รักรสสตรอว์เบอร์รี [Strawberry Lover]
Romance Lover
รักรสสตรอว์เบอร์รี [Strawberry Lover]
Romance Lover
พาราแรว
ใช่แล้วฉันท้อง! ถึงต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักฉันอย่างจำใจ แล้วใช้ชีวิตเป็นอากาศธาตุอยู่ในไร่ ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ ใบหญ้า และเสียงจิ้งหรีดร้อง โธ่เอ้ย! รักโคตรสตรอว์เบอร์รีเลยแม่เจ้า
  • 10 ตอน
  • 275
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
  • Tag
  • #
บทนำ

“เชิญบ่าวสาวเข้าเรือนหอค่ะ”

เสียงของพิธีกรประกาศบอกแขกผู้มาร่วมงานซึ่งมีไม่มากนัก มีแต่ญาติผู้ใหญ่ของฉัน และญาติผู้ใหญ่ฝั่งของคุณปราบเท่านั้น งานแต่งของฉันถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ตของคุณปราบที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดแบบเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองอะไรให้ยุ่งยากมากความ เพราะท้องของฉันเริ่มจะโตวันโตคืน เวลาการจัดเตรียมงานก็มีน้อย

“แม่ฝากน้องด้วยนะคะคุณปราบ ใบบัวแม้จะหัวดื้อไปสักนิดแต่ก็ไม่ได้เกเรอะไร มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันนะคะ”

แม่เอื้อมมือไปจับมือกับคุณปราบก่อนที่จะหันมายิ้มกว้างให้ฉันอย่างใจดีเหมือนทุกครั้ง โดยมีน้ำตาใสๆ คลอเบ้า ทำให้ฉันจะร้องไห้ไปด้วย

“ลูกเองก็เหมือนกันนะใบบัว มีอะไรก็ใจเย็นๆ ออกเรือนไปแล้วก็ดูแลตัวเอง ดูแลคุณปราบ เป็นแม่ที่ดีให้กับหลานๆ นะลูก”

“ค่ะแม่”

ฉันตอบรับพร้อมกับหันไปมองคุณปราบที่ทำหน้านิ่งมองแม่ฉันอยู่

พ่อของฉันเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีก่อน ส่วนแม่ฉันก็ขายผ้าซิ่นและเลี้ยงหลานให้กับพี่ชายที่ต่างจังหวัด โดยพี่ชายฉันมีอาชีพปลูกผักสวนครัวส่งขายที่ตลาด และยังมีสวนทุเรียนเป็นรายได้หลักอีกด้วย

พี่ชายฉันไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เพราะต้องเลิกรากับแฟนสาวไป เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทำให้กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ส่วนฉันน่ะเหรอกำลังจะเป็นแม่คน แต่งงานเสร็จก็ย้ายมาอยู่กับคุณปราบที่ไร่และรีสอร์ตกว่าร้อยไร่แห่งนี้

“รีสอร์ตรักยั่งยืน”


ด้านคุณปราบนั้นคุณแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่คุณปราบยังเด็ก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันที่ว่าเด็กนี่ต้องเด็กประมาณไหน เห็นที่มาร่วมงานก็มีคุณพ่อคุณปราบแล้วก็แม่เลี้ยงที่ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าฉันสักเท่าไร

ก็แหงแหละนะ! ฉันรู้จักกับคุณปราบได้ไม่เท่าไร ท้องก็ป่องเป็นลูกโป่งจนได้แต่งงานกับคุณปราบซะแล้ว ที่บ้านเขาคงจะชอบฉันอยู่หรอกนะ

อยากจะบอกว่าฉันมีดีก็แค่หน้าตาและการศึกษาที่จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังก็แค่นั้นแหละ ฐานะทางบ้านฉันเทียบคุณปราบแทบไม่ได้เลย ดูจากสายตาผู้คนที่มาร่วมงานวันนี้แล้ว ช่างยินดีกับการแต่งงานของฉันเหลือเกิน (ประชด)

“เดี๋ยวให้คู่บ่าวสาวได้พักผ่อนในเรือนหอกันก่อนนะคะ”

สิ้นเสียงประกาศจากพิธีกรเท่านั้นแหละ เล่นเอาฉันยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ตีสองฉันยังไม่ได้พักเลยสักนิด แล้วตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสิบโมงแล้วจะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง ฉันคิดว่าช่วงเที่ยงแขกก็น่าจะเริ่มกลับกันแล้วล่ะ เพราะเราทำพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายมากๆ เหมือนจัดให้คนอื่นรู้ว่ามีงานแต่งงาน อารมณ์ประมาณว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วนะจ๊ะ ก็แค่นั้นแหละ!


