มนพัทธ์นั่งกระวนกระวายยุกยิกเมื่อเจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถงของบ้าน หล่อนลุกเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้มแย้มแทบลืมความบาดหมางที่เกิดขึ้นยามเช้า
"วันนี้คุณธีไปไหนมาคะ ทำไมกลับเสียดึก" หญิงสาวเดินไปรับเสื้อสูทจากเขามาช่วยถือตามความเคยชิน วันนี้เขากลับบ้านผิดเวลา แต่หล่อนก็ยังถ่างตารอปรนนิบัติเขาตามหน้าที่ภรรยาที่ทำอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะนั่นเป็นสิ่งดีๆ เพียงสิ่งเดียวที่หล่อนสามารถทำให้เขาได้
"อย่าทำตัวให้มันน่ารำคาญนักได้ไหม ฉันจะไปไหนมาไหนกลับบ้านดึกแค่ไหนมันก็เรื่องของฉัน ตอนนี้ฉันสามสิบสาม ไม่ใช่เด็กสิบหกที่ต้องมาเช็คว่าจะไปไหนมา"
"อะ เอ่อ มนเปล่าเช็คให้รำคาญ แต่เห็นคุณกลับดึก ก็เลยถามค่ะ" หญิงสาวบอกเสียงลนลาน ก้มหน้างุดไม่ยอมเงยมอง เพราะฟังจากน้ำเสียงก็พอเดาได้ว่าสายตาของเขานั้นจะดุเพียงไหน
"มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรสนใจ หน้าที่เธออยู่บนเตียงตอนที่ฉันต้องการเท่านั้น แล้วน้ำนี่ก็ไม่ต้องมาเตรียมรอไว้ให้ ดึกขนาดนี้เธอเองน่าจะคิดได้ว่าฉันไม่หิว ฉันกินมาจากข้างนอกอิ่มแล้ว เข้าใจไหม" เสียงบอกเน้นย้ำทำเอาหล่อนต้องเงยหน้ามามอง
สายตาเอือมระอาของเขาบอกว่า เขาไม่ได้หมายถึงน้ำที่ว่ากินอิ่มแล้ว แต่เขาหมายถึงว่าหากหล่อนมาเสนอตัวให้เขา เขาไม่อยากกินเพราะอิ่มมาจากข้างนอกแล้ว สายตาหมิ่นแคลนแกมรำคาญทำให้หล่อนเม้มปากเเน่น
หล่อนอาจจะคาดหวังมากเกินไป ว่าเขามาช้าเพราะว่าจะกลับอวยพรวันเกิดให้หล่อนเป็นคนสุดท้ายพร้อมของขวัญ เขาไม่ได้ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์หล่อนอย่างที่หล่อนวาดฝันเอาไว้เพราะดูท่าทางแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดหล่อน และถ้าเขารู้ก็คงไม่ใส่ใจอยู่ดี
เขาไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่หล่อนต่างหากที่ไปคาดหวังเรื่องที่ไม่น่าเกิดอย่างนั้นเข้า สุดท้ายต้องมานั่งเสียใจเอง
"แล้วยังมายืนอยู่ได้ ไปผสมน้ำให้ฉันอาบไป ฉันจะอาบน้ำนอนแล้ว"
“...”
