บทที่ 2 สมรสพระราชทาน
ยามซื่อ (9.00-10.59) ณ จวนแม่ทัพพิทักษ์แดนบูรพา ผู้คนในจวนต่างกำลังสับสนวุ่นวาย บ้างก็ตื่นเต้น บ้างก็วิตกกังวล บ้างก็อยากรู้อยากเห็น หลังจากที่ได้รับแจ้งข่าวจากวังหลวงว่าฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสให้แก่บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูล ขบวนทหารจากพระราชวังเดินเข้ามาถึงในห้องโถงใหญ่ พร้อมทั้งยืนแยกเป็นสองฝั่งเพื่อเปิดทางให้ขันทีผู้แทนพระองค์อัญเชิญพระราชโองการประกาศแด่คนตระกูลหวง
"คุณหนูสามสกุลหวงรับราชโองการ" หญิงสาวหน้าตางดงามค่อยๆก้าวเท้าออกมาด้านหน้า ทุกคนในจวนต่างคุกเข่าลงพร้อมเพรียงกัน
"คุณหนูสามสกุลหวง นาม หวงฮุ่ยเจิน บุตรสาวคนเล็กของท่านแม่ทัพพิทักษ์แดนบูรพา กิริยามารยาทเรียบร้อย รูปโฉมงดงาม สติปัญญาเฉลียวฉลาด ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์พระราชทานสมรสให้คุณหนูหวงฮุ่ยเจินกับองค์ชายสามเฉินจงกุ้ย ในตำแหน่งชายาเอก กำหนดจัดงานคืออีกหนึ่งเดือนนับจากนี้" เสียงขันทีประกาศดังไปทั่วทั้งจวน สมรสพระราชทานนี้เปรียบดั่งสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางจวนแม่ทัพ ทำให้คนในตระกูลหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
"หวงฮุ่ยเจิน น้อมรับราชโองการ ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี"
"ขอแสดงความยินดีด้วยท่านแม่ทัพหวง คุณหนูหวงช่างงดงามสมคำร่ำลือเหมาะสมกับองค์ชายสามยิ่งนัก"
"รบกวนกงกงแล้ว เชิญเข้ามานั่งพักดื่มชาในจวนข้าให้หายเหนื่อยเสียก่อนเถิด"
"มิกล้า มิกล้า ท่านแม่ทัพกล่าวหนักไปแล้ว นี่เป็นหน้าที่ที่ข้าต้องทำท่านอย่าได้เกรงใจไป วันนี้ข้าไม่สะดวกคงต้องขอตัวลาก่อน เพราะต้องรีบกลับไปรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบ"
หลังจากขบวนใหญ่จากวังหลวงจากไปแล้ว บรรยากาศภายในจวนกลับเต็มไปด้วยความอึดอัด ท่านแม่ทัพมีสีหน้าดำคล้ำ บ่าวไพร่ในจวนถูกสั่งให้แยกย้ายกันไปทำงานบริเวณห้องโถงจึงเหลือเพียงแค่คนในตระกูลหวง
"ท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้นางแต่งออกไปเลยขอรับ" หวงฮุ่ยเจี๋ย รองแม่ทัพพิทักษ์แดนบูรพาเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"นางเพิ่งจะเข้าพิธีปักปิ่นได้เพียงไม่กี่วัน เหตุใดจึงต้องมีรับสั่งให้ออกเรือนด้วยอายุเพียงเท่านี้" บุรุษผู้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับรองแม่ทัพกล่าว
"พวกเจ้าใจเย็นๆ ฝ่าบาทมีราชโองการออกมาแล้ว หากเราขัดพระประสงค์ จะทำให้ผู้อื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย"
"ฮูหยินกล่าวถูกต้องแล้ว ตอนที่ข้าเข้าวังพระองค์ก็มิได้ตรัสเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงเลือกพระราชทานสมรสให้แก่บุตรสาวตระกูลเรา" ท่านแม่ทัพรู้สึกคิดหนักเพราะเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวยิ่งนัก อีกทั้งช่วงเวลาที่ผ่านมาตนเองต้องคอยปกป้องแผ่นดินเพื่อไม่ให้ข้าศึกเข้ามารุกรานแคว้นจึงไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลบุตรสาวคนนี้เท่าใดนัก เมื่อมีโอกาสจึงอยากใช้เวลาที่มีอยู่ชดเชยให้แก่นาง นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันไรบุตรสาวของตนก็ต้องออกไปใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นเสียแล้ว
"ข้าจะพยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด หากข้าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่ ข้าก็ขอออกมาเยี่ยมเยียนพวกท่านได้นี่เจ้าคะ หากพวกท่านคิดถึงข้า พวกท่านก็ไปหาข้าได้ทุกเมื่อ ข้าไม่ได้จากไปไหนไกลนะเจ้าคะ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ"
