บทนำ
หนึ่งราตรีอันสงบ สายลมพากลิ่นแรกเหมันต์ แพร่พัดกระจายทั่วหน้าแผ่นดิน หากทว่าถนนหนทางยามค่ำคืนใน เมืองหลวงฟงฉี กลับยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาดั่งเดิมมิแปรเปลี่ยน
ผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่ประดับท้องถนนสีเข้ม โคมแดงมงคลแขวนห้อยสูงเรียงรายตามเส้นทางส่องแสงสวยงาม บทสนทนาแลกคารมดังเซ็งแซ่สร้างบรรยากาศครึกครื้น แทรกเสียงหวีดหวานของปี่สลับขลุ่ยแว่ววิเวกเป็นบางครา
กลิ่นหลายหลากของอาหารคาวหวานผสานด้วยถ่านไหม้บาง ๆ ลอยคละคลุ้งแตะปลายจมูกผู้สัญจรไปมา ตอกย้ำถึงความเป็นปกติสุข ราวก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันหาได้เกิดเรื่องราวสำคัญถึงขั้นพลิกแผ่นดินไม่
ถึงกระนั้น ยังคงมีสถานที่หนึ่ง ซึ่งภาพการพลิกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ยังคงมิอาจเลือนฝังไปกับอดีตไปได้ง่าย ๆ
ณ วังหลวงแห่งฟงฉี ภายใน ตำหนักอ้านเยว่ คือโฉมงามนางหนึ่งกำลังนั่งผ่อนคลายบนตั่งหรู ร่างอ้อนแอ้นอยู่ในอาภรณ์แพรบางลักษณะหมิ่นเหม่ เผยเนื้อผิวขาวผ่องชวนสัมผัสหลายส่วน
ดวงลักษณ์นั้นโดดเด่น คิ้วโก่งดั่งถูกสลัก ผิวแก้มขึ้นสีเลือดฝาดชัด นัยน์ตางดงามหวานล้ำหยาดเยิ้มราวเมามายในอารมณ์หนึ่ง ทอดมองตรงไปยังร่างที่คุกเข่าเบื้องหน้า
เขา อยู่ในลักษณะเปลือยกายช่วงบน มือข้างหนึ่งถือเหยือกสุรา ไหล่กว้างปรกด้วยเส้นผมสีดำสนิทซึ่งถูกปล่อยยาวระพื้น ใบหน้าหล่อเหลาปราศจากร่องรอยแห่งอารมณ์ใด ๆ นัยน์ตาเข้มดุดั่งนกเหยี่ยวทอดลงต่ำมองเพียงพื้นตรงหน้าตน ร่างนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงประดับด้วยบาดแผลฉกรรจ์นับสิบ
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสถานะเขาในเวลานี้ ย่อมมิพ้นข้าทาสหรือนักโทษผู้หนึ่งเท่านั้น
หวงฝู่อ้านเยว่ เหยียดริมฝีปากสีชาดออกราวสมเพช
น่าหลงใหล ช่างน่าหลงใหลมิแปรเปลี่ยน มิว่าจะอยู่จะในสภาพใด ราชันย์ ทรราช หรือทาส หยางหงจื้อ...เจ้ายังคงทำให้ข้ามอมเมาในเจ้าได้มิแปรเปลี่ยน เป็นความจริงที่...น่ารังเกียจ ช่างน่ารังเกียจเป็นที่สุด!