บ่วงล่อบอดี้การ์ดจำเป็น (Beloved Bodyguard) 25+++
Romance Lover
บ่วงล่อบอดี้การ์ดจำเป็น (Beloved Bodyguard) 25+++
Romance Lover
ชรัญดา ป้องปราบ ครูสอนศิลปะป้องกันตัว ถูกสั่งให้รับงานพิเศษ เป็น... ‘บอดี้การ์ดจำเป็น’ ให้กับ ‘ปรมาจารย์ปลาไหล’ ทายาทผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าอันดับต้นของประเทศ โภคิน สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล ได้โอกาสสานต่อความตั้งใจเดิม เขายอมขุดทุก ลีลา ล่อลวง ให้ ‘บอดี้การ์ดจำเป็น’ ติดบ่วง ‘รัก’ ...โดยมีสองเฒ่าเจ้าเล่ห์เป็นกองหนุน...
  • 31 ตอน
  • 4,903
นิยายโดย
  • 5 คนติดตาม
บทนำ

1

โภคิน สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล ‘พีเค’

หนุ่มลูกครึ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่ง หนวดเคราครึ้ม
เข้ม หล่อคม อายุอานามเหมาะแก่การมีครอบครัว นั่งเซ็นเอกสารกองโต
บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องทำงานที่จัดไว้ดูเรียบหรูสมฐานะของ
รองประธานกรรมการ บริษัท พีเค เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้ผลิตหม้อแปลงและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศโภคิน สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล หรือ คนสนิทเท่านั้นเรียก ‘พีเค’

“ท่านรองคะไม่ออกไปฉลองหน่อยเหรอคะ ที่บริษัทเราประมูลงานใหญ่ได้” จีจี้เลขาสาวหุ่นสะบึ้ม อวบอึ๋ม หากแต่รองประธานหนุ่มหล่อมาดเข้มก็ไม่เคยนึกครึ้มอกครึ้มใจคิดนอกลู่นอกทางกับเธอสักที คิดแล้วก็น่าควานหายาปลุกอารมณ์ทางเพศมาจัดการท่านรองให้หมอบราบคาบแก้วนัก ถ้าเธอไม่เสียดายงานเด่น เงินดี แบบนี้แล้วละก็ คงไม่รอช้าเป็นแน่...

“ไว้ฉลองทีเดียว ตอนเซ็นสัญญาดีกว่า” โภคินตอบ เงยหน้ามอง
วงหน้ากลมมน เปลือกตากลมโตขนตาหนาเป็นแพ กรีดด้วยอายไลเนอร์
สีดำคมกริบเน้นขอบตาให้คมเข้มดูเฉี่ยวสวย กลีบปากหนาแต่งแต้มลิปสติกสีสด

‘เลขาคนสวยของท่านรอง’ คุณเธอยืนกรานเช่นนั้น แต่เขาก็ยอมรับนะว่าจีจี้มีทรวงทรงองค์เอวที่ไม่แพ้สาวใดเลย หน้าตาก็จัดว่าใช้ได้ แต่การแต่งตัวของคุณเลขาน่าล่อลวงเข้าโรงแรมมากไป

“หกโมงกว่าแล้วท่านรองไม่กลับอีกเหรอคะ”

“แล้วคุณล่ะมืดค่ำแบบนี้เดินทางลำบาก อันตรายด้วย กลับก่อนได้เลยนะ อีกเดี๋ยว ผมก็กลับแล้ว... อ้อ! คราวหน้าหาชุดที่ดู หลวมกว่านี้มาใส่หน่อยนะ ผมเห็นแล้ว...” เขาทำสีหน้าอึดอัดประกอบคำพูด

“ท่านรองกลัวอดใจไม่ได้เหรอคะแหม! หวงก็ไม่บ๊อกกก...” จีจี้เลขาสาวส่งสายตาหวานเยิ้มบิดมือไปมายืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของรองประธานรูปหล่อคนที่เธอรอว่าเมื่อไหร่จะหันมาคว้าเธอไปเป็นคู่ควงบ้าง