ณ ห้องเรือนหอ

“คุณปราบเหนื่อยไหมคะ”

ฉันหันไปถามคุณปราบที่นั่งบิดคอไปมาที่เตียง แต่กลับไร้เสียงตอบรับ นี่ฉันพูดคนเดียวอีกแล้วเหรอ

“เออ! หิวไหมคะ ใบบัวหิวมากเลย แต่ก็ง่วงมากกว่า”

ฉันถามเป็นมารยาทไปแบบนั้นแหละ รู้ดีว่าพูดไปยังไงคนที่สุดแสนจะเย็นชาแบบคุณปราบก็ไม่ตอบหรอก แถมยังทำท่าล้มตัวลงนอน หลับตานิ่งใส่อีก แล้วฉันจะนั่งนิ่งคุยคนเดียวทำไมกัน ก็นอนบ้างสิ เหนื่อยเหมือนกันนี่นา ได้เวลาพักก็ต้องพักซะหน่อย


ผ่านไปยี่สิบนาที

“ใบบัว ตื่น!!”

“ขอนอนอีกนิดนะ ง่วงมากเลย”

“ใบบัวตื่นได้แล้ว ออกไปรับแขกข้างนอกได้แล้ว”

เสียงของผู้หญิงที่คุ้นหูเรียกฉัน ทำเอาตาที่หนักอึ้งของฉันนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดูอย่างช้าๆ เพื่อสำรวจมองไปรอบห้อง

“อ้าว คุณปราบล่ะคะแม่”

“คุณปราบออกไปนอกห้องรับแขก-ส่งแขกนานแล้ว แม่เห็นเราไม่ยอมออกไปก็เลยมาตามดู”

“ตายจริง! นี่หนูเผลอนอนหลับไปจริงๆ เหรอ แล้วทำไมคุณปราบไม่เรียกล่ะ” ฉันย้อนถามแม่

“แม่จะไปรู้ได้ยังไง หรือว่าพี่เขาเรียกแล้ว แต่เราไม่ตื่น ขนาดแม่เรียกเสียงดัง เรายังงอแงเลย”

ฉันยกปากยู่พร้อมกับส่ายหัวให้กับความไม่เอาไหนของตัวเอง เบื่อจริงๆ โรคขี้เซาเนี่ย ฮึ่ย!!

ฉันเดินออกมาจากห้องหอ พร้อมกับมองไปรอบๆ งาน คนเริ่มทยอยกลับกันแล้ว บางส่วนพากันถ่ายรูปเล่นภายในงานกันอย่างอบอุ่น (ที่อบอุ่นเพราะอากาศร้อน)

“ใบบัว มาถ่ายรูปกันเดี๋ยวนี้เลยนะ”

กอหญ้าเพื่อนสนิทของฉัน ที่ฉันชวนมาร่วมงานด้วยกวักมือเรียกพร้อมกับเดินปรี่ตรงมาหาฉันเพื่อมาถ่ายรูปด้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ บางคนก็ไม่สะดวกมาเพราะว่าเดินทางไกล บางคนก็โอนเงินมาแสดงความยินดีแทน

“ขอบใจมากเลยนะกอหญ้าที่มาร่วมงาน”

“แกแต่งงานออกเรือนทั้งที ทำไมจะไม่มาล่ะ”

“ออกเรือนแบบงงๆ มึนๆ แกก็ยังมาอีก”

“ก็แหงสิ!! จะมึนจะงงยังไงก็ต้องมาแสดงความยินดี เพื่อนมีผัวทั้งที ไม่มาได้ไง แต่อยากบอกว่าผัวแกนี่แซ่บจริงอะไรจริง ครั้งเดียวติดซะด้วย ไม่เบาเลยนะ”

ยัยกอหญ้าออกปากแซวซะดังเชียว ฉันแทบอยากพุ่งตัวเข้าไปเอามือล็อกคอแล้วตบปากมันเอาเลือดขี้แซวออกเสียให้ได้น่ะสิ พูดอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลย นี่ถิ่นสามีฉันนะ เพื่อนเขาก็มา ญาติเขาก็มา พูดอะไรออกไปฉันมีแต่เสียกับเสีย

“เดี๋ยวเหอะยัยนี่ ยิ่งมีแต่คนจ้องหน้าฉันแบบจะกินเลือดกินเนื้ออยู่”

