เมื่อ 500 ปีก่อนเหล่าเทพเซียนต้องการส่งคนมาสอนวิชาเวทย์มนต์คาถาเพื่อที่จะให้มนุษย์นั้นใช้ป้องกันตัวเองจากพวกปีศาจที่อาจหลุดออกมาจากดินเเดนเทพเซียนทุกเมื่อเเต่การเผยเเผ่วิชาครั้งนี้ทำให้เหล่าเเคว้นต่างๆหันมาใช่วิชาเวทย์มนต์จนเกิดเป็นสำนักใหญ่ๆมากมายทั่วยุทธภพ
ชูยงเด็กหนุ่มลูกขุนนางเเสนฉลาดได้เข้าไปเป็นศิษย์เเห่งสำนักอูชีเเต่ทว่าร่ายกายของเขาผิดปกติทำให้ไม่มีคุณสมบัติในการฝึกเวทย์มนต์คาถาจนถูกไล่ออกจากสำนักเเต่โชคชะตาได้พาเขาพบกับดาบปราบเซียนสีดำที่มีคุณสมบัติในการสลายพลังเวทย์มนต์คาถาได้เขาจึงใช้พลังจากดาบเพื่อผดุงความยุติธรรมเเห่งยุทธภพ
วิชาต่างๆในเรื่องมีดังนี้
ลมปราณ
ลมปราณ เป็นพลังมาจากภายในของมนุษย์ สามารถฝึกได้ทุกคนไม่มีข้อยกเว้น
ความชำนาญเเละระยะเวลาในการฝึกนั้นจะขึ้นอยู่กัยความสามารถของเเต่ละบุคคล ลมปราณมีอยู่ด้วยกัน
9 ระดับดังนี้
ลมปราณขั้นที่ 1 : มีพละกำลังเหนือคนทั่วไป
ลมปราณขั้นที่ 2 : สามารถเดินบนน้ำได้
ลมปราณขั้นที่ 3 : มีวิชาตัวเบาสามารถลอยอยู่บนอากาศได้
ลมปราณขั้นที่ 4 : สามารถำพลังใส่อาวุธต่างๆเพื่อเพิ่มพลังทำลายได้เเละยังสามารถปล่อยพลังลมปราณจากร่างกายใส่ศัตรูได้
ลมปราณขั้นที่ 5 : สามารถใช้อวัยวะส่วนต่างๆรับการฟันจากดาบได้
ลมปราณขั้นที่ 6 : สามารถหยุดลูกธนูกลางอากาศได้
ลมปราณขั้นที่ 7 : นอกจากจะหยุดลูกธนูได้เเล้วยังสามารถเปลี่ยนทิศทางลูกธนูได้อีกด้วย
ลมปราณขั้นที่ 8 : กระบี่จะไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะสามารถใช้กระบี่มือเปล่าได้
ลมปราณขั้นที่ 9 : สามารถเคลื่อนที่ด้วยความไวเหนือเสียงได้
คนที่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้อยู่เเล้วส่วนใหญ่มักจะฝึกลมปราณถึงเเค่ขัั้นที่ 3 เท่านั้น เเต่คน่ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้มักจะฝึกถึงขั้นที่ 5-7 เพราะความยากในการฝึก น้อยคนนักที่จะสามารถไปถึงขั้นที่ 9 ได้ และลมปราณนั้นเมื่อเทียบกับเวทย์มนต์แล้วถือว่าด้อยกว่ามาก ในยุคสมัยของชูยงเลยไม่ข่อยมีคนชอบฝึกกัน
เวทย์มนต์
เวทย์มนต์หรืออาคมเป็นพลังที่เทพเซียนสอนให้กับมนุษย์ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถฝึกเวทย์มนต์ได้ความชำนาญเเละระยะเวลาในการฝึกนั้นจะขึ้นอยู่กัยความสามารถของเเต่ละบุคคล เวทย์มนต์มีอยู่ด้วยกัน 5 ระดับดังนี้
เวทย์มนต์ขั้นที่ 1 : จิต เป็นพลังที่ใช่จิตในการควบคุมศัตรูให้เกิดความมึนงงหรือหยุดศัตรูได้โดยวิชานี้จะใช้ไม่ได้กับคนที่ใช้เวทย์มนต์เป็น ส่วนคนธรรมดาต้องมีลมปราณขั้นที่เป็นอย่างน้อยถึงจะหลุดการควบคุมจากจิตได้เเละยังสามารถมองเห็นอนาคตได้ถ้าฝึกกันดีดี หรือสามารถสัมผัสพลังของผู้ใช้เวทย์มนต์เหมือนกันได้
