ดั่งฟากฟ้าโอบกอดฝืนทราย
รักโรแมนติก
ดั่งฟากฟ้าโอบกอดฝืนทราย
รักโรแมนติก
ฉินที่เจ็ด
นึกว่าการรักพาตัวไปเป็นผู้หญิงในฮาเร็มจะมีแต่ในนิยาย เมื่อเจอเข้ากับตัวเองลูกแก้วจะเอาตัวรอดจาก คนที่เคยสบประมาทว่าเหมือนแขกขายโรตีได้อย่างไรก็ในเมื่อทั้งหล่อทั้งล่ำและสายเปย์ขนาดนั้น
  • 24 ตอน
  • 139
นิยายโดย
  • 71 คนติดตาม
บทนำ

ในรูปแบบอีบุ๊ค

นิ้วชี้ที่สวมแหวนทองแพรวพราวชี้ลงที่ที่รูปบนหน้าจอโทรศัพท์ไม่ใช่แต่นิ้วชี้หรอกนะ ทั้งนิ้วกลางนิ้วนางและนิ้วโป้งที่มีแหวนทองเรียงราย จนคิดว่าไม่รำคาญบ้างหรือ

“คนนี้”ดวงตาเป็นประกายวาววับ

“ขอรับกระหม่อม”

โบกมือไล่บอดี้การ์ดชุดดำสามคนที่ยืนขนาบซ้ายขวาและด้านหลัง

“คืนพรุ่งนี้ เธอคนนั้นจะต้องมาอยู่บนเตียงของฉัน”

ราฟัสฟารุส เอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจยิ้มมุมปากเหมือนที่เคยทำเช่นทุกครั้งนางบำเรอดาราบำเรอหรือคู่นอน จะเรียกอะไรก้ได้ไม่ผิด

“ขอรับกระหม่อม”ซายิดก้มศีรษะโค้งคำนับด้วยท่าทีนอบน้อม

ประเทศไทย

“ลูกแก้ว บ่ายนี้ว่างไหม”

คิ้วดกดำบนใบหน้าขาวเนียนในชุดมัธยมปลาย ผมยาวมัดรวบไว้ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ปากคอคิ้วคาง รับกับใบหน้ารูปไข่ คิ้วสวยจนหาตัวจับยากเพียงแต่เสื้อผ้าชุดมอปลายที่สวมใส่อยู่จะเก่าและสีหมองไปหน่อยก็เท่านั้น ตากลมโตคมเข้มขนตางอนงามยกคิ้วเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัย

ปรียาพร หรือปัดกระโดดมายืนขวางหน้าไว้

“ว่าง ทำไมจะเลี้ยงข้าวเราเหรอ”

พูดยิ้มๆ ปัดหรือปรียาพรลูกคนเล็กของเจ้าของร้านทองที่มักจะชวนเพื่อนๆ ไปเลี้ยงข้าวโปรยเงินที่เหลือใช้อย่างไม่ ยีหระต่อเงินที่เสัยไป

“เปล่า พอดีวันนี้ฉันจะต้องไปแคสหน้ากล้อง”ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

ลูกแก้วอ้าปากหวอ

“ความลับห้ามบอกใคร”กระซิบเบาๆ

“ทำไมเรื่องน่าดีใจขนาดนี้ยังไม่ให้บอกใครอีก น่าป่าวประกาศให้รุ้กันทั้งโรงเรียนจะตาย”

เขย่ามือปัดเบาๆ

“แค่ไปแคสเฉยๆ ยังไม่ได้เล่นหนังเสียหน่อย ถ้าผ่านก็ดีไปถ้าไม่ผ่านอายพวกนั้นตายเลย”

บุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนร่วมชั้น

“อ๋อเข้าใจแล้ว แต่ไม่เห็นต้องอาย ปัดหน้าตาดีขนาดนี้ได้ลองไปทำอะไรที่พวกนั้นใฝ่ฝัน ก็ถือว่าเหนือกว่าอยู่แล้ว”พุดเรื่องจริงที่แม้แต่ลูกแก้วยังรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย เมื่อเทียบกับปัด

“ไม่ได้เลยพ่อกับแม่ฉันไม่สนับสนุน ถ้าพวกนั้นคาบเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป๊ากับม๊าฉันซวยเลย ป๊าบอกว่าเป็นนักแสดงมันเปลื้องตัว”
















