มารความรัก[LGBTQ]
Boylove-Girllove
มารความรัก[LGBTQ]
Boylove-Girllove
ไตรติมา
นิยายไบเซ็กชวลเกย์ ปล้ำฟัดกันหวาดเสียวทั้งเรื่อง มีพระเอก นายเอกและนางเอกครบ ไม่อยากรักกลับรัก ไม่รู้จะวางเธอไว้ที่ไหนในเมื่อเธอ... เป็นส่วนเกินของเรา แต่เราก็ขาดเธอไม่ได้
  • 18 ตอน
  • 3,249
นิยายโดย
  • 2 คนติดตาม
บทนำ

นิยายไบเซ็กชวลเกย์ ปล้ำฟัดกันหวาดเสียวทั้งเรื่อง มีพระเอก นายเอกและนางเอกครบ
ไม่อยากรักกลับรัก ไม่รู้จะวางเธอไว้ที่ไหนในเมื่อเธอ... เป็นส่วนเกินของเรา แต่เราก็ขาดเธอไม่ได้

.

“ทรมาน...”

มีเพียงคำพูดสั้นๆ กับท่าทางเหมือนอยากจะชักดิ้นชักงอของหนุ่มหล่อเท่านั้น

“อะไรกัน ทิ้งฉันไปหาผู้ชายที่ตัวเองแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว นึกว่าสมหวังแฮปปี้เอนดิ้งกันไปแล้ว ฉันอุตส่าห์บินจากเกาหลีเพื่อมาดูหน้านาย”

คนพูดเป็นหนุ่มเกาหลีที่รูปร่างหน้าตาตี่ผิวขาวตัวสูงตามมาตรฐานชายชาวเกาหลี

“หมดมารความรักแล้วฉันได้แฮปปี้เอนดิ้งชัวร์ แต่ว่า... ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกตายอดตายอยากเพราะอยากได้ผู้หญิงขนาดนี้ โอ๊ย... มันทรมานจะตายให้ได้ มยอง... ฉันควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงดี”

“ผู้หญิง?”

ขึ้นเสียงสูงทวนคำพูดเหมือนเป็นคำถามย้ำ มยองรู้สึกงุนงงกับชายหนุ่มรูปหล่อผู้นั่งอยู่ต่อหน้า ราวกับเจอเรื่องแปลกประหลาดที่คาดไม่ถึง

“คีมกล้าบ้าไปแล้วฉันไม่อยากจะเชื่อ พวกเราไม่กินหญิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย”

นัยน์ตาโตคมเฉียบสีนิลส่องแสงประกายพร่างพรายดุจดวงดาวหมื่นล้านดวงเผลอเหม่อลอยชั่วครู่ ค่อยเปลี่ยนจุดมองลงพื้น เปลือกตาของเขาสองชั้นขนตานั้นยาวมากเรียงตรงลงมาราวม่านพรางนัยน์ตาดำคู่งาม

มโนภาพฉายชัดยังคงตราตรึงอยู่ในสมองของชายหนุ่มใบหน้าหล่อมีออร่าเชิญชวนสายตาให้นึกเสน่หาคราแรกได้พบเจอ

กลีบปากสีธรรมชาติออกแดงงามความหนาเท่ากันทั้งล่างทั้งบนขยับกล่าวถ้อยคำรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้

“ความรู้สึกทรมานนี้มันเริ่มต้นตั้งแต่แรกรู้จักกับผู้หญิงคนนั้น...”

o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o


ห้องสตูดิโอของบริษัทโมโนโมเดลลิ่ง

“อุ๊ยตายนั่นหนุ่มหน้าใหม่เข้ามาสมัครนายแบบ กำลังจะทดสอบความสามารถ ขอดูหน่อยนะคิม”