“เอาน่า แล้วไงอะ ก็มีหลานตัวน้อยในนี้ กลัวอะไร” กอหญ้าเอามือมาลูบท้องฉันเล่น “ว่าแต่กี่เดือนแล้ว หญิงหรือชาย ฉันจะได้ซื้อของขวัญรับขวัญหลานได้ถูก”

“ถ้าฉันบอกไปแล้วแกสัญญาว่าต้องเงียบ” ฉันรีบหันมองซ้ายทีขวาทีเหมือนคนทำความผิด

“ทำไมวะ กลัวอะไร ความลับขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าความจริงแล้วแกไม่ได้ท้อง” ยัยกอหญ้าทำหน้าตาตื่น

“บ้า! ท้องสิ แต่ที่ฉันกำลังจะบอกแกต่อไปนี้ ฉันยังไม่ได้บอกใคร คุณปราบเขาก็ยังไม่รู้เลย”

“มีอะไรวะ ว่ามา” ยัยกอหญ้าที่ก็รู้หน้าที่ตัวเองรีบเงี่ยหูฟังทันทีที่ฉันยกมือขึ้นมาป้องเสียง

“ได้ลูกผู้หญิง”

“หูย!! ทำเป็นมีลับลมคมใน นึกว่าได้ผู้ชายเป็นทายาทร้อยล้านซะอีก” ยัยกอหญ้ารีบเบะปากใส่ฉันเมื่อรู้เพศลูก

“ทานโทษจ้ะเพื่อน หญิงคู่ค่ะ”

“ฮะ!! แฝดเหรอ”

ยัยกอหญ้านี่มันจริงๆ ฉันรีบเอามือปิดปากยัยกอหญ้าเมื่อมันดันพูดออกมาซะดังลั่น โชคดีมากที่คุณปราบไม่อยู่แถวนี้ เพราะรับแขกคนอื่นๆ อยู่อีกฝั่ง

“ฉันบอกแล้วว่าอย่าเสียงดังไป”

“เฮ้ย!! จริงดิ อ๊ากกก ดีใจแทนๆ” กอหญ้ารีบเอามือมาเกาะแขนฉันแกว่งไปแกว่งมาเพื่อแสดงความยินดี “แล้วทำไมแกถึงไม่บอกใครล่ะ บอกคุณปราบสิ เขาคงดีใจ ได้ทีตั้งสองคน”

“คุณปราบเป็นคนสุดท้ายที่ฉันจะบอกเลยละแก” ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ

“ทำไม” กอหญ้าถามด้วยหน้าตาสงสัยสุดๆ

“เขาไม่ยินดียินร้ายอะไรเลย ขนาดแม่เลี้ยงเขาถามฉันว่า ฉันได้ลูกหญิงหรือชาย ฉันตอบลูกผู้หญิง เขาก็ไม่สนใจ ก้มหน้ากินข้าว พอกินหมดก็รีบลุกจากโต๊ะไปเลย ฉันก็เลยคิดว่าต่อให้ได้หญิงชาย หรือจะกี่คน เขาก็คงไม่ได้สนใจหรอก”

“แต่เขาก็เป็นพ่อเปล่าวะ” กอหญ้าทำน้ำเสียงและสีหน้าประท้วง

“พ่อที่ไม่ได้เต็มใจอยากมีลูกเนี่ยนะ”

“แล้วแกเต็มใจหรือไง ก็ไม่ได้มีใครเต็มใจและอยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้นแหละน่า แต่พอเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบหรือเปล่า” กอหญ้าทำหน้าตำหนิฉัน

“ฉันต่างหากที่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองและลูกไม่ใช่เขา เพราะฉันแฟนเขาถึงตาย ถ้าไม่มีฉันที่เดินไปอ่อยเขาแล้วดันไปปล้ำคุณปราบในคืนนั้น ป่านนี้คุณปราบก็คงได้แต่งงานกับแฟนแล้วก็มีความสุขกว่านี้” ฉันหันไปมองคุณปราบที่อยู่อีกฝั่ง “แกดูหน้าคุณปราบดิ โคตรฝืนแต่งงานกับฉันเลย แกคิดว่าเขาจะแฮปปี้กับการที่ฉันบอกเรื่องลูกเหรอ” ฉันพูดตามความรู้สึกของตัวเอง

“เอาน่าใบบัว เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยคุณปราบเขาก็รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ”