ลูกแก้วถอนหายใจ ทำไมจะไม่รู้ว่า นี่คือความฝันของเด็กสาวทุกคนยกเว้นลูกแก้วยิ่งปัดด้วยแล้วเธอฝันถึงอาชีพนักแสดงตั้งแต่พบกันใหม่ๆ นี่ก็จะหกปีแล้วจบม.6ก็หกปีพอดี ส่วนความฝันของลูกแก้วคือรีบๆ เรียนให้จบทำงานดีดี หาเงินส่งน้องและเลี้ยงดูแม่ แม่จะได้ไม่ต้องลำบากทำงานหนัก

“ว่าง ให้ฉันไปด้วยใช่ไหม”

“อือ ต้องแบบนี้สิลูกแก้วเพื่อนรัก ฉันแอบห่วงๆ ว่า ตัวเองจะตื่นเต้นถ้ามีลูกแก้วไปด้วยหายตื่นเต้นเลยอย่างน้อยเธอก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่าฉัน”

ลูกแก้วกับปัด หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“นี่แก”

ปิ๋ม วิ่งถือโทรศัพท์เข้ามา ยื่นตรงหน้าเพื่อนทั้งสอง

“อะไรของแก”

“ลูกชายท่านสุลต่าน องค์รัชทายาทของครีบรูหนุ่มที่อายุน้อยที่สุด หล่อที่สุด”

ปิ๋มยื่นโทรศัพท์ตรงหน้า ลูกแก้วกับปัด

“ไม่สนยะ”

ปัดพูดขึ้น ลูกแก้วยื่นหน้าไปมอง

“หล่อตรงไหนไม่เห็นหน้า มีแต่ฮิญาบคุลมไว้”แม้จะมองเห็นดวงตาคม ที่ชวนฝันก้เดาได้ไม่ยากว่าคนใต้ผ้าคลุมนั้นจะมีบหน้าหล่อเหลาขนาดไหนแต่ก็พูดไปเสียอีกทาง

“สนหน่อยเถอะนี่ หล่อจังสเปคฉันเลยดูดิมีเคราด้วยสยิวจริงๆ ถ้าโกนหนวดกับเคราออกจะหล่อขนาดไหนหนอ”เลื่อนอีกรุปที่เห้นเพียงหนวเครายาวรุงรังกับดวงตาคมคู่เดิม

“คนพวกนี้นะหรือ เขาไม่มองคนแบบเราหรอกเขาต้องระดับดาราฮอลี่วู๊ดนั่นแหละ”ปัดพูดยิ้มๆ

“แต่นี่เขาหล่อจริงๆ นะ หน้าตาชวนฝัน เหมือนกับหลุดออกมาจากนิยายอาหรับเลย”

“หล่อเพราะคลุมฮิญาบหรอก ลองไม่มีฮิญาบสิ ก็แขกขายโรตีดีๆ นี่เอง”

ลูกแก้วพูดไปหัวเราะไป

“อย่างเรา ก็ไม่ต้องไปกระเสือกกระสนขนาดนั้น เมืองไทยก็มีคนหล่อออกเยอะไปอีกอย่าง ตายอีกกี่ชาติเขาก็คงไม่แลเราหรอก”

ปัดพูดขำๆ

“แม่สวยเลือกได้อย่างแก ไม่ต้องเลือกป๊ากับม๊าแกก็เลือกให้อยู่แล้วหล่อๆ รวยๆ สมฐานะบ้านแก แต่ฉันกับยัยลูกแก้วต้องฝันเอาแบบนี้”

ปิ๋มเหน็บปัดเบาๆ ปัดหยักไหล่ยิ้มๆ

“เชิญแกตามสบายฉันขอฝันแค่ในเมืองไทยพอ”ลูกแก้วพูดขำๆ

“ฉันต้องระดับพระเอกซุปตาร์ของไทย555 ”ปัดหยักไหล่

ปิ๋มเบ้ปากผลักปัดที่ด้านหลังเบาๆ

“ เชอะ ไปดีกว่าฉันไปค้นประวัติลูกชายท่านสุลต่านหนุ่มหล่อดีกว่า ได้ข่าวแว่วๆ ว่ายังไม่มีเมีย ฉันล่ะอยากจะบินไปประเทศครีบรูเลย"

ลูกแก้วยิ้มขำกับเรื่องเพ้อฝันเกินจริงของปิ๋ม

“555อย่างเราก็คงไปเป็นได้แค่ สาวใช้ หรือก็คงไปเป็นแม่บ้าน”