กระเทยผู้จัดการบอกกล่าวกับสาวสวยนางแบบในสังกัดของตน

เธอผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ราวเด็กสาววัยม.ต้น เพิ่งได้เป็นนางแบบใหม่หมาดคนล่าสุดของบริษัท ก้าวเข้าห้องสตูดิโอพร้อมก้มโค้งทำความเคารพเจ้าของห้องและเจ้าของบริษัทเป็นเชิงขออนุญาตเข้ามาดูงาน

“พี่ม้อย พี่จอย”

ดวงตามีแววแจ่มใสเบิกโตช่างน่าตื่นเต้นดูเดียงสามองตรงเบื้องหน้ายังหนุ่มหล่อ... ไม่กระพริบตา เผลอๆ เธออาจไม่แม้กระทั่งหายใจหรือลืมหายใจไปเลยด้วยซ้ำ

หนุ่มหล่อยืนร้องเพลงหน้าไมค์ โดยได้รับกีตาร์ที่เตรียมไว้ให้สำหรับผู้มาทดสอบความสามารถอยู่แล้ว

เนื้อเพลงภาษาอังกฤษออกสำเนียงฟังชัด สำหรับผู้ที่เรียนจบมาจากโรงเรียนนานาชาติย่อมฟังความหมายเข้าใจ ว่าเนื้อเพลงพรรณนาเกี่ยวกับความรักที่ไม่ต้องการอกหักหากผิดพลาดสิ่งใดไปจึงมาง้อขอโทษ เพราะไม่อยากจะจากกันไปไกล

สาวสวยนางแบบล่าสุดเป็นคนแรกที่ปรบมือให้หนุ่มหล่อหลังเพลงจบลงทันที

ก่อนที่ทุกคนจะปรบมือตามเธอ

ส่วนสาวสวยหน้าเด็กไม่ชายตาแลมองใครนอกจากใบหน้าหนุ่มหล่อ และพุ่งปราดเข้าไปยืนใกล้

“เสียงเพราะจังเลย Amazing your voice so good

เธอพูดภาษาอังกฤษกับเขาด้วยไม่แน่ใจว่าเขาจะคล่องในการฟังการพูดภาษาไทยหรือยัง

“ขอบคุณมากครับ”

“ต๊ายพูดไทยชัด หล่อก็หล่อ รับเลยค่าพี่ม้อยพี่จอย”

กระเทยผู้จัดการกล่าวชื่นชม และช่วยเชียร์ให้หนุ่มหล่อได้มีอนาคตในไกลในฐานะนายแบบ

สบตากันใกล้ๆ จากที่กำลังตื่นเต้นกับการเป็นเป้าสายตาของทุกคนมายังไม่เท่ากับได้สบสายตาเธอ

ดวงตาสุกสกาววาวแววแจ่มใส กระพริบตาแต่ละทีไม่ต่างกับพลิกเหลี่ยมเพชรและเธอสวย...

รู้สึกเธอมองหน้าเขาราวกับได้เจอเทพบุตรหล่อเลิศที่สุดเหนือจักรวาล

ในตอนนั้นหัวใจมันเต้นระทึกอย่างนึกไม่ถึง ข้างในหัวอกของคนหล่อมันจะระเบิด

สายตาเธอลดระดับจากสบตา ไล่มองลงมาตั้งแต่ดั้งจมูกใหญ่ปลายจมูกโด่งเด่นเป็นรูปสลักเสลาสวยงามและมองกลีบปากของเขา ไม่ใช่แค่มองเฉยๆ ยังเผยอเปิดปากเหมือนว่าเธอเองตื่นเต้นเช่นกันเมื่อแรกเจอหน้าเขา

เขาเผลอลิ้นเลียริมฝีปากตนเองที่แห้งผาก รู้สึกอยากจะจูบลงตรงปากสาวตาแป๋วหน้าตาน่ารักตรงหน้า!

