เขากำลังอึ้ง! อึ้งมากเสียด้วยสิ อึ้งจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ด้วย และเขาก็คิดว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกนี้ก็คงจะอึ้งและทึ่งไปตามๆ กัน
คอนสแตนโซ่ยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหาจนแทบจะชิดกันอยู่รอมร่อ บัดซบ! นี่มันบัดซบที่สุดเลยเอาจริงๆ เขาเพิ่งถูกบิดากับมารดาผลักไล่ไสส่งให้มาดูแลกิจการโรงแรมในประเทศไทยทั้งที่ไม่อยากจะมาเลยสักนิด แล้วเป็นไงล่ะ แค่มาทำงานวันแรกความซวยก็มาเยือนเลย
“ใครเป็นคนทำ!” เขาหมุนตัวกลับมาจนชายเสื้อสูทสะบัด ไม่ได้เจาะจงถามใครเป็นพิเศษแต่แน่ละว่าต้องได้คำตอบ
“เอ่อะ... เอ่อ ไม่ทราบครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใจกล้าคนหนึ่งพูดออกมาเสียงสั่น ดูเหมือนว่าเขาหวิดจะโดนไล่ออกอยู่รอมร่อที่ปล่อยให้รถของ ‘ท่านประธาน’ โดนเล่นงานเสียขนาดนี้ ขอฟ้าจงเมตตาเขาด้วยเถอะ
“ไม่ทราบ! รถทั้งคันเละขนาดนี้แล้วบอกว่าไม่ทราบ!” คอนสแตนโซ่แทบจะทุบมือลงกับฝากระโปรงรถอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามันจะเป็นการซ้ำเติมความ ‘เละเทะ’ ของรถพอร์ช [1] คันงามเข้าไปอีก ตอนนี้ที่เขาทำได้คือเตะลมเตะอากาศระบายความหงุดหงิดในใจออกไปเท่านั้น ยิ่งหันไปเห็นสภาพรถของตัวเองเขาก็ยิ่งอยากหาตัวคนทำมาบีบคอนักเชียว
พอร์ช 918 สไปเดอร์ รถสปอร์ตสัญชาติยุโรปแทบจะหมดราคาทันทีเมื่อตัวรถทั้งคันถูกละเลงด้วยลิปสติกสีชมพูบ้างแดงบ้างสลับกันไป แต่นั่นยังคงทำให้รถราคาสามสิบล้านมีสีสันไม่พอ คนทำยังไปหาเก็บเอาใบไม้สดใบไม้แห้งที่ร่วงอยู่แถวไหนเขาก็มิอาจทราบมาแปะติดไว้จนทั่วคัน
นี่คนบ้าหรือคนดีกันเนี่ยที่ทำเรื่องแบบนี้ได้!
“เอ่อ... ท่านประธานครับ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานเช็คจากกล้องวงจรปิดให้นะครับว่าใครเป็นคนทำ” พนักงานคนหนึ่งเดินออกมาจากร่มเงาของตึกสูง เอ่ยกับท่านประธานของเขาด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
ก็จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรเล่า ในเมื่อรังสีอาฆาตนั้นแผ่กระจายอยู่รอบคนตัวสูงจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แถมคอนสแตนโซ่ก็เพิ่งมาให้เห็นหน้าเป็นครั้งแรก ยังไม่ได้ร่วมงานจนเห็นนิสัยใจคอกันก็ต้องมาเผชิญกับพายุอารมณ์ของผู้เป็นนายเสียแล้ว
“ก็รีบไปเช็คมาสิ!” เขาตวาดลั่นจนคนถูกสั่งรีบกระจายตัวไปหาต้นเหตุแห่งความหงุดหงิดกันให้ควั่ก คอนสแตนโซ่สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพ่นมันออกอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่ได้อยากจะหงุดหงิดเลยให้ตายเถอะ!
แต่ดู! ดูสภาพรถสุดรักของเขาสิ! นี่เขาสั่งให้ขนย้ายมาจากอิตาลีเลยนะ แล้วใครที่ไหนมันกล้ามาทำปู้ยี่ปู้ยำกับรถของเขาได้ นี่เขาไม่ได้สั่งให้ขนรถมาถึงประเทศไทยเพื่อให้ใครก็ไม่รู้เอาลิปสติกมาละเลงนะโว้ย!