ปัดที่มักจะพูดตรงไปตรงมา พูดไปยิ้มไปพยักหน้ากับลูกแก้วขำๆ

ปิ๋มวิ่งหายไปแล้ว

“เป็นเอามากยัยปิ๋ม หวังสูง ไม่ใช่แค่ในประเทศนะออกนอกประเทศไปเลย555”

“ไปกันหรือยัง”

ลูกแก้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

"เดี๋ยวไม่ทันนะ”

ปัดดึงมือลูกแก้ว พาไปที่รถคันเล็กเสียบกุญแจแล้วขับออกไปทันที

ลูกแก้วนั่งรอปัดอยู่ด้านล่างของตึกสูง ที่เป็นสำนักงานของกองถ่ายหนังเรื่องอะไรสักเรื่อง ตรงม้านั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นเย็นสบายงัดเอาตำราเรียนขึ้นมาอ่าน หยิบแว่นสายตาหนามาสวม สายตาสั้นเพราะอ่านหนังสือมากไป และยังต้องอ่านในที่มืดเวลาอยู่ที่บ้านช่วยแม่ประหยัดไฟ ไม่อย่างนั้นลูกแก้วคงไม่ได้เรียน ที่โรงเรียนอันดับสองของจังหวัด

แว่นตาหนาปิดบังใบหน้าเสียเกือบครึ่ง กระนั้นก็มองว่าลูกแก้วสวยจนน่าจะเป็นดารามากกว่าปรียาพรเสียอีก

“น้องครับสนใจแคสบทในหนังเรื่อง…ไหม”ร่างสูงยืนก้มหน้าลงมาจ้องมองใบหน้าของลูกแก้วไม่วางตา

ลูกแก้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มเห็นเขี้ยว

“มะมะไม่ค่ะ พอดีมาส่งเพื่อนไม่สนใจค่ะ”

“ว้าเสียดายจริงหนังเรื่องนี้ทุนสร้างสูงมากตั้งใจส่งขายทั่วเอเชียเลยนะ ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ นิดหนึ่งไม่ได้หรือ ลองไปทดสอบบทให้พี่หน่อยได้ไหม”อ้อนวอนขอ

“อ๋อไม่ค่ะพอดีใกล้สอบแล้ว คงไม่มีเวลาทำอะไรแบบนี้”

“เสียดายจริงหน้าน้องงี้ ได้เลย”

รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเจ้าหมอนี่มันทันทีจ้องเอาจ้องเอาอยู่ได้

“ไม่เป็นไรค่ะไม่สนใจ”ใช้นิ้วชี้ดันแว่นให้เข้าที่

นามบัตรสีทองถูกวางลงบนหน้าหนังสือของลูกแก้ว

“พี่หวังว่าเราจะกลับไปคิดดูไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่หมายถึงค่าตอบแทนมากมาย”

ลูกแก้วพยักหน้าน้อยๆ สอดนามบัตรเข้าไปยังหน้าหนึ่งของหนังสือเรียน พี่คนนั้นไปแล้วลูกแก้วถอนหายใจ จะเป็นดารานะหรือจะต้องเป็นคนที่เข้าใจสังคมของคนพวกนี้ต้องเข้าใจโลกให้มาก แต่ลูกแก้วไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเอาชีวิตรอดหรือเฉิดฉายจากวงการนี้ได้ ถึงจะไม่เรียบร้อยทว่าลูกแก้วก็ไม่ชอบที่จะต้องสู้รบตบมือกับใครแบบสบายๆ ดีกว่า ก็ในเมื่อลูกแก้วแค่เด็กบ้านๆ คนหนึ่งหากเป็นปัดกับปิ๋มไม่แน่ อาจอยู่ได้อย่างสบายๆ ก้มหน้าอ่านหนังสือเรียนต่อไป

รถหรุจอดเทียบทางเท้าด้านหน้าร่างอรชรของดาราหญิง ที่สวยสุดในตอนนี้เป็นที่พูดถึงที่สุดในตอนนี้ก้าวขาขึ้นไปบนตึกผู้จัดการส่วนตัวรีบปิดประตูรถ เดินถือกระเป๋าราคาหลักล้าน ให้อย่างเอาใจ เะอคนนนั้นก้าขาขึ้นไปข้างบนด้วยท่าทางที่เหมือนกับเดินบนแคทวอล์ค

ลุกแก้วถอนหายใจ ถอดแว่นตาก้มมองใบหน้าของตัวเองในจอโทรศัพท์ สวยแต่ลุกแก้วรุ้ดีว่าตัวเองไม่มีทางไปถึงระดับนั้นได้