จริงๆ แล้ว ‘จีจี้’ ก็แค่ชอบผู้ชายหน้าตาดีตามประสาผู้หญิงที่เห็นคนหล่อไม่ได้ มิวายอยากมอบ...หัวใจ ให้ชายหนุ่มครอบครองก็เท่านั้น แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็เอา

เขาถอนหายใจนึกขำลูกน้องคนสวย “เปล่า! ผมอึดอัดแทน กลัว... หายใจไม่ออก” อธิบายพลางชี้ ‘เป้า’ ที่เขาหมายถึง

“รองอะ!”จีจี้ก้มมอง ‘เป้า’ ที่เขาชี้หน้าร้อยฉ่า ถึงกับหยุดบิด ส่งค้อนขวับๆ ให้แทน

เจ้านายกับลูกน้องกล้าล้อเล่นกันแรงแบบนี้ก็เพราะทำงานด้วยกันมานาน ตั้งแต่รองประธานหนุ่มเริ่มเข้าฝึกงาน เป็นเซลล์ กระทั่งมานั่งแท่นผู้บริหารเต็มตัวเมื่อห้าปีก่อน และมีจีจี้ที่เคยเป็นผู้ช่วยเลขาของท่านประธานแยกมารับงานเป็นเลขาส่วนตัวให้รองประธานเต็มตัว และด้วยอายุที่ใกล้กันต้นปีปลายปีเกิดปีเดียวกันเลยส่งผลให้ทั้งสองสนิทกันโดยปริยาย

โภคินเปล่งเสียงหัวเราะร่าก่อนโบกมือพลางไล่เลขาสาวกลับก่อน “กลับได้แล้วไป!”

“งั้นจีจี้ลาล่ะนะคะ เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะท่านรอง” จีจี้ก็ไม่ทู่ซี้อยู่ต่อบอกลาเขาแล้วเดินลับหายออกจากห้องไป

ร่างสูงล่ำยังนั่งเซ็นเอกสารอีกพักใหญ่จนเสร็จ จึงปิดแฟ้มสุดท้ายดัง ‘ปึง!’ เอี้ยวตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบ เนื่องจากนั่งอ่าน และอนุมัติงานกว่าครึ่งวัน โดยไม่ได้กระดิกไปไหน แถมดื่มกาแฟไปเพียงแก้วเดียว ตั้งแต่ช่วงบ่าย แล้วตอนนี้พยาธิในอุทรเขาก็เรียกร้องหาอาหารแล้วด้วยสิ เย็นนี้เขาจะไปติ๊ดชึ่งที่ไหนดี

ร่างสูงเอนกายกับเก้าอี้ตัวใหญ่ มือแกร่งข้างขวาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะส่วนอีกข้างเกาคางเขียวครึ้ม หรี่ตา ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดถึงสถานที่
ที่มีทั้งอาหารปาก อาหารตา และสาวๆ ที่สามารถทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงกับเขาได้ ยันเช้า

“หึหึ... ร้านพักผ่อนหย่อนใจ”

พอนึกออกเขาก็ลุกจากเก้าอี้ทำงานคว้าเสื้อสูทสีเข้มเข้าคู่กับกางเกงสแล็คสีเดียวกัน มุ่งหน้าสู่ ‘ร้านพักผ่อนหย่อนใจ’ ซึ่งมี ‘เดชาเดช
เดชเดชา’ เพื่อนสนิทของเขาเป็นเจ้าของและเป็นเชฟมือเอก