กอหญ้าเลื่อนมือมาจับมือฉันเพื่อปลอบใจ สายตาที่ส่งมานั้นบอกตามตรงว่าทำเอาฉันน้ำตาคลอเบ้าแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันรู้ ฉันถึงอยู่อย่างเงียบๆ ไม่เรียกร้องอะไร ถ้าฉันไม่เลิกกับเป้ ตอนนี้ฉันก็คงได้แต่งงานกับเป้ หรือไม่ก็คบกันอย่างมีความสุขอยู่เหมือนกัน” ฉันนึกย้อนไปในเรื่องวันวาน

“ใครบอก ถ้าแกยังคบกับเป้อยู่ แกก็ได้แค่คบกับเป้ อาจจะยังไม่มีลูก อาจจะยังไม่ได้แต่งงาน และอาจจะขึ้นคานในอนาคต เพราะเป้ใช้ชีวิตไปวันๆ”

“ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้สินะ” ฉันบ่นด้วยสายตาละห้อย

“ต่างดิ เพราะอย่างน้อยแกก็ได้แต่งงานกับคุณปราบ แกได้อยู่ที่รีสอร์ตใหญ่โตแห่งนี้ สามีดูดี มีอนาคต แถมยังรวยอีกต่างหาก ดูแล้วโคตรเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น ฉันเชื่อว่าแกฝากชีวิตกับคุณปราบได้แน่นอน”

คำพูดปลอบใจของกอหญ้าไม่ได้ช่วยให้จิตใจของฉันดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะฉันรู้ดีว่าการแต่งงานในครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เกิดจากความรับผิดชอบและความจำเป็นล้วนๆ ซึ่งการแต่งงานของเราสองคนนั้นเตรียมตัวยังไม่ถึงสองอาทิตย์เลยด้วยซ้ำไป

เฮ้อ! ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ


หลังจากที่พิธีการเสร็จแล้ว ฉันก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดกระโปรงไปรเวทธรรมดา เพราะชุดไทยนั้นสุดแสนจะร้อนและอึดอัดมาก ยิ่งท้องด้วยแล้วเหงื่อก็ผุดออกอย่างกับดอกเห็ด อยู่ตรงไหนก็ร้อนไปหมด

“ได้ยินมาว่าเจ้าสาวท้องก่อนแต่งด้วยนี่” เสียงของมนุษย์ป้าที่ไหนมาเห่าหอนแถวนี้ไม่ทราบ ฉันที่นั่งไกวเปลอยู่ใต้ต้นไม้ก็หูดีได้ยินเสียงไม่พึงประสงค์นี่ด้วยสิ

“ใช่ๆ เห็นบอกว่ารู้จักกับเจ้าบ่าวได้ไม่นานด้วยนะ เหมือนจะพลาดมีอะไรกันแล้วก็ท้องนี่แหละ”

“ตายละ หนุ่มสาวสมัยนี้ ...สงสัยเห็นว่าเจ้าบ่าวรวยสินะ ก็เลยปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปเลย”

“เป็นฉันก็ปล่อย ดูเจ้าบ่าวสิแซ่บมากเวอร์ อย่างกับดาราที่ชื่อ ติ๊ก เจษกรณ์ ผลงาม เทพบุตรชาวไร่ชัดๆ”

“เออจริงสิ เห็นบอกว่าพอนางมาประกาศตัวว่าท้องที่บ้านของเจ้าบ่าวปุ๊บ แฟนของเจ้าบ่าวที่คบกันอยู่ก็ตรอมใจร้องไห้โฮเลยนะ เขาว่ากันว่าจะแต่งงานกันอีกไม่กี่อาทิตย์อยู่แล้ว โกรธมาก ขับรถจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ แล้วรถก็คว่ำตายกลางทาง ไม่รู้จริงหรือเปล่า”

“ตายจริง มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ก็จริงน่ะสิ”

ฉันทนฟังแทบไม่ได้ เพราะสิ่งที่อีป้าสองคนนั้นพูดมาก็เค้าโครงความจริงหมดนั่นแหละ ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปหรอก แต่ที่น่าโมโหก็คือดันมาพูดให้ฉันได้ยินนี่แหละ

ฮึ่ย!! เจ็บใจชะมัด ฉันเดินกระฟัดกระเฟียดไปตามทางเดินจนถึงในส่วนของไร่สตรอว์เบอร์รี

“อ้าว นึกว่าใครหน้าตาคุ้นๆ พี่สะใภ้นี่เอง กำลังจะไปไหนครับ”

