถึงไม่มีใครอยู่บ้าน ชายชราที่อยู่แถวๆ นั้นบอกว่าเขาเข้าป่าตั้งแต่เช้ามืด ตอนเย็นๆ ถึงจะกลับ กระหม่อมจึงกลับมาก่อนเพื่อกราบทูลพระองค์”

“หากเราไปหาเขาพรุ่งนี้ เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะอยู่ที่บ้าน”

“พรุ่งนี้เขาต้องเอาของไปขายที่ตลาด บ่ายๆ จึงจะกลับบ้าน กระหม่อมถามชายแก่คนนั้นดูแล้วพ่ะย่ะค่ะ กาน่าก็ไม่ไกลจากที่นี่นัก เราเดินทางสายๆ หน่อยก็คงจะถึงที่นั่นราวบ่ายกว่าๆ”

“แล้วเจ้าว่าวานอฟผู้นี้จะให้ข้อมูลที่เราต้องการได้แค่ไหน”

“กระหม่อมก็ไม่แน่ใจนัก แต่เชื่อว่าเราต้องได้อะไรสักอย่างจากคนผู้นี้ อย่าทรงสิ้นหวังเลยพ่ะย่ะค่ะ ทุกๆ อย่างบนโลกนี้มันมีที่มาที่ไป มันเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีแตกดับ กระหม่อมจะพยายามช่วยเจ้าชายให้ถึงที่สุด”

เจ้าชายคาริลจ้องหน้านายทหารคนสนิทก่อนจะพยักหน้า

“ขอบใจมากคาร์ล ข้ารู้ว่าเจ้าแค่ปลอบใจข้า แต่ข้าจะพยายามคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดคือเรื่องจริง เอาล่ะ! กลับไปพักผ่อนซะพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”

“สายๆ หน่อยก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายบรรทมให้สบายเถิด ได้เวลาแล้วกระหม่อมจะเข้ามาปลุกเอง”

“ไม่คาร์ล! ข้าไม่ได้ไปกาน่านานแล้ว เราไปดูความเป็นอยู่ของผู้คนแถบนั้นก่อนแล้วค่อยไปธุระของข้าก็ได้”

“พระองค์จะออกเยี่ยมเยียนประชาชนด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ แต่เราไม่ได้เตรียมหมายกำหนดการไว้เลย กระหม่อมเกรงว่า...”

“เราจะไปกันเงียบๆ เพียงสองคน การที่ข้าจะไปดูความเป็นอยู่ของประชาชน จำเป็นด้วยหรือที่ข้าจะต้องไปในนามของเจ้าชายคาริล”

“แต่ผู้คนที่นั่นอาจมีคนเคยเห็นพระองค์ กระหม่อมเกรงว่า...”

“เกรงว่าๆๆ เจ้านี่มันช่างเกรงไปหมดเสียจริงนะคาร์ล เอาไว้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ได้ ไปนอนได้แล้วข้าจะพักผ่อน ปิดไฟให้ด้วย” ว่าแล้วก็ทรงล้มตัวลงบนที่นอนทันที คาร์ลจึงต้องออกไปจากห้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


*****************************************************************