ทีแรกที่บ้านของ ‘เดชาเดช’ ก็คัดค้านหัวชนฝาเรื่องเปิด
‘ร้านพักผ่อนหย่อนใจ’ แทบจะตัดออกจากตระกูลเลยด้วยซ้ำ ก็บ้านมันเป็นเจ้าของร้านทองย่านเยาวราชมีสาขาเป็นสิบ แทนที่ลูกชายเพียงคนเดียว (แต่ลูกสาวสามคน) จะมารับช่วงสืบทอดกิจการต่อกลับคิดปลีกตัวไปเปิดร้านอาหาร เจ้าตัวเลยใช้เงินส่วนตัวลงทุนเปิดร้านอาหารก่อนอันดับแรก จากนั้นจึงขยายเปิด ‘Restaurant & Pub’ ด้วย ภายในปีเดียว และเห็นว่ากำลังจะเปิดโซนคาราโอเกะเร็วๆ นี้อีกด้วย

ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าตัวยังสามารถปลีกเวลาอันน้อยนิดไปช่วยบริหารงานกิจการของที่บ้านพร้อมกับมาเป็นเชฟให้ที่ร้านด้วยในวันที่ลูกค้ามากเป็นพิเศษ นั่นก็คือศุกร์และเสาร์ทางบ้านเลยปล่อย หันไปให้ความสนใจลูกสาวทั้งสามแทน โดยการจัดนัดบอร์ดหาคู่ให้ลูกสาว...


ร่างสูงสง่าสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนขึ้นลวกๆ โชว์กล้ามแขนเป็นมัด ปลดกระดุมลงมาสองเม็ดเผยกล้ามเนื้อหน้าอกแน่นตึงเปรี๊ยะ
น่าลูบไล้ ชายเสื้อยังสงบเรียบร้อยอยู่ในกางเกงสแล็คสีเข้ม หุ่นสมาร์ทมาดเท่ห์น่าฟัดสุดๆ

หน้าตาไม่ต้องพูดถึง หล่อติดอันดับท็อปเท็นนิตยสารชื่อดัง คิ้วดกหนา นัยย์ตาสีน้ำตาลเข้มคมดุจเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากบางแดงระเรื่อน่าเคล้นคลึง ปลายคางเขียวครึ้มบึกบึน ผิวที่เคยขาวมาแต่เกิดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมทอง เนื่องจากเจ้าตัวชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง จุดเด่นที่สุดของเขาคือ เขี้ยวเสน่ห์ยามแย้มยิ้ม ผมตัดรองทรงสั้นเข้ารูป

...ก็แน่ละ โภคิน สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน จะไม่ให้หล่อเข้มน่าขย้ำได้อย่างไร...

เขาเลือกนั่งมุมที่สายตาสามารถกวาดมองหาอาหารตาได้สามร้อยหกสิบองศา นั่นคือ โซฟาวีไอพีชั้นลอยติดราวระเบียง ซึ่งเขามองเห็นฟลอร์เต้นรำที่ตอนนี้ยังมีนักเต้นรำหรอมแหรม มีเพียงไม่กี่คู่ที่ควงกันออกไปตระกองกอดในเพลงสโลว์ซบ

เมนูอาหารถูกยื่นวางตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนบริกรจะเตรียมปากกาพร้อมจดรายการอาหารจากลูกค้า แล้วรายการแรกที่ลูกค้าหนุ่มสั่ง ก็คือ...

“ผมขอ น้ำเปล่า โซดา แล้วก็มะนาวฝานเป็นแว่นให้ด้วยนะ”

“เอ่อ…รับวิสกี้ หรือบรั่นดีเพิ่มมั้ยครับ” บริกรหนุ่มยังคงสอบถามถึงเครื่องดื่มหลัก

“ไม่ละ ผมไม่ดื่ม แล้วก็จัดกับแกล้มที่ขึ้นชื่อของร้านให้ด้วย”

“ได้ครับ...รอซักครู่นะครับ”

บริกรหนุ่มตอบพลางค้อมคำนับเล็กน้อย ก่อนปลีกตัวจากโต๊ะของลูกค้าหนุ่มรูปหล่อไปเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าตามสั่งพร้อมกับบ่นให้เพื่อนร่วมงานฟัง