คอนสแตนโซ่เดินงุ่นง่านหงุดหงิดใจอยู่ไม่นาน ผู้จัดการสาขาก็มาเชิญให้เขาขึ้นไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทีนี้ก็จะได้รู้กันสักทีว่าใครกันหนอที่กล้าดีไปแหยมกับเขา
ที่ทำให้อึ้งไปกว่าเดิม แล้วก็พากันอึ้งไปตามๆ กันนั่นก็คือคนที่ประทุษร้ายรถยนต์คันงามนั้นสวมยูนิฟอร์มของลอธาริก อิมพีเรียล แกรนด์ โฮเต็ลนี่สิ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันที่มีพนักงานในโรงแรมของตัวเองมาปู้ยี่ปู้ยำรถของท่านประธานแบบนี้
หรือเธอจะต่อต้านวิสัยทัศน์การทำงานของเขา!
“ซูมเข้าไปดูใกล้ๆ ซิ” ชายหนุ่มก้มหน้าจนแทบติดชิดกับจอ เขาแน่ใจว่าเห็นเธอทำปากขมุบขมิบไปด้วยยามที่ละเลงลิปสติกบนรถของเขา ถ้าให้เดายายเพี้ยนนั่นคงสรรเสริญเขาไปด้วยนั่นแหละ
แต่ที่ไม่รู้ก็คือพนักงานคนนี้โกรธเกลียดแค้นเขามาแต่ชาติปางไหนถึงได้มาทำเรื่องพิเรนทร์ชวนโมโหแบบนี้!
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบขณะที่ท่านประธานกำลังเคร่งเครียดกับวิดีโอที่เล่นอยู่บนจอ ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเห็นเป็นสันแม้จะมีไรเคราจางๆ บดบัง ดวงตาคมกริบสีรัตติกาลนั่นแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงของเปลวเพลิงเลยด้วยซ้ำ คนที่ยืนดูอยู่พูดคำได้คำเดียวเลยว่าคนทำน่ะ ‘รอดยาก’ ถึงรอดไปได้ก็ไม่รู้ว่าจะครบสามสิบสองหรือเปล่า
“รู้ใช่ไหมว่าพนักงานคนนี้ชื่ออะไร”
ผู้จัดการสาขาพยักหน้าหงึกหงัก ถึงไม่รู้เขาก็ต้องไปตามหาจนเจอตัวให้ได้ล่ะว้า “ครับท่าน!”
“เรียกไปพบผมที่ห้องทำงาน ภายในครึ่งชั่วโมง!” พอออกคำสั่งเสร็จ ชายหนุ่มก็สะบัดสูทแล้วผลุนผลันออกไปทันที เสียงปิดประตูดังโครมพาให้ทุกชีวิตในห้องสะดุ้งไปตามๆ กัน
ทุกสายตาหันกลับไปจ้องที่หน้าจอมอนิเตอร์แล้วถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง เวลานี้จะทำอะไรได้มากไปกว่าสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้พนักงานที่นึกเพี้ยนไปขีดเขียนรถเจ้านายเล่นคนนั้นกันล่ะ
ถึงเจ้าตัวจะกระทำการบ้าบิ่นลงไป แต่เห็นตัวเล็กๆ อย่างนั้นก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี ไหนจะพายุอารมณ์ของท่านประธานอีกละ อย่างไรก็ขอให้เธอรอดชีวิตกลับมาก็แล้วกัน!
------------------------------------------------------------------------
[1] Porsche จริงๆ มาจากภาษาเยรมัน ที่มีผู้ก่อตั้งชื่อว่า Ferdinand Porsche โดยหากอ่านตามภาษาเยอรมันแล้วจะได้เป็น “ปอร์เช่” และคนเยอรมันจะออกเสียง พ๊อฌ่ะ หรือ พอร์เช่อ ส่วนคำว่า พอร์ช เป็นชื่อที่คนอเมริกันเรียกกัน