“คุณโปรด” ฉันเรียกคุณโปรด น้องชายของคุณปราบที่อายุมากกว่าฉันประมาณห้าปีได้มั้ง “อย่าเรียกว่าพี่สะใภ้เลยค่ะ” ฉันส่ายหน้าไปมาเพื่อห้ามเขา “ฉันอายุน้อยกว่าคุณโปรดตั้งห้าปี”

“ไม่ให้เรียกพี่สะใภ้แล้วให้เรียกว่าอะไรล่ะ เพิ่งแต่งงานกับพี่ปราบวันนี้เองนี่”

“เออคือ...เรียกใบบัวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพรางเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน ทำไมผู้หญิงชอบทำตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ นึกอะไรไม่ออกก็เกาหัว

“แล้วนี่ใบบัวกำลังจะเดินไปไหนเหรอครับ ทำไมไม่อยู่กับพี่ปราบล่ะ เพิ่งแต่งงานกันวันนี้ไม่ใช่เหรอ”

“เดินออกกำลังกายเล่นค่ะ” ฉันทำท่ายกไม้ยกมือออกกำลังกายไปมา เมื่อโดนทักท้วง “แล้วคุณโปรดล่ะคะ จะไปไหน”

“เดินเล่นเหมือนกันครับ นานๆ ทีจะได้มารีสอร์ตของพี่ปราบเขา”

“อ๋อ!! งั้นเชิญตามสบายนะคะ ใบบัวไม่กวนแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“เดี๋ยวสิครับ เดินคนเดียวอันตรายนะ นี่ก็จะค่ำแล้ว กลับไปที่ตัวรีสอร์ตกันเถอะครับ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณโปรดกลับไปก่อนเถอะค่ะ ใบบัวยังอยากออกกำลังกายอยู่เลย” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปข้างหน้า เพราะใจมันร้อนรุ่มเหลือเกินจากคำพูดอีป้าสองคนนั่น

“งั้นถ้าไม่รังเกียจ ผมเดินเป็นเพื่อนนะ”

คุณโปรดเดินมาขนาบข้างฉัน เล่นเอาฉันทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว อะไรของคุณโปรดเขาเนี่ย นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันเจอคุณโปรด แต่ดูแล้วเขาช่างใจดีและอบอุ่นมากๆ ผิดกับพี่ชายอย่างคุณปราบที่สุดแสนจะเย็นชา แถมยังหน้าบึ้งตึงอีกต่างหาก

“คุณโปรดนี่นิสัยไม่เหมือนคุณปราบเลยนะคะ ดูเป็นคนเข้ากับคนง่ายกว่าคุณปราบเยอะเลย”

“ฮ่าๆ ใครๆ ก็ชอบพูดแบบนั้น ที่จริงพี่ปราบเขาใจดีมากเลยนะ แม้จะเป็นคนนิ่งๆ ไปนิด แต่ถ้าได้รู้จักพี่ปราบจริงๆ จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ที่สำคัญไม่เจ้าชู้แน่นอน” คุณโปรดพูดพร้อมกับหันมามองหน้าฉัน

“ก็คงแบบนั้นมั้งคะ”

ฉันเชื่อว่าคุณปราบไม่เจ้าชู้ เพราะหลังจากที่แฟนได้เสียชีวิตไปแล้วเจ้าตัวก็แทบไม่มองใคร โดยเฉพาะหน้าฉัน คุณปราบแทบจะไม่มองเลยก็ว่าได้ แค่ปรายตามองผ่านๆ ไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ ลมหายใจของคุณปราบคงมีแต่แฟนเก่าสินะ งานแต่งงานจัดหลังงานศพแฟนคุณปราบไม่เท่าไรเอง เป็นใครก็คงทำใจลำบาก

“คุณปราบเขาคบกับคุณฟ้าใสกี่ปีเหรอคะ”

ฉันหันไปถามคุณโปรดเกี่ยวกับคุณฟ้าใสแฟนเก่าของคุณปราบที่สวยมาก หุ่นดี สูงอย่างกับนางแบบแน่ะ ฉันเคยเจอคุณฟ้าใสแค่ครั้งเดียว ก็วันนั้นแหละ วันที่คุณฟ้าใสขับรถออกไปประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต

“ก็ตั้งแต่สมัยเรียนครับ แฟนคนแรกและแฟนคนเดียวของพี่ปราบเขาเลยแหละ”

คุณโปรดบอกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สุดแสนจะละมุน ให้ตายเถอะ คบกันนานมากแน่ๆ เลย แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้ล่ะเนี่ย

เดี๋ยวนะ!! คนแบบฉันนี่มีสิทธิ์หวังหรือสู้อะไรกับเขาด้วยเหรอ อย่าลืมว่าสถานะตัวเองคืออะไรสิใบบัว ภรรยาจำยอมหรือเปล่า อีกอย่างฉันกับคุณปราบก็ไม่เคยคบกันด้วย ที่เขาแต่งงานกับฉันเพราะรับผิดชอบลูกในท้องและรักษาหน้าให้ฉันที่กำลังท้องป่องต่างหาก

โอ๊ยยย!! ความร้อนของอากาศทำให้เราลืมตัว ลืมตีน และลืมต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวการแต่งงานครั้งนี้หรือไง

“คบกันนานเลยสินะคะ”

“แล้วใบบัวชอบพี่ปราบไหมครับ ผมหมายถึง...รักพี่ปราบไหม”

เดี๋ยวคุณโปรด! ฉันจะไปรักและชอบคุณปราบเขาได้ไง คบก็ไม่เคยคบกัน จะมีก็แต่เคยนอนด้วยกัน แล้วคุณปราบเขาก็เป็นคนแรกของฉันแค่นั้นเอง จะเอาอะไรมารักมาชอบ แต่จะว่าไปฉันก็ชอบคุณปราบอยู่นะ ก็คุณปราบเขาหล่อแถมตรงสเป็กฉันเลยน่ะสิ

ไม่ได้!! ฉันรีบปัดเอาความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัว ทิ้งมันซะนังใบบัว แกมันตัวแบคทีเรียหัวใจของคุณปราบเขา!

“ถามอะไรแปลกจังคุณโปรด ใบบัวถามจริงๆ นะ คุณโปรดไม่รู้เรื่องใบบัวกับคุณปราบเหรอคะ”

ฉันถามคุณโปรดด้วยความสงสัย ขนาดอีป้าที่มาร่วมงานยังรู้เรื่องเลย ทำไมคุณโปรดถึงไม่รู้เรื่อง

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่ใบบัวกับคุณปราบมีอะไรกันแล้วก็ท้องก่อนแต่ง” ฉันพูดไปอย่างหน้าด้านๆ แต่มันก็คือความจริงนี่นา ทำไมต้องโกหกหรือปิดบังต่อไป

“รู้ครับ แต่ผมแค่อยากถามความรู้สึกของใบบัวให้แน่ใจก็เท่านั้นเอง ว่าชอบพี่ชายผมหรือเปล่า เพราะถ้าใบบัวชอบพี่ชายผม ใบบัวก็จะ”

“ไอ้โปรด ตามหาตัวตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่นี่เอง” เสียงคุณปราบดังขึ้นมาขัดจังหวะทันทีที่คุณโปรดกำลังพูดกับฉันอยู่

“อ้าว ว่าไงครับเจ้าบ่าวป้ายแดง”

“ว่าไงล่ะครับ ไปทานข้าวสิครับ คุณแม่คุณเรียกไปทานแล้วไงครับ”

คุณปราบเดินมาล็อกคอคุณโปรดโฉบไปต่อหน้าต่อตาฉัน แถมยังไม่ชวนฉันไปทานข้าวด้วยสักนิด ทั้งๆ ที่ฉันก็ยืนอยู่ข้างคุณโปรด

อะไรกัน ไม่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้หรือไง หรือมองฉันเป็นอากาศ หญ้าริมทาง นกกา แมลงเม่า แมลงหวี่ โธ่เอ๊ย!!

ฉันยืนมองสองพี่น้องที่เดินไปด้วยกันอย่างหงุดหงิดใจ น้ำตาแทบไหลลงมาอาบหน้า แต่ก็ช่างเถอะ ฉันกำลังจะเรียกร้องสิทธิ์อะไรล่ะ ก็เขาเป็นพี่น้องกันนี่ ฉันมันก็แค่ตัวแถม พอเห็นสองพี่น้องเดินไปแบบนั้น ฉันก็อดหันหลังให้ไม่ได้จริงๆ จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ได้แต่เดินตรงไปยังทางเดินแปลงสตรอว์เบอร์รีแล้วนั่งยองๆ ก้มเก็บสตรอว์เบอร์รีกิน ทั้งโมโห ทั้งน้อยใจในเวลาเดียวกัน