“แปลกว่ะ! สั่งมิ๊กเซอร์แต่ไม่สั่งเหล้า”

“อะไรของแกวะ”

ก่อนตอบยังมีกะใจชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปด้านบนให้เพื่อนดูโต๊ะของลูกค้าหนุ่มหล่อที่ตนพูดถึงให้เพื่อนดู “เอ็งเห็นลูกค้าคนหล่อๆ ข้างบนเปล่าวะ”

“ไหน”

“นั่นน่ะ”

“ไหนวะ”

“นั่นไง๊...”

โป๊ก!!!

เสียง ‘โอ๊ย!!!’ สองเสียงมาพร้อมกับแรงกระแทกของศีรษะบริกรหนุ่มทั้งสอง พวกเขาเกือบหลุดคำด่าแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงอันทรงพลังอำนาจของเถ้าแก่เนี๊ยะ ภรรยาที่เคารพของคุณเดชาเดช เจ้าของร้านตวาดให้

“นายสองคนจะ ไหน นั่นน่ะ ไหน นั่นน่ะ กันอีกนานมั้ย ฉันจะได้ให้ออกไปยืนชี้ข้างนอก...”

“ไปได้เหรอครับ” บริกรต้นเรื่องยังมีกะใจเหลียวไปถามเถ้าแก่เนี๊ยะแล้วพวกเขาก็ได้คำตอบเป็นที่น่า ‘สยองจิต’

“พร้อมซองขาว ไปสิ! เชิญ!” เถ้าแก่เนี้ยะตอบเสียงสูงพลางผายมือเชื้อเชิญเป็นการประชด บริกรสองหนุ่มจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ก้มหน้างุดหลบไปทำงานตามหน้าที่

“ไอ้พวกนี้ใจดีหน่อยล่ะได้ใจ!”


ทางด้านโภคินที่นั่งรอเครื่องดื่มใช้สายตาคมสอดส่ายมองอาหารตาอย่างเพลิดเพลิน มองสาวสวยโต๊ะโน้น โต๊ะนี้ ก็ทำให้เพลินตาไปอีกแบบ แล้วเขาก็ต้องละสายตาจากอาหารตามาให้ความสนใจโทรศัพท์
ทรงประสิทธิภาพที่ส่องแสงสว่างวาบขึ้นโชว์ให้เขารู้ว่ามีคนโทรเข้ามา

“เออ...ว่าไงไอ้เดช”

“แกมาถึงแล้วเหรอ”

“อืม...ซักพักแล้วล่ะ..” เขาตอบคำถามเพื่อนหนุ่มเจ้าของร้านอีกสองสามประโยคก็วางสาย เครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็ทยอยวางบนโต๊ะ เขาสั่งบริกรให้ผสมตามที่เขาต้องการ

บริกรคนเดิมทั้งที่ยังงงแต่มือก็ยังทำตาม ปากอยากจะถามใจแทบขาด แต่ก็ไม่กล้า กลัวถูกลูกค้าหาว่า ส-ใส่-เกือก เลยเก็บคำถามไว้ภายในใจกลับไปเม้าท์กับเพื่อนดีกว่า

เดชาเดช ออกจากห้องทำงานสลัดคราบเชฟมือหนึ่ง ตรงดิ่งมาหาเพื่อนที่นานๆ ถี่ได้พบกันจนเบื่อหน้า แต่ก็ยังดีกว่านานๆ ที อย่างผู้กองพุฒิธร รายนั้นกว่าจะได้เจอหน้า เขาเคยคิดเล่นๆ ว่าต้องจุดธูปเรียกรึเปล่ามันถึงจะโผล่มา

“ไงไอ้เสือ...วันนี้ฉายเดี่ยวได้นะ” เดชาเดชทักเพื่อนหลังหย่อนก้น
ลงนั่งโซฟาตรงข้าม ก็ทุกทีมันจะควงดารา นางแบบมาแทบไม่เคยซ้ำ แต่คราวนี้มาแปลกมันมาคนเดียว

