“อุ๊ย! จะทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะ”
“คุยกันหน่อย”
“จะคุยก็คุยสิ ไม่เห็นจะต้องมากอดเลย!”
“ก็อยากกอดเมีย”
“วานไม่ใช่เมียพี่กันต์!” สวนกลับเสียงขุ่น
“ไม่ใช่เมียแล้วตัวกลมๆ ที่นอนอยู่บนเตียงนั่นเกิดมาได้ยังไง”
“เอ๊ะ!” พอเถียงไม่ออกเธอก็ถลึงตาใส่แล้วดิ้นยุกยิกไปมา
“ดิ้นเข้าไป ผ้าขนหนูพี่มันจะได้หลุด เออ! แต่ก็ดีเหมือนกันนะ พี่กำลังอยากอวดไอ้นั่นอยู่พอดี”
“อ๊าย! หยุดพูดทะลึ่งเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
วันวานถึงกับหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเขา ก่อนจะใช้กำปั้นเล็กทุบลงไปบนอกแกร่งสองสามครั้งอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ยิ่งต้องโมโหเข้าไปใหญ่เมื่อคนถูกทุบเอาแต่ยืนอมยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสะทกสะท้านหรือสำนึกเลยสักนิด ให้ตาย! ไหนคนเงียบขรึม ไหนคนพูดน้อยอย่างที่ป้าดาบอก จากที่เห็นอยู่ในตอนนี้มีแต่คนหน้ามึนกวนประสาทเก่งเท่านั้น
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วจะได้มาคุยกัน!” สาวเจ้ารีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะไม่อยากให้ตนเองอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้กับเขานานจนเกินไป
“พี่เปลี่ยนใจแล้ว”
“คะ?”
“คุยกันมันหลังจากนั้น แต่ตอนนี้พี่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
“มะหมายความว่ายังไง” สายตาวิบวับนั้นทำเอาคนตัวบางเริ่มจะใจคอไม่ดี
“ก็หมายความว่า.....”
พูดลากเสียงยาวพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ อย่างไม่ทันตั้งตัวเขาก็ส่งลำแขนแกร่งไปตวัดอุ้มร่างบางขึ้นมาไว้แนบอกแล้วพาเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจเสียงร้องปรามและอาการดิ้นยุกยิกไปมาของอีกคนเลยสักนิด