“ใบบัว ทำอะไรน่ะ” เสียงของคุณโปรดดังขึ้นแต่ไกล จนฉันต้องรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปมอง ก็เจอสองพี่น้องหน้ามนยืนมองฉันอยู่ “กินสตรอว์เบอร์รีเหรอ แล้วไม่ล้างก่อนกินหรือไง”

คำพูดของคุณโปรดทำเอาฉันไอออกมาแครกๆ แล้วเดินจ้ำเท้า ตีหน้ามึนแซงสองพี่น้องที่ยืนรออยู่อย่างไม่สนใจ โดยเฉพาะคุณปราบที่เอาแต่ยืนมองไม่พูดไม่จา ไอ้หินดึกดำบรรพ์

เวลาผ่านไป...

ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่ "รีสอร์ตรักยั่งยืน" นับตั้งแต่วันแต่งงานเป็นเวลาห้าเดือน โดยมีหน้าที่หลักๆ ในรีสอร์ตคือทำบัญชี ตรวจรับเอกสารต่างๆ ในรีสอร์ตและไร่ แล้วก็ทำรายงานส่งคุณปราบ ทำแบบนี้ประจำจนเป็นอาชีพหลักไปแล้ว แถมยังมีเงินเดือนจากการเป็นภรรยา ไม่สิ ต้องพูดว่าได้รับเงินเดือนจากการทำงานที่คุณปราบมอบให้ และได้รับสวัสดิการชั้นเลิศคือบ้านพักหลังเล็ก ที่อยู่เยื้องบ้านหลังใหญ่ของคุณปราบอีกที

เออ! นี่แหละชีวิตแต่งงานฉัน

“เป็นไงบ้างลูก หมอบอกคลอดเมื่อไร” ฉันนั่งวิดีโอคอลกับแม่

“หมอบอกว่าภายในเดือนนี้แหละค่ะแม่”

“ซื้อของเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”

แม่ถามฉันระหว่างที่ฉันนั่งพับผ้าเก็บใส่กล่อง

“พร้อมหมดแล้วค่ะ ใบบัวสั่งของจากอินเทอร์เน็ตมาครบ บางอย่างก็ซื้อมาจากห้างค่ะ”

ฉันสั่งเสื้อ เบาะ ที่นอน หมอนมุ้งต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต รวมถึงของเล่นด้วย เพราะว่ามันสะดวกแล้วก็ไม่ต้องรบกวนคุณปราบให้พาไปซื้อด้วย เนื่องจากว่าหลังจากที่ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ขายรถของฉันทิ้งไปเพื่อเอาเงินที่ได้มาเตรียมของใช้ และค่าใช้จ่ายให้ลูกนี่แหละ

อย่างที่บอกฉันได้เงินจากการทำงานที่รีสอร์ตของคุณปราบเป็นหลัก รีสอร์ตค่อนข้างไกลจากห้างและตัวเมืองมากถึงยี่สิบกิโลฯ จะไปไหนทีก็ลำบากเหลือเกิน เพราะฉะนั้นอะไรที่ช่วยตัวเองได้ฉันก็ทำไปก่อน โดยไม่อยากพึ่งคุณปราบมากนัก

เงินที่ซื้อข้าวของเตรียมไว้ให้เจ้าตัวเล็กก็เป็นเงินฉันทั้งสิ้น แม้แต่ไปตรวจรอบครรภ์ คุณปราบยังไม่สนใจที่จะถามไถ่เลย ฉันก็ต้องไปเองตามนัด ภาพอัลตราซาวด์สองแฝดถูกฉันเก็บเรียงไว้ในอัลบั้มอย่างดี คุณปราบมีหรือจะรู้ว่าได้ลูกแฝด เมื่อไม่ถามฉันก็ไม่บอก

ยกเว้นวันคลอด...

ฉันรู้สึกปวดท้อง เหมือนจะคลอดก่อนกำหนดที่หมอบอกเอาไว้หนึ่งสัปดาห์ โชคดีที่ฉันเตรียมข้าวของเครื่องใช้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันได้แต่รวบรวมแรงที่มีเดินไปบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ก็พบคุณปราบกำลังนั่งทำงานอยู่กับกองเอกสารกองโต ฉันได้แต่เก็บอาการปวดท้องของตัวเองเอาไว้ เพราะตอนนี้ก็เวลาสองทุ่มกว่าแล้ว

“คุณปราบคะ ทำอะไรอยู่”