“คิมหันต์! อย่าเข้าใกล้ผู้ชาย อ่อยไม่เลือกที่ไม่ได้นะต่อไปเธอจะดังต้องรู้จักวางตัว ...มานี่”

เธอโดนผู้จัดการคว้าข้อมือดึงให้ออกห่างกายผู้ชายดังกล่าว

แต่เธอดึงแขนกลับและแข็งขืนตัวเองไว้หันหน้าไปเถียงผู้จัดการทันที

“ฉันไม่ได้อ่อยนะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเรียกว่าอ่อย”

แรงดึงตัวกลับของเธอเมื่อผู้จัดการร่างใหญ่ปล่อยข้อมือเธอทำให้เธอเสียหลักเซไปทางด้านหลัง หัวไหล่เธอไปแนบชิดติดตัวตรงกลางระหว่างร่องอกชายหนุ่มที่ใส่เชิ้ตเปิดอก และไหล่เปลือยจากการใส่สายเดี่ยวของเธอทำให้ผิวเนื้อติดเหงื่อที่ซึมออกมาจากร่องอกชาย ให้รู้สึกถึงความเหนอะหนะและชุ่มชื้น

ส่วนตัวเขารู้สึกถึงผิวเนื้อนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นอุ่นไอร้อนระอุของสาวสวย

ขณะที่เธอหันมาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้งมองอย่างคนละเมออยู่ในระยะแนบชิดติดตัวกัน

“แน่ะยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ยังเข้าไปซบอกผู้ชายอีก ไวไฟกะจะกินให้ได้ใช่มะ ร้ายนักนะคิม”

คำพูดเหล่านั้นปลุกสติสาวสวยที่ไม่รู้เรื่อง และไม่ได้มีเจตนาดังคำกล่าวหาต้องหันขวัญไปเอ่ยเถียงทันทีทันควัน

“ไม่ใช่นะพี่แม้นมาด”

เถียงได้แค่นั้นกลับโดนผู้จัดการกระชากข้อมือเธอ แล้วดึงลากพานางแบบในสังกัดออกไปนอกห้องด้วยกัน

o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o


ห้องสตูดิโอ

หลังทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว รองประธานสาวใหญ่วัยสี่สิบอัพพูดคุยกันกับประธาน

ทั้งสองเป็นอดีตนางแบบหุ่นดีและเคยเป็นเอเจนซี่จากบริษัทโมเดลลิ่งที่ประสบความสำเร็จ แล้วแยกตัวออกมาร่วมหุ้นทำธุรกิจของตัวเอง

“เสียงดีแบบนี้ทำให้นึกถึงฟ้าฝนของเราเลยนะ น่าจะส่งไปค่ายเพลงดังอย่าง...”

ชม้อยให้ความเห็นค้างไว้เมื่อถูกพูดแซงในทันที

“ไม่ใช่ค่ายนั้น ฉันมีความคิดดีๆ น่าจะส่งไปค่ายเพลงน้องใหม่ที่มีแววรุ่งมาแรงแห่งปี ได้ข่าววงในว่าจะฟอร์มวงบอยแบนด์ที่มีสมาชิกเจ็ดคน คัดเลือกเอาเฉพาะคนที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ทั้งรูปหล่อเสียงดีมีความสามารถ”

จอยวลีกล่าวกับรองประธาน แล้วเปิดดูรูปถ่ายหนุ่มหล่อในคอมพิวเตอร์

“คนที่ฟ้าฝนแนะนำมานี่เป็นเพื่อนรุ่นพี่อายุยี่สิบสี่มากกว่าฟ้าฝนหนึ่งปี ลูกครึ่งเกาหลีเหมือนกัน ต่างกันตรงถือสัญชาติเกาหลี ชื่อ คีมกล้า นามสกุลคิม ส่วนสูง 179 พอๆ กับฟ้าฝนที่สูง 178 ดูผอมบางกว่าฟ้าฝนเล็กน้อย ผิวไม่ขาวกระจ่างใสเท่าฟ้าฝน แต่สีผิวนวลผ่องใสไม่มีสิวแถมฟันสวย รูปอ้าปากนี่เห็นลิ้นแดงเชียว ฉันว่าเขาดูมีเสน่ห์อย่างประหลาดล่ะ หน้าสดตอนไม่แต่งหน้ายังหล่อคมซะขนาดนี้ ถ้าได้แต่งหน้าจะออกมายังไงน้อ...”

