บัลลังก์ราชัน
แฟนตาซี-ไซไฟ
บัลลังก์ราชัน
แฟนตาซี-ไซไฟ
Jusmine89
กลางดึกของคืนข้างขึ้นอากาศที่หนาวเย็นในหมู่บ้านพิวรี่ซึ่งตั้งอยู่ในแนวเขตป่าสนห่างไกล พายุหิมะเพิ่งพัดผ่านทิ้งร่องรอยเอาไว้ทั่ว แสงจันทร์อันเจิดจ้าสาดกระทบหิมะจับหนาขาวโพลน ค่ำคืนนี้ควรจะสงบทั้งหมู่บ้านเตรียมตัวพักผ่อนหลังจากทำไร่ทำสวนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่ต้องพากันตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนรับกันเป็นทอดมาจากทุกทิศ เสียงเคาะเกราะไม้ถี่รัว กองไฟสว่างไสวลุกโชติช่วงทั่วทั้งหมู่บ้านชาวบ้านที่เป็นชายฉกรรจ์ถือคบไฟมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้าน เสียงเจ้าบ้านตะโกนร้องสั่งให้ผู้หญิงและเด็กซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัย “หมาป่าจับฝูงกำลังมุ่งตรงมาที่นี่” ใครสักคนในกลุ่มร้องบอก
  • 0 ตอน
  • 0
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
บทนำ

กลางดึกของคืนข้างขึ้นอากาศที่หนาวเย็นในหมู่บ้านพิวรี่ซึ่งตั้งอยู่ในแนวเขตป่าสนห่างไกล พายุหิมะเพิ่งพัดผ่านทิ้งร่องรอยเอาไว้ทั่ว แสงจันทร์อันเจิดจ้าสาดกระทบหิมะจับหนาขาวโพลน ค่ำคืนนี้ควรจะสงบทั้งหมู่บ้านเตรียมตัวพักผ่อนหลังจากทำไร่ทำสวนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่ต้องพากันตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนรับกันเป็นทอดมาจากทุกทิศ เสียงเคาะเกราะไม้ถี่รัว กองไฟสว่างไสวลุกโชติช่วงทั่วทั้งหมู่บ้านชาวบ้านที่เป็นชายฉกรรจ์ถือคบไฟมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้าน เสียงเจ้าบ้านตะโกนร้องสั่งให้ผู้หญิงและเด็กซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัย

“หมาป่าจับฝูงกำลังมุ่งตรงมาที่นี่” ใครสักคนในกลุ่มร้องบอก

กลางลานของหมู่บ้าน ชายฉกรรจ์หลายคนยืนรวมกลุ่มในมือมีอาวุธแทบทุกชนิดที่หยิบฉวยมาได้ สายตาทุกคู่มองไปยังทางเข้าหมู่บ้าน บนป้อมสูงยามที่เฝ้าส่งสัญญาณบางอย่างลงมา ไม่นานก็เห็นม้าสีขาวและน้ำตาลควบอย่างรวดเร็วตรงมายังหมู่บ้าน ชายเหล่านั้นต่างกระจายตัวให้รถม้าวิ่งเข้ามาจอดทั้งหมดยกปืนขึ้นเล็งไปยังรถม้าโดยทันที ชายผู้บังคับรถม้าตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

“อย่ายิง ข้ามาขอความช่วยเหลือได้โปรดช่วยนายหญิงของข้าด้วย”

ร่างนั้นตะกายลงจากที่นั่งบังคับม้าชายวัยกลางคนร่างกายเต็มไปด้วยริ้วรอยจากการถูกทำร้ายจากสัตว์ มือที่เปื้อนเลือดจับประตูรถม้าซึ่งมีร่องรอยการถูกจู่โจมกัดตะกุยจนไม้บางส่วนแว่งวิ่นชายนั้นยังไม่ทันเปิดประตูก็สำลักเลือดตัวเองตาเหลือกค้างสิ้นใจไปต่อหน้าชาวบ้านเหล่านั้น