ฉันแกล้งถามคุณปราบ ทั้งๆ ที่เห็นว่าเขากำลังก้มหน้าทำงาน ในท้องก็เริ่มปั่นป่วนเต็มที จนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ฉันก็ยืนยิ้มถามคุณปราบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท้องกลมของตัวเอง คุณปราบปรายตามองมาที่ฉัน ก่อนจะก้มลงทำงานต่อโดยไม่พูดอะไร

“ใบบัวจะมาบอกว่า จะไปคลอดที่โรงพยาบาลแล้วนะคะ”

ฉันบอกคุณปราบที่ทำหน้าเรียบเฉยอ่านเอกสารในมือต่อ โดยไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของฉัน

“พอดีว่ารู้สึกปวดท้องก่อนกำหนดคลอดหนึ่งอาทิตย์ ก็เลยจะมาบอกคุณปราบไว้”

รอบนี้คุณปราบเงยหน้ามามองฉันพร้อมกับผงกหัวรับรู้ นี่ลูกคนแรกของเขานะ จะไม่ดีใจหรือยิ้มอะไรหน่อยเหรอ ลืมตัวอีกละใบบัว ลืมหรือไงว่าคุณปราบไม่ได้อยากมีลูกนี่นา

“งั้นคุณปราบทำงานต่อเถอะค่ะ ใบบัวไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวใบบัวให้ลุงชอบไปส่งค่ะ”

ฉันบอกกับลุงชอบไว้แล้วว่า ถ้าถึงวันกำหนดคลอดจะรบกวนลุงชอบไปส่งที่โรงพยาบาล ลุงชอบเองก็ใจดีรับปากรับคำไว้โดยไม่ปฏิเสธ พอเดินออกจากบ้านคุณปราบได้ ฉันที่ยืนเก็บอาการไว้ตั้งนานแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เหงื่อแตกจนแทบจะล้มทั้งยืนรีบกดโทรศัพท์หาลุงชอบทันทีเมื่อเดินตามทางมาบ้านหลังเล็ก แต่ลุงชอบกลับไม่รับสาย ฉันจึงเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กของตัวเองเพื่อไปหยิบกระเป๋าแล้วออกมารอลุงชอบหน้าบ้าน แต่พอเดินออกมาตรงประตู ยังไม่ได้โทรบอกลุงชอบอีกครั้ง ลุงชอบก็เอารถมาจอดเทียบไว้ที่หน้าบ้านเสียแล้ว

“โทษทีครับที่ไม่ได้รับสาย พอดีผมรีบออกรถมารับคุณใบบัวไปโรงพยาบาล เลยไม่ได้ดูโทรศัพท์” ลุงชอบบอกกับฉันด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ลุงชอบรู้ได้ยังไงว่าใบบัวจะโทรไปบอกลุงเรื่องไปโรงพยาบาลคะ”

“คุณปราบโทรมาบอกครับ ผมเลยรีบวิ่งไปเอารถออกมารับ”

“คุณปราบเหรอคะ”

คำพูดของลุงชอบเล่นเอาฉันงงเป็นไก่ตาแตก เพราะตอนที่ฉันเดินไปหาคุณปราบ คุณปราบทำหน้านิ่งๆ แถมยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่ฉันจะคลอดลูก ทำไมถึงได้ชิงโทรหาลุงชอบก่อนฉันได้ล่ะ

โอ๊ย!! ไม่อยากจะคิดอะไรตอนนี้ให้ปวดหัวแล้ว ฉันรีบบอกลุงชอบให้เหยียบมิด พาฉันไปคลอดโรงพยาบาลสักที ปวดท้องจะแย่แล้ว!!


ณ โรงพยาบาล

“ยินดีด้วยนะคะ ทั้งคุณแม่และคุณลูก ทั้งสามคนปลอดภัยและแข็งแรงดีค่ะ”

“ฮะ! สามคนเหรอครับ”

“ค่ะ น้องผู้หญิงฝาแฝด ปลอดภัยดีค่ะ แต่ว่าน้องคลอดก่อนกำหนด คุณหมอก็เลยให้อยู่ในตู้อบก่อนนะคะ คุณพ่อไปดูน้องได้นะคะ น่ารักน่าชังเชียวค่ะ”

“แล้วคุณแม่ล่ะครับ”

“คุณแม่ใจแข็งมากคลอดแบบธรรมชาติ พอเจอหน้าน้องก็เป็นลม ตอนนี้นอนพักให้น้ำเกลือในห้อง ยังไม่ฟื้นค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

นิยายเรื่องอื่นของพาราแรว