o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o


คอนโดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน

ห้องลักชัวรี่สำหรับผู้มีอันจะกินขนาดสองห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบห้าตารางเมตร

ฟ้าฝน กิตติพัฒน์ ผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งอยู่ยังโซฟายาว

จุดเด่นบนใบหน้าคือดั้งจมูกโด่งใหญ่ได้รูปกำลังพอเหมาะเจาะ เรียวปากเกือบบางข้างบนและริมฝีปากหนาข้างล่างช่างงามอิ่มยามแย้มยิ้ม หันหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องเข้ามา

คีมกล้าอ้อมไปด้านหลังโซฟาแล้วโอบกอดคอหนุ่มรุ่นน้อง เป็นนิสัยที่น่ารักของเขาที่มักชอบปฏิบัติต่อผู้ที่เขารัก

“ผลการสมัครนายแบบผ่านไหมครับพี่คีม”

“มือชั้นนี้แล้วผ่านแน่นอนครับฝน ได้งานแรกเลย”

“ผมเดาว่าคงจะเป็นงานถ่ายแฟชั่นคอลเลคชั่นฤดูหนาวกับนางแบบหน้าใหม่ใช่ไหมครับ”

“ใช่... ทำไมเดาแม่นอย่างนี้ล่ะ”

“ผมเพิ่งปฏิเสธงานนั้นไป”

ดวงตากลมโตเหมือนดวงตากระต่ายที่มักฉายแววสดใส ค่อยเริ่มหมองหม่นลงหลังฟ้าฝนบอกกล่าวถ้อยคำนั้น

“ไม่ชอบถ่ายคู่กับนางแบบคนนั้นเหรอ”

คาดเดาไปและอยากซักถามด้วยสนใจใคร่รู้ ถึงต้องลงนั่งข้างเคียงกายกันอยากฟังให้มันชัดเจน

“เปล่าหรอกมีเรื่องเข้าใจผิดที่ผมคิดไปเอง เธอบอกผมเสมอว่าเธอเหมือนแค่ลูกหมาตัวน้อยชอบแหงนมองเครื่องบินบนฟ้า ไม่มีหวังไขว่คว้ามาครอบครอง ผมนึกว่าหมายถึงผม แต่มันดันไม่ใช่...”

ฟ้าฝนส่ายหน้าฝืนยิ้มออกมา แต่ภายในดวงตาคมกลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

เห็นอย่างนี้จะให้คีมกล้าเดาเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

“เธอหักอกฝนล่ะสิ”

อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่หรอกครับ ไม่มีอะไรมาก บอกแล้วไงผมคิดไปเอง มันไม่มีอะไรมาตั้งแต่แรก เธอเป็นเด็กดีมีความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณ ผมคือผู้มีพระคุณต่อเธอเคยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง เป็นคนที่เธอนับถือเสมือนพี่ชาย เธอกำลังจะหาเงินมาคืนผมที่เคยช่วยเงินค่าผ่อนบ้านของพ่อแม่เธอ เธอถึงต้องไปทำงานที่เธอไม่ชอบเลย”

“งานนางแบบนะเหรอเธอไม่ชอบ”

คีมกล้าถึงกับเลิกคิ้ว

“ผมเคยคิดเสมอว่าผู้หญิงมักชอบงานสวยงามแสนสบายอนาคตไกล อาจได้เจอใครที่ดีมีฐานะคู่ควรเป็นคู่ครอง อาจจะได้แต่งงานกับผู้ชายรวยและสบายไปตลอดชาติ”