ทั้งหมดลดปืนลงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากรถม้าเจ้าบ้านตรงเข้าไปเปิดประตูภายในรถม้าเละเทะไปหมดสัมภาระที่หล่นกระจายคนโดยสารที่เหลือชีวิตอยู่เพียงคนเดียวนั้นก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนผ่านการต่อสู้ที่เหี้ยมโหด ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยขบกัดของสัตว์ สีหน้าเจ็บปวดระคนตื่นตระหนกของเธอ ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงเพราะไม่แต่เฉพาะร่างที่ปราศจากชีวิตของสตรีคนหนึ่ง อีกสตรีนั้นนางตั้งครรภ์และตอนนี้นางดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดพอจะให้กำเนิดบุตรของเธอ

“ใครก็ได้ไปตามนังทิสต์ขี้เมามาที่นี่ ถ้ามันยังเมาอยู่ก็ทำให้มันมันสร่างข้ามีงานด่วนให้มันทำ”

เจ้าบ้านตะโกนสั่ง ลูกบ้านคนหนึ่งวิ่งออกไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขาและคนที่เหลือต่างก็ช่วยอุ้มร่างของสตรีท้องแก่ซึ่งหายใจรวยรินนางยังมีสติดีอยู่ทั้งที่มีบาดแผลใหญ่เลือดสีคล้ำยังคงไหลริน

เรือนพักคนเดินทางถูกดัดแปลงเป็นที่สำหรับคนบาดเจ็บ เรือนหลังนี้มีข้าวของสำหรับรักษาคนเจ็บเบื้องต้น รวมทั้งของใช้บางอย่าง เหล่าอาสาคุ้มครองหมู่บ้านเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้จึงหยิบจับของที่จำเป็นต้องใช้มาเตรียมไว้รอคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องการคลอดบุตร

“ท่านลุงช่วยลูกของข้าโปรดช่วยเขาให้รอด”

มือเรียวงามซึ่งเปรอะไปด้วยเลือด คว้าขายแขนเสื้อของเจ้าบ้านวัยกลางคน ดวงตางดงามสีเทาสุกใสบัดนี้เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาเธอเป็นสตรีที่สวยมาก เจ้าบ้านกุมมือหญิงนั้นไว้

“แม่หญิงข้ายินดีช่วยเท่าที่สามารถท่านเข้มแข็งเอาไว้เถิดนะ”

เจ้าบ้านปลอบใบหน้าที่บิดเบี้ยวนางครวญครางทุกข์ทรมาน ทว่าสีหน้าเปี่ยมสุข อาการดิ้นรนของทารกในครรภ์ที่ต้องการออกมาดูโลกทำให้เธอพยายามอดทนเพื่อให้กำเนิดเด็กคนนี้

“เอามือสกปรกของพวกแกออกไปจากตัวข้า” เสียงตะโกนสบถปากจนแทบอยากอุดหูตามออกมาเป็นชุด

ไม่มีใครสนใจวาจาหยาบคายของหญิงขี้เมาเนื้อตัวเหม็นกลิ่นเหล้าคลุ้งอยู่ตลอดเจ้าบ้านละจากหญิงบาดเจ็บเพื่อมาจัดการกับลูกบ้านที่ไม่น่าคบหาคนนี้

“ทิสต์ หุบปากของเจ้าทีเถอะ”

เจ้าบ้านตวาดดุดันซึ่งร่างอ้วนที่กำลังอ้าปากก่นด่าหุบปากโดยทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาเกรียวกราดไปยัง ชายสองคนที่ยืนทำหน้าเครียดผู้ไปขุดแซะนางออกมาจากถังเบียร

“ท่านเจ้าบ้านท่านอยู่ที่นี่ด้วยขออภัยให้แก่ข้าด้วยที่เสียงดังไปหน่อย”

“เจ้าไปล้างมือให้สะอาดก่อนแล้วห้ามเอะอะอะไรอีกไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าขังไว้สักสามวันเจ้าคงรู้ดีนะ” เจ้าบ้านสั่งสีหน้าเครียดขึ้ง

“ทิสต์ไม่กล้าหรอกท่านเจ้าบ้านอ้าวนั่นใครกันหรือ”