หลังจากข่าวสมรสพระราชทานระหว่างองค์ชายสามกับหวงฮุ่ยเจินบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพแพร่สะพัดออกไป กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง สาเหตุเกิดจากคุณหนูหวงผู้มีรูปโฉมงดงามทำให้ผู้คนต่างร่ำลือจนเป็นที่โด่งดังไปทั่วแคว้น บรรดาเหล่าลูกหลานขุนนางใหญ่น้อยในเมืองต่างหมายปองในตัวนาง แต่ไม่มีผู้ใดขวัญกล้าส่งแม่สื่อเข้าไปสู่ขอ เพราะนอกจากความงดงามของนางจะเป็นที่เลื่องลือแล้วความหวงลูกสาวของท่านแม่ทัพก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน ทำให้เหล่าบรรดาชายหนุ่มได้แค่ชะเง้อมองแต่มิอาจเอื้อมคว้านางมาเชยชม ช่างน่าเสียดายนักเพราะผู้ที่คว้าโอกาสนี้ไปได้กลับเป็นองค์ชายสาม ใครๆต่างก็รู้กันดีว่าหากแต่งกับนางนั่นหมายถึงคนผู้นั้นจะมีอำนาจที่แข็งแกร่งของตระกูลแม่ทัพพิทักษ์แดนบูรพาคอยหนุนหลังอยู่ ทำให้ผู้คนต่างตั้งตารอดูพิธีสมรสอันยิ่งใหญ่นี้อย่างใจจดใจจ่อ
เรือนหลิ่งฟางภายในจวนที่ประทับขององค์ชายสาม บริเวณด้านนอกเรือนห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบาย แตกต่างจากบรรยากาศภายในเรือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวของเหล่านางกำนัล
เพล้ง!! เพล้ง!! เพล้ง!! เสียงข้าวของถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของชายารองติงชิงลี่ที่ดังขึ้นภายในตำหนัก
"กรี๊ดดดดดดด!!! ฮือๆๆๆ ทำไม ทำไมต้องเป็นเจ้าด้วยนังฮุ่ยเจิน"
"พวกเจ้าออกไปก่อน ส่วนเรื่องที่พบเห็นในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด เข้าใจมั้ย" มี่อิงบ่าวรับใช้คนสนิทที่ติดตามชายารองมาจากบ้านเดิม หันไปกำชับเหล่าข้ารับใช้ในตำหนัก
"ข้าน้อยรับทราบเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยขอตัวไปทำงานก่อนนะเจ้าคะ" เหล่านางกำนัลต่างรนรานรีบออกจากตำหนักทันที
"อือๆๆๆ ข้าไม่ต้องการให้นางแต่งเข้ามาอยู่ในวังนี้ ทำไมต้องเป็นนางด้วย ฮือๆๆๆๆ"
"ชายารองเพคะ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งไปแล้ว พระองค์ต้องทรงเข้มแข็งไว้นะเพคะ อีกอย่างองค์ชายก็ทรงโปรดปรานชายารองเป็นอย่างมากคงไม่ทีทางทอดทิ้งพระองค์แน่นอนเพคะ" นางพยายามกล่าวปลอบใจคุณหนูของตนไม่ให้เศร้าโศกเสียใจมากไปกว่าเดิมจนเสียงร่ำไห้แผ่วเบาลง
"ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้กี่วัน ในเมื่อเจ้าจำต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้ ข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย นังฮุ่ยเจิน!" ใบหน้างดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใดในแคว้นเต็มไปด้วยน้ำตา นัยน์ตาทอประกายแข็งกร้าวด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
"เจ้าจงนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบให้บิดาข้าที่จวนเจ้ากรมการคลัง รีบไปรีบกลับและอย่าให้ใครพบเห็นเจ้าเด็ดขาด"
"เพคะชายารอง" มี่อิงรับจดหมายแล้วรีบทำตามคำสั่งทันที
ยามเซิน (15.00-16.59) บรรยากาศในจวนชางจงเต็มไปด้วยความคึกคัก วุ่นวาย บรรดาข้ารับใช้ช่วยกันประดับประดาจวนนี้ให้งดงามเพื่อเตรียมต้อนรับว่าที่นายหญิงคนใหม่ เรือนพักของว่าที่ชายาเอกถูกปัดกวาดเช็ดถูเป็นอย่างดี ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนเป็นของสูงค่า งดงาม ทำให้เข้าใจได้ว่าองค์ชายสามช่างใส่ใจว่าที่ชายาเอกผู้นี้ยิ่งนัก
"จัดการตามที่ข้าสั่งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยมี่อิง"
"พระองค์มิต้องทรงเป็นกังวลเพคะ บ่าวทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว นายท่านสั่งให้บ่าวนำสิ่งนี้มามอบให้แก่ชายารองด้วยเพคะ"