“กะว่าจะมาเกี่ยวแถวร้านแกนี่แหละว่ะ” โภคินตอบฉีกยิ้มกว้างอวดเขี้ยวเสน่ห์ ยักคิ้วให้เพื่อนพลางยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มแก้กระหาย

เดชาเดชเห็นท่ายกซดของเพื่อนถึงกับอดแซวไม่ได้ “เอาๆ เดี๋ยวก็เมาน้ำเปล่า โซดาหรอก” แต่ไม่กล้าว่าเพื่อน ‘อ่อน’ ก็เขาเคยถูกคนตรงหน้าปล่อยหมัดซัดเปรี้ยงเข้าตรงกึ่งปากกึ่งจมูกพอจบคำว่า ‘อ่อน’ ไม่ถึงเสี้ยววินาที แล้วมันก็ถามเขาประโยคเดียว ‘จะว่ากูอ่อนอีกมะ...’ แล้วใครจะกล้า

“ก็อยากดื่มอย่างพวกแกอยู่หรอก แต่ทำไงได้ละวะ...” โภคินตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาชินเสียแล้ว แรกๆ ที่รู้ว่าตัวเองแพ้แอลกอฮอล์ก็หงุดหงิดงุ่นง่านนานพอดู แถมโดนเพื่อนล้อจนต้องพะบู๊กับพวกมันก็หลายคน ที่สำคัญเคยลองมาครั้งหนึ่งถูกหามส่งโรงพยาบาลแทบไม่ทัน

“น่าเห็นใจแท้! เพื่อนตรู...แล้วแกเจอเด็ดๆ บ้างรึยังล่ะ” เดชาเดชเปลี่ยนเรื่องถามเข้าจุดประสงค์ที่เพื่อนตั้งใจมาที่นี่แทน

โภคินเหล่มองทางเบื้องล่างแยกยิ้มจนเผยเขี้ยวเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวพลางตอบ “ก็เล็งๆ ไปเรื่อย! ยังหาเป้าหมายไม่เจอ”

“เออเล็งดีๆ ละกัน ระวังจะเจอตอซะล่ะ”

“มือชั้นนี้...” โภคินบอกหลิ่วตาให้เพื่อน กระดกแก้วเครื่องดื่มซดอีกที แล้วนึกได้ว่าเขาไม่ได้เจอเพื่อนอีกคนนานมาก “เออ...แกได้ข่าวไอ้สองบ้างมั้ยวะ หายเงียบไปเกือบปีเลยคราวนี้”

“ไม่เลยว่ะ ข้าก็อดห่วงมันไม่ได้เหมือนกัน คราวนี้มันหายไปนานเลย...”

“นั่นนะสิ กลัวมันหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยว่ะ” โภคินพึมพำตอบ อดห่วงเพื่อนเก่าสมัยมัธยมต้นไม่ได้ แต่ยังคบหาเป็นเพื่อนสนิทกันจนถึงตอนนี้ มันเลือกสอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมฯ และเลือกเหล่านักเรียนนายร้อยตำรวจ เดินตามรอยพ่อเด๊ะ!

“ทำไงได้วะ เบอร์ติดต่อที่ให้ไว้ช่วงนี้มันก็ปิดเครื่องไปเลย” เดชาเดชตอบแล้วยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่มพลางบอก “เดี๋ยวข้ามา ขอไปดูลูกน้องหน่อย”

“ลูกน้องหรือเมีย ตั้งแต่แต่งงานห่างกันไม่ได้เลยนะ” โภคินพยักพเยิดรับ กระดกเครื่องดื่มในมือพลางแซวเพื่อนที่สละโสดก่อนใคร
ด้วยหัวใจรักมั่นภรรยาสุดที่เลิฟตั้งแต่เข้าปีหนึ่งกระทั่งเพิ่งจะแต่งงานกัน
เมื่อต้นปี ก็กินเวลาสิบปีพอดี ไม่รู้เขาจะอิจฉารึว่าสงสารดี ทว่าคู่นี้ก็น่ารัก