หญิงร่างอ้วนชะโงกหน้าไปดูด้านหลังของท่านเจ้าบ้านซึ่งมีสุภาพสตรีผิวผ่องนอนอยู่บนผ้าใบเนื้อหยาบ อาการที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังจะให้กำเนิดบุตร

“คนเดินทางผ่านมาเจ้าอย่าเพิ่งถามมากเลยรีบไปล้างเนื้อตัวให้สะอาดแล้วมาช่วยนางที”

ทิสต์กระวีกระวาดไปล้างมืออ้วนใหญ่จนถึงข้อศอกไม่นานนางก็มาคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของสตรีผู้นั้นชายฉกรรจ์ในห้องต่างก็เดินออกไปรออยู่ข้างนอกอย่างรู้งานเหลือเพียงหญิงชาวบ้านสองคนซึ่งถูกตามตัวมาก่อนหน้าที่ทิสต์จะมาถึงไม่นานเข้ามาคอยเป็นผู้ช่วยสตรีร่างบอบบางเพื่อช่วยทารกที่กำลังจะถือกำเนิด

เสียงร้องโหยหวนของฝูงหมาป่าดังอยู่รอบบริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านแต่ยังห่างไกลนัก คล้ายกำลังรอจังหวะที่จะเข้าจู่โจมเจ้าบ้านมองไปท่ามกลางความสลัวราง คืนนี้พระจันทร์ส่องสว่างและมันกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเจ้าบ้านมองดวงจันทร์ที่ดูน่ากลัวมากกว่าจะงดงามอบอุ่น

ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าในคืนเดือนเพ็ญเจ้าบ้านได้ยินมาตั้งแต่เด็กแต่จนเขาล่วงเข้าวัยกลางคนเข้านี่ยังไม่เคยเห็นว่า ตำนานที่เล่าจะมีมูลความจริง มันอาจเป็นกุสโลบายที่ควบคุมเด็กไม่ให้ไปวิ่งเล่นในป่ายามค่ำคืนมากกว่า เมื่อยถึงฤดูผสมพันธุ์ของเหล่าหมาป่าพวกมันก็จะออกมาจากป่าลึกถิ่นที่อาศัยเพื่อหาอาหาร ที่เขาต้องคอยระวังคือสัตว์เลี้ยงภายในหมู่บ้านไม่ใช่มนุษย์หมาป่าที่ว่า แต่ทว่าคืนนี้เขารู้สึกหนาวเยือกสีของพระจันทร์ทำให้เขาฉุกคิดเรื่องตำนานทั้งที่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล

รถม้ารูปทรงโบราณเขาไม่เคยเห็น ตัวรถประดับประดาด้วยของมีค่าหลังคาที่น่าจะสวยงามหักพังเสียหายเปิดเปิงเป็นช่องกว้าง ตัวรถแข็งแกร่งทำด้วยเหล็กผสมไม้ กลิ่นหอมของไม้มีค่าหอมระรื่น ชนชั้นสูงจากเมืองไหนที่มีรถม้าหรูหราแบบนี้

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากที่พักคนเดินทาง สลับกับเสียงปลอบโยนของทิซต์หญิงขี้เมาประจำหมู่บ้าน ทำให้เขาละสายตาจากสิ่งที่กำลังสำรวจ ลูกบ้านคนอื่นจับกลุ่มพูดคุยกันเบาไม่มีใครสำเหนียกถึงความผิดปกติที่เขากำลังสงสัย

เสียงความทุกข์ทรมานของสตรีแปลกหน้าดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อย ๆช่างใช้เวลานานเหลือเกินหากหญิงนี้เป็นภรรยาของเขาก็คงรู้สึกกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเธอเป็นหญิงแปลกหน้าเขาก็เพียงแค่รู้สึกสงสารนางได้รับบาดเจ็บทั้งยังต้องพยายามคลอดลูก ใจเธอช่างยิ่งใหญ่นัก

เขาไว้ใจทิซต์แม้นางจะขี้เมาแต่นางก็เป็นคนเดียวที่เป็นหมอตำแยของหมู่บ้าน เด็กหลายคนถือกำเนิดโดยปลอดภัยก็ฝีมือนางทั้งนั้นไม่มีใครรู้ว่าทิซต์มาจากไหน