"ดีมาก ขอบใจเจ้ามากนะมี่อิง เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่คนเดียว"
"องค์ชายสามเสด็จ!!!" เสียงแหลมเล็กของขันทีประกาศก้องอยู่หน้าเรือนหลิ่งฟาง บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าอ่อนโยนให้ความรู้สึกอบอุ่นเดินเข้ามาถึงภายในห้อง
"ถวายบังคมเพคะองค์ชายสาม" ชายารองค่อยๆยอบตัวลงทำความเคารพแก่สามีด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย งดงาม พระองค์รีบเข้ามาประคองนางไว้ในอ้อมแขน
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกชิงลี่ เจ้าคงได้ทราบข่าวที่เราจะแต่งฮุ่ยเจินเข้ามาแล้ว เรื่องต่างๆในจวนนี้เราคงต้องรบกวนให้เจ้าคอยช่วยชี้แนะนาง เพราะที่ผ่านมาเจ้าเองก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เป็นอย่างดี หากมีเจ้าคอยช่วยเหลือเราจึงวางใจ"
"องค์ชายมิต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะ หม่อมฉันจะช่วยดูแลว่าที่ชายาเอกเป็นอย่างดี เรื่องภายในจวนเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่ต้องคอยแบ่งเบาภาระองค์ชายเพคะ"
"ขอบใจเจ้ามากเลยนะ" ชายหนุ่มกอบกุมมือขาวผ่องขึ้นมา ลูบหลังมือนางเบาๆด้วยความเอ็นดู
"หามิได้เพคะ ที่หม่อมฉันทำทุกอย่างก็เพียงแค่อยากให้พระองค์รักและเมตตาหม่อมฉันบ้างเท่านั้น แค่หม่อมฉันคิดว่าพระองค์จะทรงมิใยดี หม่อมฉันก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวใจนักเพคะ" หญิงสาวตรงหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน น่าสงสาร นัยน์ตาคลอเอ่อด้วยน้ำตาหากแต่กลั้นไว้ ทำให้คนมองรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
"ถึงเราจะแต่งฮุ่ยเจินเข้ามาแต่เราก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งเจ้า ความรู้สึกที่ผ่านมาเราซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เจ้าไม่ต้องกังวลเราจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี" ชายหนุ่มปลอบโยนหญิงสาวด้วยความสงสารเป็นอย่างยิ่ง ร่างบางเอนกายซบลงบนอกแกร่ง ต่างพากันประคองเข้าไปยังห้องนอน เสียงตัดพ้อแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคร่ำครวญแว่วหวานจนเกือบรุ่งสาง
หลายวันต่อมาภายในห้องหนังสือของจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพา
"ข่าวที่คนของเราไปสืบมาได้ความว่าอย่างไรบ้างฮุ่ยถิง" บุรุษหนุ่มผู้มีรูปร่างองอาจ ครั่นคร้าม แผ่กลิ่นอายดุดันของผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
"เรียนท่านพ่อ สายข่าวของข้าแจ้งมาว่าโจวซูเฟยเป็นผู้ทูลขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทขอรับ" หวงฮุ่ยถิง บุตรชายคนรองแห่งจวนพยัคฆ์ แจ้งข่าวที่ได้รับมาแก่ผู้เป็นบิดา
"หืม...นี่นางถึงขนาดเก็บซ่อนความทะเยอทะยานไว้ไม่ได้เชียวหรือ สงสารก็แต่เจินเอ๋อร์ที่ต้องแต่งกับคนที่ไม่ได้มีใจให้ และยังต้องตกเป็นหมากทางการเมืองให้แก่ผู้ที่หลงใหลในอำนาจอีก แล้วภายในจวนชางจงเล่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่"
"หลังข่าวแพร่ออกไปทางเรือนหลิ่งฟางมีการติดต่อกลับไปยังตระกูลเดิมขอรับ" "สั่งให้คนของเราคอยจับตามองให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด" ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม เขาอุตส่าห์เก็บนางไว้อย่างมิดชิดไม่ให้ผู้ใดได้เข้าใกล้ แต่วันดีคืนดีกลับโดนคนกระชากเอาดวงใจของเขาไปจากอก แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวก็ทำให้เขาอยากบั่นคอคนเหล่านั้นเต็มทีแล้ว
© 2019 Hongsamut.com