แล้วหันมองคนข้างกายเจ้าน้ำตาท่าทางราวกับคนอกหัก

“ฝนแอบรักสาวคนนั้นใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ใช่ครับ ไม่มีอะไรเลย จริงๆ เธอก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง”

“โกหก ฝนปฏิเสธไม่ถ่ายแบบคู่ด้วยเพราะอกหัก ยังทำใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิครับพี่คีม เลิกพูดเซ้าซี้ว่าผมอกหักสักที รูปหล่อพ่อรวยอย่างผม ผู้หญิงรอต่อแถวจองคิวสมัครเป็นแฟนมากมาย ไม่มีวันที่ผมจะอกหักเด็ดขาด ขนาดพี่คีมยังหลงรักผมถึงต้องบินมาอยู่เมืองไทยรักเมืองไทย เพราะที่นี่มีผมอยู่ใช่ไหมล่ะ”

ถึงตอนนี้คีมกล้าพูดไม่ออก อมยิ้มแก้มปริ ...เขิน

“ไม่ต้องกังวลแล้วครับ ต่อไปผมคงจะไม่รักผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ผมจะมีแต่พี่คีมที่รักผมคนเดียว พี่คีมรักผมคนเดียวแน่เหรอ”

“แน่สิ ผมเลิกแฟนเก่าหมดแล้วเพื่อมาคบกับฝนคนเดียว ไม่คิดว่าฝนจะเลือกผม แต่ก่อนนั้นรู้สึกมาตลอดเหมือนมีมารความรักเป็นอุปสรรคกั้นขวางไว้ ไม่นึกว่าวันหนึ่งมารความรักจะหมดไปได้เอง ดีใจชะมัด”

คีมกล้ากอดเอวคนรักและซบศีรษะแนบชิดเบียดแก้มชื่นอกชื่นใจ

“พี่คีมคิดว่าผู้หญิงเป็นมารความรักหรือครับ”

“ใช่... เพราะเมื่อก่อนฝนปฏิเสธผมตลอด บอกเสมอว่ามีผู้หญิงที่รักกันอยู่และฝนไม่ใช่เกย์ แต่วันนี้กลับหันมาชอบผู้ชายด้วยกันได้”

“พี่คิมครับ ผมขอร้องไว้อย่าง”

“หืม? อะไรล่ะ”

“อย่าคิดว่าคิมหันต์เป็นมารความรักระหว่างเรา กรุณาอย่าเกลียดเธอ ถ้าได้ร่วมงานกันได้รู้จักเธอดีแล้วพี่คีมจะรู้ว่าเธอดีมาก ไม่สมควรที่พี่คีมจะคิดว่าเธอเป็นนางมาร”

คีมกล้าฟังดูแล้ว ถ้าให้เดาความในใจของฟ้าฝนไม่ว่าอย่างไรก็คงหลงรักผู้หญิงที่ชื่อคิมหันต์คนนั้นแน่ เขาจึงต้องการความชัดเจนด้วยคำถามนี้

“ตอบผมให้หายข้องใจหน่อยได้ไหม เมื่อก่อนฝนเคยรักอยู่กับผู้หญิงคนไหน เธอชื่ออะไร”

“อ๋อ...”

เสียงอ๋อนั้นยาวมากสักนาที เหมือนกำลังคำนวณหรือพยายามสรรหาคำตอบ ซึ่งมันน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจจนสามารถตอบได้ในเสี้ยวนาที มีหรือคนเราจะไม่รู้ใจตัวเองว่าหลงรักใครอยู่

“เธอชื่อ... นภัสสร”

“เธอเป็นใคร แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”

“เบื่อ... หยุดซักถามสักทีครับพี่คีม”

เมื่อนั้นคีมกล้าจึงจำใจต้องปิดปากตัวเองลง

o-.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.- -.-o

.