“555ไม่ ดังก็ยืนสวยๆ ได้ลุกแก้วซะอย่างจะเคลียดไปทำไม”

“นั่น”

ร่างสูงของชายสวมสูทสีดำสองสามคน เดินตรงเข้ามาถุงดำในมือสวมหมับเขาที่ใบหน้าและหัว ลูกแก้วดิ้นรน ตั้งใจจะส่งเสียงร้องแต่ไม่ถึงสามวินาทีสติก็ดับวูบลงไปทันที

ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ดีที่มีผ้าห่มไหมสีทองคุมอยู่ แขนทั้งสองข้างถูกมัดติดกับหัวเตียงหลับตานิ่งด้วยฤิทธิ์ของยาสลบ

ราฟัสฟารุส ทิ้งตัวลงบนที่นอนกว้าง ดึงผ้าห่มไหมออกจากร่างที่ทอดกายบนที่นอนกว้าง กลิ่นหอมจากเรือนร่างสาว มือสัมผัสโดนผิวเนื้อเนียนนุ่ม จนเขาเผลอกลืนน้ำลายใบหน้าที่คะแคงข้างขยับตัวขึ้นไปจูบที่แก้มเนียนเบาๆ

“เมื่อไหร่จะตื่นอยากเห็น แอกติ้งจริงว่าจะเหมือนตอนแสดงหนังหรือเปล่า”

เดินมายังตู้เสื้อผ้าลูกยาว เกือบยี่สิบเมตร คนรับใช้สวมสูทสีดำสวมฮิญาบสีแดงสลับขาว ตามแบบของชายชั้นสูงในอาหรับให้ ราฟัสฟารุสชี้นิ้วยังรองเท้าสีดำขลับ ยื่นเท้าไปด้านหน้าให้คนรับใช้สวมรองเท้าที่เท้าให้ ก้าวขาออกจากห้องกว้างไป

“กระหม่อม ไม่...ยังไม่อยากจะนอนกับเธอเลยหรือ”

ซายิดก้มหัวลง เอ่ยปากเหมือนเรื่องสามัญทั่วๆ ไป

“รอ เธอตื่นก่อนคืนนี้เราจะไม่ร่วมงานเลี้ยงจะรีบกลับมานี่ ตอนนี้ยังสลบอยู่ เห็นแบบนี้แล้วไม่มีอารมณ์ต้องดิ้นได้ ถึงจะสุดเหวี้ยง”

“ขอรับกระหม่อม”ซายิดกล่าวสั้นๆ

ลูกแก้วลืมตาตื่นมาบนที่นอนกว้างขนาดคิงไซต์ คงไม่ต่ำกว่าสิบฟุตนู่นละมั้งมือสองข้างถูกมัดไว้แน่นหนา ดีหน่อยที่ขาไม่ถูกโยงไปด้วย ยังพอดิ้นรนเตะถีบได้ตามใจ รู้สึกปวดหัวเหมือนกับคนที่นอนมามาก อากาศเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศหรือเพราะอากาศที่นี่ก็ไม่ทราบได้ในเมื่อมองไม่เห็นเครื่องปรับอากาศสักตัว

ที่ไหนกันทำไมถึงบรรยากาศแปลกๆ ฉันโป๊อยู่นี่ใครกันทำแบบนี้จับแก้ผ้าจนหมด

หันมองรอบตัวทุกอย่างประดับด้วยขอบทองและทองคำหน้าต่างกระจกสูงโค้งมน ขลิบด้วยขอบทองอร่ามตามองเห็นด้านนอกชัดเจน สีน้ำตาลจากเนินทรายทอดยาวสุดลูกหูลูกตา หันกลับมามองอีกฝั่ง กลับมีต้นไม้รกครึ้มจนมองไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน

ประตูบานใหญ่สูงเกือบสามเมตรนี่มันบ้านคนหรือวัง

ลูกแก้วคิดถึงนิยายมาเฟียที่เคยอ่านหรือว่า ไม่สิฝันต้องฝันไปแน่ฟังยัยปิ๋มเล่าเรื่องลูกชายสุลต่านมากไปเลยเก็บไปฝันต้องอยู่ในความฝันแน่เลย หันหน้าไปกัดฉับเข้าที่ไหล่ตัวเอง

“โอ๊ยยยยย เจ็บจริง”

จู่จู่ไฟในห้องก็ดับพรึ่บลงทันที

“กรี๊ดดดดดดด”

ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ ผ้าห่มไหมถูกดึงออกพ้นตัว เย็นยะเยือกไปทั่วตัว ร่างอุ่นของใครบางคนที่เปลือยเปล่าทาบทับแนบแน่น ลูกแก้วกรี๊ดร้องสุดเสียง

“ปล่อยนะ ปล่อยฉันนะ”

เช้าสดใสช่างหัวเสียงนกอะไรสักอย่างที่ร้องร่ำไรขอย้ำว่าร่ำไร นึกสนุกอะไรกันจึงมาร้องกรอกหูฉันไม่ได้โลกสวยอยากฟังเสียงธรรมชาติยามตื่นนอน ยิ่งในยามตื่นนอนที่มีร่างใหญ่ไม่สิ ไม่ได้ถูกมัดแล้ว ลุกขึ้นนั่งจ้องมองใบหน้าเหมือนโจรหล่อๆ คนหนึ่งหนวดเครารกครึ้มกับเสียงหายใจสม่ำเสมอ

“ไอ้บ้า แกแกแก”

ส่งเสียงดังลั่นแต่ห้องเก็บเสียง แล้วห้องมันกว้างหลายร้อยตารางเมตรแบบนี้ ไม่มีทางที่ใครจะได้ยินหรือหากได้ยินบางทีก็คงไม่มีใครสนใจในเมื่อองค์ชายชอบพาหญิงสาวมาหลับนอนเป็นประจำแล้วยังมีท่ายงท่ายาก

เสียงแบบนี้ชินชากันหมดแล้ว

“หยุดร้องได้แล้ว ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”

“แกแกทับฉัน เมื่อคืนแกทับฉัน”

“หยุดสามหาวได้แล้ว”ลูกแก้วดึงหมอนมากอด ใต้หมอนมีวัตถุสีดำมะเมื่อมวางอยู่ ราฟัสฟารุสกระโดดคว้า ปืนสั้นไว้ในมือ

“บอกมา เธอเป็นใคร”

“แกนั่นแหละเป็นใคร ไอ้โรคจิต” ขึ้นลำปืนชี้มาที่ใบหน้าของลูกแก้ว

“อย่าเล่นลิ้น เป็นใครบอกมา”

“นี่ฉันเป็นเหยื่อถูกจับตัวมา ยังมีหน้ามาถามว่าฉันมาได้อย่างไร ไม่ใช่พวกแกหรอกรึไปจับฉันมาจะทำมิดีมิร้าย”อ้าปากค้างนึกถึงรุปในโทรศัพทืที่ปิ๋ม เอามาให้ดูก่อนหน้านั้นดวงตานี้จำได้แม่นยำ ดวงตาคมคิวดกหนา

“แล้วได้ทำหรือยัง”

ลูกแก้ว หันหน้าหันหลังไม่รู้สึกว่มีอะไรบุบสลายเอาวะ ลองสู้ดูสักตั้งสู้ก็ตายไม่สู้ก็ตาย โถมตัวเข้าใส่คนถือปืนที่ ตวัดปืนขึ้นบนเพดาน เสียงปืนแผดก้องดังลั่นห้อง ลูกแก้วก็หมดท่าถูกกดลงไปนอนบนเตียงนอนนุ่ม

ประตูเปิดอ้าออกมา ซายิดถลาเข้ามายืนหลุบตาไม่กล้ามอง ลูกแก้วที่กึ่งเปลือยนอนแอ่งแม้งอยู่ใต้ร่างของราฟัสฟารุสที่คร่อมอยู่ด้านบนด้วยร่างกึ่งเปลือยเหมือนกัน

“กระหม่อม เกิดอะไรขึ้น”

“เปล่า เรากำลังจะบอกนางว่าปืนมันอันตราย ออกไปก่อนซายิด”

“ขอรับกระหม่อม”

“ชะชะช่วยด้วย”ตะโกนดังๆ หวังให้ซายิดช่่วย ซายิดหยุดกึกแต่

“ออกไปซายิด”

ซายิดก้าวขาออกไปไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือแม้แต่น้อยแล้วยังปิดประตูอย่างแน่นหนา

“ยอมแล้ว” ไม่ยอมได้อย่างไร คนฉลาดต้องเอาตัวรอด

ราฟัสฟารุส ก้มลงช้าๆ ลูกแก้วเบี่ยงตัวหลบ

“มาทำข้อตกลงกัน”


นิยายเรื่องอื่นของฉินที่เจ็ด