เมื่อ 7 ปีก่อน ทิซต์เดินทางมากับ อาบัส ซึ่งเป็นลูกชายของยายเฒ่านิคกี้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมุนไพร ขณะที่ทิซต์อยู่ที่นี่เธอเป็นคนดีคนหนึ่งคอยช่วยเหลือคนเจ็บคนป่วย คอยเป็นผู้ช่วยยายเฒ่านิคกี้ จนเมื่อสองปีก่อนยายเฒ่านิคกี้ได้ล้มเจ็บและเสียชีวิตไป ทิซต์จึงสืบทอดเป็นผู้ดูแลรักษาคนเจ็บคนป่วยของหมู่บ้าน นางปรุงยามากมายช่วยให้คนทั้งหมู่บ้านแข็งแรงและไม่เจ็บป่วยง่าย ๆสิ่งที่ทำให้ทิซต์เปลี่ยนไปก็คือ

เมื่อหกเดือนก่อนอาบัสได้ออกไปล่าสัตว์และหายสาบสูญไป คนที่ร่วมล่าสัตว์ในครั้งนั้นเก็บเสื้อเปื้อนเลือด ที่ขาดวิ่นราวถูกกระชากจากสัตว์ ทิซต์เสียใจจนถึงกับคลุ้มคลั่งเมื่อสามีจากไปกระทันหัน เพราะนางรักสามีของนางมาก จุดนั้นเองที่เปลี่ยนแปลงทิซต์ผู้อ่อนโยนและใจดีเป็นผู้หญิงขี้เมา ปากร้ายเอาแต่พร่ำเพ้อถึงสามีที่จากไปยิ่งเธอเมาเท่าไหร่ก็ยิ่งหยาบคายมากเท่านั้นไม่มีใครถือสาหญิงขี้เมาคนนี้เพราะสงสารกับชะตากรรมของนาง มีเพียงเจ้าบ้านที่ทิซต์ยอมเชื่อฟัง

เสียงหมาป่าโหยหวนใกล้เข้ามาทุกที พร้อมทั้งเสียงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานของหญิงกำลังจะคลอดบุตรเจ้าบ้านมองไปรอบ ๆ ที่จู่ ๆสายลมที่พัดพรูหนาวเย็นก็นิ่งสนิทมันเงียบเกินไป ลูกบ้านหนุ่มฉกรรจ์ก็เพิ่งจับสังเกตได้เช่นกัน เจ้าบ้านทำมือเป็นสัญญาณ ซ้ายขวา ทุกคนกระจายตัวไปตามจุดทันที

ในความเยือกเย็นของอากาศยามดึกสงัดเจ้าบ้านเพ่งมองไปในแนวป่ายอดสนไหวเอนโยนตัวรับกันเป็น ทอด ๆ เสียงหิมะร่วงพรูเบา ๆ ในความมืดใกล้เข้ามาทุกที เจ้าบ้านรู้สึกขนลุกชัน นี่มันตัวอะไรกำลังมุ่งมาทางนี้

“นั่นมันอะไรข้าไม่เคยเจอ”

เท็ดเอ่ยขึ้นพลางกระชับปืนในมือแน่นขึ้น ตาจับจ้องไปยังยอดสนที่ไหวเอนราวกับลมพัดไล่กันเป็นคลื่นใกล้เข้ามาเนิบช้า

เสียงร้องครวญครางยังดังแว่วออกมาเป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบสงัดในค่ำคืนนี้ สัตว์เลี้ยงในคอกเหมือนจะจับสัญญาณอันตรายที่กำลังจะมาถึง พวกมันต่างก็ส่งเสียงกันเซ่งแซ่วิ่งไปซุกตัวรวมกันอยู่มุมหนึ่งของคอกจิตใจของผู้เฝ้ารอนั้นเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้นยอดต้นสนก็หยุดนิ่งห่างจากหมู่บ้านราวห้าสิบเมตร