หญิงสาวยังยืนนิ่ง เขาคงเห็นแล้วแสนขัดหูขัดตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนมือหนาจะแย่งสูทจากมือหล่อนมาถือเอง
"มายืนเป็นหินปั้นไม่พูดไม่จาอยู่ได้ ละเมอหรือไงเเม่คุณ ถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่ห้องเธอ เสียเวลาฉัน"
"อะ เอ่อ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว มนไม่ได้ง่วงค่ะ" หญิงสาวตามหลังเขาไป เมื่อคิดอะไรได้ทำ เขาเป็นคนคิดไวทำไวจนหล่อนตามไม่ค่อยจะสำเร็จสักเท่าไหร่
"ไม่ต้องเเล้ว จะไปนอนก็นอนเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้เรียก เธอก็ไม่จำเป็นต้องมานอนที่ห้องนอนฉันหรอก" เขาหยุดยืนแล้วเอ่ยไล่โดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเลยด้วยซ้ำว่าจะมีสีหน้าอย่างไร
พูดจบเขาก็เดินจากไปยังทิศทางของห้องตนเอง ปล่อยหล่อนทิ้งไว้กับความมืดหม่นของหัวใจอยู่เพียงลำพัง
ข้อความออดอ้อนของหญิงอื่นบนหน้าจอโทรศัพท์สามีทำให้มือที่ถืออยู่สั่นระริก เลื่อนดูแล้วพบว่าไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง แต่เขานอกใจหล่อนไปคบหาหญิงอื่นหลากหลายราวกับว่าเป็นคนตัวเปล่า ที่ผ่านมาการที่เขาไม่ใส่ใจหล่อนทำให้หล่อนยังพออดทนอยู่กับเขาและหวังว่าเขาจะรักหล่อนในสักวันหนึ่ง แต่สิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ต่อให้หล่อนรักเขาแทบตาย เขาก็จะไม่มีวันรักหล่อนตอบแทนกลับมา
ในหัวย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของเขาก่อนที่จะแ้ต่งงานกัน ตอนนั้นที่ได้ยิน หล่อนยังไม่เจ็บปวดเท่าที่นึกถึงคำพูดเขาอยู่ขณะนี้เลยด้วยซ้ำ
"เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่แต่งงานกับคนรวยๆ ได้เพื่อเงิน ถ้าไม่ใช่พ่อฉันบังคับฉันก็จะไม่มีวันแต่งงานให้เธอมาสูบเลือดสูบเนื้อเป็นปลิงอยู่อย่างนี้หรอก"
ถ้อยคำเหยียดยามผ่านเข้าหูซ้าย แต่ไม่ทะลุผ่านหูขวาออก แต่เป็นคำที่เวียนวนในหัวสมองให้ความรักที่มีต่อเขาสั่นคลอนลงทุกขณะ เพราะหัวใจที่ยกให้ไปได้ตอบกลับมาเพียงความเกลียดชังเดียดฉันท์และการทำร้ายจิตใจสารพัดจากผู้เป็นสามี หล่อนคิดว่าความดีและความรักของหล่อนจะทำให้เขารักหล่อนได้ในสักวันหนึ่ง
แต่ สิ่งที่หล่อนคิดมันไม่ใช่
เขาไม่มีใจให้อย่างไร วันนี้เขาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
หัวใจปวดแปลบเมื่อค้นภาพในโทรศัพท์แล้วพบภาพเขาถ่ายคู่กับดาราสาวที่กำลังโด่งดังคนหนึ่งที่โรงแรมห้าดาวสาขาภูเก็ตของเขา กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาเขาควงคู่พาไปสนุกสนานถึงโรงแรมหรูแต่กับภรรยาที่เขาเก็บไว้เพียงหลังบ้านอย่างหล่อน แม้แ้ต่สวนสาธารณะใกล้บ้านเขาก็ยังไม่เคยพาไปสักครั้ง
ความเจ็บปวดจากน้ำคำที่ทำร้ายจากเขา ทำให้หล่อนตัดสินใจอย่างหนักแ้น่นที่จะปล่อยให้คนที่หล่อนรักที่สุดให้พานพบอิสระ พอกันทีกับการเหนี่ยวรั้งสามีที่ไม่มีหัวใจให้ภรรยาอย่างหล่อน
