นางบำเรอกาฝาก
ดราม่าน้ำตาริน
นางบำเรอกาฝาก
ดราม่าน้ำตาริน
เอื้องหยาด ... ถูกเลี้ยงมาด้วยความจำเป็น …แสนจงชัง มี ... รอยแผลบนใบหน้า เป็นสิ่งย้ำเตือนให้ผู้มีพระคุณของเธอ ...ไม่ลืม ความโลภ ... ความแค้น ... ความรัก สิ่งใดจะเอาชนะความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ ร่วมกันหาคำตอบได้ใน "นางบำเรอกาฝาก" (ดราม่านะคะ แต่คงไม่ดาร์คเท่า ลิขิตราคี แน่นอนนค่ะ) ****ตอนพิเศษจะตามมาเร็วๆนี้ค่ะ เฉพาะเวอร์ชั่นอีบุ๊คนะคะ
  • 3 ตอน
  • 700
นิยายโดย
  • 6 คนติดตาม
บทนำ


“อีจ๊าดวอก! มึงใคร่ได้ของของกูจั๊ดนักแม่นก่อ? จะอั้นมึงเอามันลงนรกไปพร้อมกับมึงเต๊อะ อีฮ่าปันต๋ายยยย ฮ่าๆๆๆ ...”

“กรี๊ดดดดดดดด อย่านะ! อย่า!......”


เจ้าของเตียงกว้างในห้องนอนอันแสนโอ่โถงสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เหงื่อกาฬผุดพรายทั่วใบหน้า และลำตัวจนเปียกโชกราวกับเพิ่งวิ่งหนีตายมาจากคนที่กำลังคลั่งแค้น ... อาฆาตอย่างหนัก ... ในความฝันที่เพิ่งตื่นจากมันเมื่อครู่ ... ฝันที่ไม่อาจเลือนหายไปจากความทรงจำได้เลยตลอดหลายปี มานี้ และดูเหมือนว่านางจะฝันคล้ายๆกันนี้ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจทราบสาเหตุ ...


ศุภศรีลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟจากโคมไฟของขวัญวันเกิดจากลูกชาย ที่ส่ง มาให้เมื่อปีก่อน บนโต๊ะข้างหัวเตียงสีเข้าชุดกันอย่างบังเอิญ รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นถี่รัวหนักๆ ของตน ราวกับมันจะหลุดออกมานอกอกอย่างไรอย่างนั้น นางเอาสองมือทาบอกตัวเองไว้ พยายามควบคุม ลมหายใจเข้าออกให้อยู่ในระดับปกติ พลางมองไปที่หิ้งพระขนาดย่อม ที่ตนให้คนมาทำติดไว้เป็น พิเศษเมื่อไม่นานมานี้ ที่ผนังห้องด้านหนึ่งที่หันหน้ามายังเตียงของนางพอดี


ศุภศรีพนมมือไหว้ พยายามตั้งสติ แล้วพร้อมกันนั้น ก็พยายามสวดมนต์ที่พอจะนึกออกได้ ในตอนนั้นไปด้วย แต่พอรู้ว่า ใจตนไม่น่าจะสงบลงได้ด้วยอำนาจพระพุทธคุณ ศุภศรีจึงพยายาม ข่มตานอน แต่ ... ก็เปล่าประโยชน์อีกเช่นกัน


เพราะมันร้อน ... ร้อนในอก ... ดุจมีไฟมาสุมแน่นเต็มไปหมด


แม่เลี้ยงคนดังของจังหวัดทุรนทุราย อยู่จนยามเมื่อแสงละมุนที่ท้องฟ้าค่อยๆ ย่างกรายมา เยือนในยามรุ่งสาง นางจึงได้รู้ตัวว่า เปล่าประโยชน์ที่จะบังคับตนข่มตาให้หลับต่อไปจนถึงเวลาเดิม ที่เคยตื่น ศุภศรีจึงลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ของตนเสีย แล้วเข้าไปจัดการกิจวัตรประจำตัวอย่างเช่นทุกวัน ... แต่งองค์ทรงเครื่อง ประโคมเครื่องสำอางให้ยังงามผ่อง ... เฉกเช่นผู้ที่ไม่ยอมแพ้พ่ายต่อภัยภายใน ที่จะฉุดให้อารมณ์ตนเศร้าหมองลง ... เพื่อปรากฎตัวในรูปลักษณ์ที่ยัง มากด้วยบารมี และความน่า เคารพยำเกรงแก่บรรดาบริวาร ทั้งที่บ้าน และบริษัท ก่อนจะลงไปข้างล่าง เพื่อรับของเช้าเหมือนปกติ แม้ในวันนี้ นางอาจจะลงไปเร็วกว่าปกติมากคนจนคนรับใช้แปลกใจก็ตาม


หลังรับประทานของอร่อยเลิศรสแล้วเสร็จ ศุภศรีนั้นรู้สึกอิ่มท้อง แต่ทว่าจิตใจของนางนั้น กลับวูบโหวงอย่างประหลาด เหตุเพราะความกลัวที่ซ่อนเร้นในจิตใต้สำนึกไม่ได้จางหายไปไหนเลย ... ความกลัว ... ความน่าสยดสยองในฝันของนางนั้นยังอยู่ ...


เพียงแต่มันแค่รอเวลาปรากฎตัวเป็นรูปธรรมในอีกไม่นานข้างหน้านี้ต่างหากเล่า ...