เวทย์มนต์ขั้นที่ 2 : ยันต์ ผู้ใช้สามารถวาดยันต์ของตัวเองออกมาได้เพื่อใช้ในการต่อสู้โดยยันต์ของเเต่ละคนจะความสามารถเเตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นใส่ยันต์ในการเป็นโล่กันพลังหรือใส่ยันต์ในการตัดสิ่งของต่างได้
เวทย์มนต์ขั้นที่ 3 : พลัง เป็นการใช้ยันต์เปลี่ยนพลังงานรูปเเบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยันต์เปลี่ยนรูปร่างเป็นกระสุนพลังทำลายสูง หรือ นำยันต์ไปบวกเข้ากับดาบก็สามารถเป็นที่พลังทำลายสูงได้ หรือเเม้เเต่สามารถเปลี่ยนเเปลงสภาพอากาศก็ทำได้
เวทย์มนต์ขั้นที่ 4 : ธาตุ เป็นการใช้พลังตามธาตุต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ เเละอื่นๆ ระดับจะมีความสามารถเหนือกว่าหรือเเล้วเเต่ใครจะใช้ได้ดีกว่ากันเทียบเท่า ลมปราณระดับ 9
เวทย์มนต์ขั้นที่ 5 : สุดยอด เป็นขั้นสุดยอดของระดับที่ 4 เป็นเเปรเปลี่ยนร่างของตนเองให้กลายเป็นธาตุที่ตนเองฝึกได้โดยตรง
เวทย์มนต์ระดับพิเศษ :มีเพียงเทพเซียนเท่านั้นที่ฝึกได้เป็นความสามารถในการดลบันดาร เปลี่ยนเเปลงความเป็นจริงได้ เเต่ก็มีเทพเซียนอยู่ไม่กี่คนที่สามารถฝึกวิชานี้ได้
โดยมนุษย์ส่วนใหญ่จะฝึกถึงระดับ 3-4 น้อยคนนักที่จะฝึกถึงระดับ 5 เเต่ถึงเเม้มนุษย์จะฝึกถึงระดับ 5 ก็ยังมีความสามารถเทียบเท่ากับเทพเซียนที่ฝึกเเค่ระดับ 2-3 เท่านั้น
เเคว้นทั้งหมดมีทั้งสิ้น 12 เเคว้น
เว่ย
จ้าว
ถัง
เฉิน
ลี้
ฉิน
ฉู่
จิ้น
ลู่
เซียง
มองโกล
เฟย
เผ่าต่างๆของมนุษย์มีดังนี้
มนุษย์
มนุษย์(เผ่ามาร)
เทพเซียนเผ่าต่างๆมีดังนี้
เทพเซียน(เผ่ามังกรฟ้า)
เทพเซียน(เผ่าจิ้งจอก)
เทพเซียน(เผ่าพยัคฆ์)
เทพเซียน(เผ่าหงศ์สวรรค์)
เผ่าปีศาจ(เทพเซียน)
ภูตพรายน้ำ(เทพเซียน)
โดยเทพเซียนเผ่าต่างๆจะทำการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจากเผ่าต่างๆเพื่อขึ้นเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้
พูดคุยกับนักเขียน
เรี่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเเต่งขึ้นมาเองจากจินตนาการของผม ถึงเเม้ว่าเรื่องจะไม่ใช่นิยายเรื่องเเรกที่ผมเขียนเเต่หลักการเขียนของผมก็ยังคงเป็นมือสมัครเล่นเช่นเคย เเต่ผมสัญญาว่าเรื่องจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกไปกับมันได้เเม้การดำเนินเรื่องช่วงเเรกๆอาจจะน่าเบื่ออยู่บ้างเพราะต้องเกรินนำเรื่องเสียก่อน และผมไม่อนุญาตให้คัดลอกหรือลอกเรียนเเบบตาม พ.ร.บ ลิขสิทธ์ พ.ศ.2537 และ โปรดช่วยคอมเม้นเพื่อกำลังให้พวกเราด้วยนะครับขอบคุณครับ