ใบหย่าที่เขาเคยให้ทนายเอามาให้ครั้งก่อนที่ทะเลาะกันยังคงวางอยู่บนลิ้นชักหัวเตียง ลายเซ็นที่เขาเซ็นเสียเรียบร้อยหนักแ้น่นยังวางอยู่ตรงนั้น เหลือเพียงลายเซ็นของหล่อนที่จะเติมเต็มลงไปเพื่อเป็นข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ที่จะมอบอิสระให้กับเขา
พันธะที่เกิดจากความไม่เต็มใจกำลังจะขาดสะบั้น
ความผูกพันลุ่มๆ ดอนๆ ระหว่างเขากับหล่อนกำลังจะจบลง
ไม่ต้องสังหรณ์ใจก็รู้ได้ว่า การจากลาครั้งนี้ คงมีเพียงหล่อนคนเดียวที่เสียใจ
หยาดน้ำตารินไหลจากดวงตาไม่ขาดสายยามเมื่อจรดลายเซ็นและลงชื่อตนเองอย่างเรียบร้อยแล้วเก็บกระดาษเข้าวางไว้ที่เดิม
ร้องไห้จนพอแล้วร่างบอบบางลุกขึ้นยืน มือเล็กรื้อค้นเอากระเป๋าลากใบเล็กมาเปิด หยิบชุดและข้าวของจำเป็นสำหรับตนเองมาพับเก็บวางด้วยมือที่ไหวสั่น
เมื่อหล่อนจากบ้านหลังนี้ไปแล้วทุกคนคงจะดีใจ โดยเฉพาะเขา ผู้กลายเป็นอดีตสามีของหล่อนหลังจากที่หล่อนจรดลายเซ็นลงไป
หมอนฝั่งที่เขาเคยหนุนถูกหยิบขึ้นมากอดพร้อมซบหน้าเปื้อนน้ำตาซุกแนบแน่น แม้จะจากกันแล้วหล่อนยังกอดได้เพียงร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้ หัวใจที่ปวดแ้ปลบจนแทบไม่รู้สึกว่ายังมีอยู่บอบช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคาดหวังเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คือการจากไปอาจจะทำให้หัวใจของหล่อนเข้มแข็ง
สิ่งที่หล่อนได้เรียนรู้จากความผิดหวังในรักครั้งนี้ก็คือ
การแต่งงานที่ไร้ความรัก ในชีวิตจริงไม่ได้เหมือนในนิยายที่พระเอกจะรักนางเอกทีหลังได้ เรื่องราวของหล่อนกับสามีบอกได้เป็นอย่างดีว่า ยิ่งแต่งงานโดยปราศจากความรัก มีแต่จะทำให้เกิดความเกลียดชัง ระยะห่างระหว่างหัวใจที่เคยมีอยู่แล้วกลับยิ่งขยายวงกว้างไปมากมายกว่าเก่า นับแต่วินาทีที่พบหน้าและจรดลายเซ็นลงในทะเบียนสมรสเส้นทางที่ผ่านมาเต็มไปด้วยขวากหนาม ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดฝัน
เพราะเห็นชัดแล้วว่าการอดทนอยู่กับเขา หล่อนจะไม่ได้สิ่งใดกลับมานอกจากความเจ็บปวด หล่อนพยายามทุกอย่างแ้ล้ว เมื่อหมดหนทางที่เขาจะหันมาสนใจ หล่อนจึงเลือกที่จะเดินถอยออกมา เพราะว่าไม่อยากให้วงกว้างของความรู้สึกเลวร้ายเจ็บปวดขยายไปกว่านี้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เจ้าของร่างบอบบางจึงเดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบเล็ก ไม่แตกต่างจากวันที่หล่อนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้
ไม่มีการไต่ถาม ไม่มีการใส่ใจจากใครสักคน เมื่อยามที่หล่อนก้าวเดินออกมา น้ำตาไม่ได้หยุดไหลจากหน่วยตา หันกลับไปมองบ้านหลังใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์กวาดตามองเก็บไว้ในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวเดินจากที่แ้ห่งนั้นไปอย่างเดียวดาย พร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำไร้หนทางเยียวยา