ลมหวีดหวิวหอบเอาความหนาวเย็นเข้าโอบล้อมไม่มีใครทันสังเกตว่าบัดนี้พระจันทร์นั้นเป็นสีแดงราวกับเลือด เสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในเพิงที่พัก พร้อมกับเสียงแผดจ้าของทารกมันเป็นเสียงแห่งความยินดียิ่งจนทำให้ผู้คนที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกผ่อนคลายถึงกับยิ้มออกมา บางคนถึงกับถอนใจจนลืมตัวไปชั่วขณะสิ่งที่เฝ้ารออยู่ภายนอกยังคงสงบนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว เจ้าบ้านสั่งความแก่เท็ดให้เฝ้าระวังส่วนตัวเขาเดินเข้าไปภายในเรือน

สตรีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนหายใจรวยรินมีผ้าห่มเนื้อหยาบคลุมท่อนล่าง ข้างกายของนางในห่อผ้าเนื้อนุ่มคือทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มดวงตาดำกลมใหญ่สีน้ำตาลแวววาวราวกับลูกแก้ว เจ้าบ้านเข้าไปคุกเข่าข้างหญิงนั้นเมื่อเธอส่งสายตาวิงวอนริมฝีปากขยับ เจ้าบ้านก้มหน้าลงใกล้ เสียงแหบพร่าแผ่วเบาพยายามที่จะพูดบางสิ่งกับเขา

“ท่านผู้ใจดีข้ามีเรื่องขอร้องต่อท่าน”

“แม่หญิงท่านมีสิ่งใดโปรดบอกข้าเถิด”

เจ้าบ้านมองดวงหน้าละมุนที่ซีดขาวราวกับกระดาษ ริมฝีปากแห้งผากของนางมีริ้วรอยห้อเลือดนางคงทุกข์ทรมานจากการคลอดบุตรเป็นอย่างยิ่ง และที่สะท้อนใจเขาเห็นเงามัจุราชกำลังไขว่คว้าวิญญาณของนางใบหน้าที่ ถูกเช็ดพอให้ดูสะอาดงดงามราวกับสตรีผู้สูงศักดิ์น่าเสียดายที่นางต้องเอาชีวิตมาทิ่งที่นี่ หมู่บ้านเล็ก ๆห่างไกลเมือง

“บุตรชายของข้าไคล์ช่วยเมตตาบุตรของข้า”

“ได้แม่หญิงข้าจะเมตตาเขาตามที่ท่านต้องการ”

เจ้าบ้านบอกนางยิ้มสีหน้าคล้ายสมหวัง นางถอดสร้อยทองคำห้อยเหรียญตราลวดลายแปลกวงกลมประดับอัญมณีสีเหลืองล้อแสงไฟระยิบระยับ ด้านหลังมีสัญลักษณ์แปลกที่เขาอธิบายไม่ถูกอักขระที่เขาอ่านไม่ออก

“โปรดมอบมันให้เขา บอกเขานำสิ่งนี้ติดตัวไปที่ผาทิวสน รับปากข้าดูแลเขาแทนข้าด้วยท่านผู้มีเมตตา”

เจ้าบ้านรับคำ นางกล่าวขอบคุณเขาเสียงแผ่วโหยสีหน้าสมหวังฉายชัดมือของนางสั่นระริกเมื่อเปิดเปลือยทรวงอกอวบอิ่มให้ทารกน้อยดื่มกินโดยมี ทิซต์คอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ

อาการที่นางกระทำเพื่อให้ทารกได้จดจำสายใยแห่งความผูกพันระหว่างแม่ลูกมันเป็นน้ำนมครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของทารกน้อย นามว่าไคล์ได้ดื่มกินน้ำนมจากอกมารดาผู้ให้กำเนิด

เจ้าบ้านเบือนหน้าหนี มันเป็นภาพที่เขารู้สึกสะเทือนใจเหลือที่จะกล่าวเมื่อทารกกินอิ่มและหลับ ผู้เป็นมารดานั้นก็หลับ หากเป็นการหลับชั่วนิรันดร์นางจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาเพื่อให้นมกับบุตรของนางได้อีกต่อไป




นิยายเรื่องอื่นของJusmine89