ร่างสูงนั่งอยู่อีกพักก็ลุกไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านล่าง บริเวณห้องน้ำจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ห้องน้ำชายต้องเดินเข้าไปถึงด้านใน โภคินใช้เวลาไม่นานก็ออกจากห้องน้ำ ช่วงจังหวะที่เขาต้องเดินผ่านหน้าห้องน้ำหญิง
ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเซถลาเข้าหาอ้อมแขนแกร่งของเขา จะด้วยความไม่ตั้งใจหรือใช่เจตนาของเจ้าหล่อนเขาก็พอจะเดาออกว่าเป็นอย่างหลัง
ก็แม่เจ้าประคุณเล่นเบียดอกอวบเข้าหาเขาซะ แถมยังอ้อยอิ่งค่อยๆ ผละกายอุ่นออกจากเขา จึงได้รู้ว่าเขาได้พบ ‘คนกันเอง’

“มาเที่ยวก็ไม่คิดจะชวนกันเลยนะคะ คุณโภคิน” บริตตานางแบบสาวแถวหน้าในวงการชะม้ายชายตาขึ้นตัดพ้อชายหนุ่มคู่ควงคนล่าสุดที่เธอหมายปอง แถมพอเป็นข่าวกับพ่อเจ้าประคุณแล้วงานของเธอก็ไหลมาเทมา แต่จับปลาไหลต้องใช้กลวิธีอันแยบคาย

สำหรับโภคินทำไมถึงได้ ‘โชคดีอะไรแบบนี้นะคิดถึงคู่ซ้อม คู่ซ้อมก็มา’

ใช่! เขาและนางแบบสาวมีข้อตกลงกันว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ความสัมพันธ์จะเป็นแบบรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ส่วนฝ่ายหญิงจะคิดไกลถึงไหนก็เป็นได้แค่ ‘คู่ซ้อม’

“พอดีผมนัดเพื่อนไว้นะครับ แล้วคุณล่ะมากับใครเหรอ” เขาอ้างบอกความจริงบางส่วน

ร่างสูงระหงของนางแบบสาวขยับแนบชิดกายแกร่งของเขาเข้ามาอีกเมื่อมีผู้คนเดินผ่านเข้าออกห้องน้ำ แถมยังชำเลืองมองเขากับเธอ คงลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีเลิฟซีนสดๆ ให้ดูล่ะสิท่า

“เพื่อนๆ นะค่ะ แล้ว...ตอนนี้คุณโภคินว่างรึยังละคะ” เล็บยาวตกแต่งด้วยลวดลายสวยงามกรีดกรายแผงอกกว้างทำเอาร่างสูงเกร็งกล้ามเนื้อรับด้วยความวาบหวามรัญจวน กระซิบข้างหูเจ้าของเล็บเสียงพร่า แข่งกับเสียงดนตรี

“ว่างสิครับ ที่นี่เสียงดัง ผมว่าเราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า…”

“แต่เบอร์รี่มากับเพื่อน...” นางแบบสาวยังคงอิดออดหวังเล่นตัว
ที่จริงแล้วเธอเลือกมาเที่ยวที่นี่เพราะหวังจะได้เจอเขานี่แหละ แต่...

“ว้า! น่าเสียดายจัง งั้นไม่เป็นไร วันนี้คุณสนุกกับเพื่อนก่อนก็ได้” เขาตัดบทแกล้งตีสีหน้าเสียดายนักหนา เพราะมั่นใจว่านางแบบสาวต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน พลางผละร่างออกห่างเล็กน้อย จับมือเรียวให้หยุดการกระทำอันวาบหวิวนั้นเสีย

“แหม! แค่นี้ก็ต้องน้อยใจ”

เขาไม่สนใจคำตัดพ้อบอกกับนางแบบสาวว่า “เดี๋ยวผมไปเช็คบิลก่อน แล้วเจอกันข้างนอกนะครับ จำรถผมได้นะ!”

“แต่...” มือเรียวของบริตตาหวังรั้งร่างของโภคินไว้เผื่อจะได้มีข่าวกับเขาอีกสักนิด เขากลับผละห่างเดินหนีไปเสียแล้ว ยังมิวายหันมาสำทับเรื่องเวลาว่าจะรอเพียงสิบนาทีเท่านั้น

บริตตาเข้าใจดีว่าเธอกับเขามีข้อตกลงระหว่างกัน แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ที่เธออยากจะแหกกฎนั้น ก็เขาทั้ง หล่อล่ำ น่าหม่ำไปทั้งตัว ที่สำคัญลีลาเด็ด และถ้าวันใดเขาหลงเสน่ห์จนยอมคบหาจริงจัง เสี่ย... อาจจะยอมหลีกทางให้เธอก็เป็นได้ เพราะฟังจากหลายๆ กระแส เธอคิดว่าโภคินน่าจะเส้นใหญ่กว่าเสี่ยมากโข เธอหวังว่าทุกอย่างจะไปได้สวย


โภคินกลับไปที่โต๊ะเรียกบริกรมาเช็คบิล แล้วส่งข้อความบอกเดชาเดชแทนการโทรศัพท์ เพราะขี้เกียจตอบคำถามของเพื่อน ก็มันต้องถามแน่ว่าเขาเกี่ยวใครไป อีกอย่างกว่ามันจะโทรกลับมาถามก็คงข้ามวันไปแล้ว

ร่างสูงเดินออกจากร้านยืนรอนางแบบสาว ‘คู่ซ้อม’ แถวลานจอดรถไม่นานหญิงสาวร่างระหงก็เดินนวยนาดในชุดราตรีสีแดงเพลิงแนบเนื้อ
ตรงแน่วเข้ามาหาเขา

ช่วงนี้นักท่องราตรีแถวลานจอดรถยังบางตา แถมรถสปอร์ตคันหรูของเขาก็ถูกบดบังด้วยโฟร์วิลล์สี่ประตูทั้งสองด้าน อะไรจะเป็นใจเช่นนี้

ร่างระหงของนางแบบสาวโถมเข้าหาร่างสูงของชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าสถานที่ช่างลับตายิ่งนัก สองร่างกอดเกี่ยวกันตรงข้างประตูรถสปอร์ต แลกลิ้นพันตู ผลัดกันดูด ผลัดกันดึงอยู่นาน มือหนามิวายบีบคลึงสะโพกของนางแบบสาวก่อเชื้อเพลิงสวาทให้ลุกโชน ก่อนมือเขาจะควานเปะปะหาที่เปิดประตูได้ แล้วกระชากมันเปิดออกผลักร่างของนางแบบสาวให้เข้าไปนั่ง โดยที่เจ้าตัวยังสั่นเทิ้ม เคลิ้มฝันกับลีลาร้อนแรงของเขาส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้

“ใจเย็นไว้คนสวย” เขาบอกเสียงทุ้มพร่า พลางผละห่างอ้อมไปประจำคนขับ เคลื่อนรถสปอร์ตคันหรูออกจาก ‘ร้านพักผ่อนหย่อนใจ’ ไปหาสถานที่ “พักผ่อนหย่อนทุ่น” ดีกว่า...

ประตูห้องพัก ณ โรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงติดแม่น้ำเจ้าพระยา ‘เปิดผลั้ว’ ตามมาด้วย ‘ปิดคลิก’ แล้วบทเพลงรักบรรเลงลีลาพิศวาสจังหวะร็อคแอนด์โรลของโภคินและบริตตาหรือเบอร์รี่นางแบบสาวก็เริ่มนัวเนียกันตั้งแต่หน้าประตูเกี่ยวพันกันจนถึงโซฟาตัวยาว

ร่างระหงของนางแบบสาวทิ้งกายลงนั่งกับโซฟาตัวยาว เงยหน้าแอ่นอก แลกลิ้นกับชายหนุ่มเต็มที่ ซึ่งเขาไม่เสียเวลารอคร่อมร่างระหงพิงเข่าข้างหนึ่งเอนกายซบคนใต้ร่างปากก็พร่ำพรมจูบแบบนอนสต็อบ

มือแกร่งฉุดรั้งชุดสวยสีแดงเพลิงของนางแบบสาวลงมากองอยู่ใต้ฐานอกอวบ

“อุ๊ย! อ๊ะ! เบาๆ สิคะเบอร์รี่ไม่หนี อืม...ไม่ไปไหนหรอก อู๊ว!”

นางแบบสาวครวญครางระรี้ระริกตื่นเต้นไปกับลีลานักรักระดับชำนาญการพิเศษ ที่แต่ละครั้งเขามักทำให้เธอถึงจุดไคลแม็กซ์แห่งอารมณ์ดำกฤษณาแบบติดๆ เสมอ

“ผมหิวน่ะ เบอร์รี่ ลีลาเด็ด ถูกใจ ผมที่สุดเลย โว้ว!” เขาบอกแล้วก็ต้องครางซี๊ดเมื่อมือเรียวสวย ไต่ลงต่ำ คลำทางจนพบกับ ‘พญามังกร’
ที่แข็งขึงรอวันปลดปล่อย แล้วเธอก็ไม่รอช้าแปลงร่างเป็นนางเสือปลุกปล้ำขย้ำเจ้ามังกร ลูบๆ คลำๆ ก่อนกลืนกิน จนเขาครางโหยเสียงทุ้มต่ำแล้วมีรึที่เขาจะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว

เรียวปากสีชมพูของชายหนุ่มงับยอดบัวเม็ดสีทับทิมปาดไล้ ดูดดึงทั้งสองข้างอย่างไม่ยอมให้ข้างใดข้างหนึ่งน้อยหน้า เรียกเสียงครางครวญของหญิงสาว เรียกอารมณ์พลุ่งพล่านอยากกระแทกกระทั้นทุ่นเข้าหาคนใต้ร่างให้หมอบราบคาบแก้ว

“อ๊ะ! เบอร์รี่รักคุณจัง อ๊าาส์...!!!”

ทั้งสองปล่อย ‘กามลีลา’ ฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ตั้งแต่โซฟาตัวยาวลากไล้กันมาถึงเตียงกว้าง แล้วยังเล่นท่า หามุมแทยง หมุนซ้าย ทะลวงขวา ควบขี่ อยู่อย่างนั้นต่ออีกหลายยก จวบจนเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ ผลคือ ทั้งสองฝ่ายเสมอกัน ไม่มีใครแพ้ใครชนะ แค่ฟ้าเหลืองนิดหน่อย ทั่วห้องกรุ่นกลิ่นคาวสวาท เกลื่อนไปด้วยเสื้อผ้าที่ถูกปลดขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดี

เมื่อจบเกมกามชายหนุ่มก็ลุกจากเตียงนอนหนานุ่มบนดรงแรมหรู ตามหาเสื้อผ้ายับยู่ยี่มาสวมจนเรียบร้อย ล้วงธนบัตรจากกระเป๋าสตางค์ออกมาปึกหนาวางไว้ตรงหัวเตียง ร่างระหงของนางแบบสาวขยับกายเล็กน้อย พลางลืมตาพริ้มส่งสายตาปรอยออดอ้อนอ่อนหวาน เมื่อเห็นเข็มสั้นชี้เลขสาม...

“นี่เพิ่งตีสามกว่าเองนะคะ ยังไม่เช้าเลย คุณจะกลับเลยเหรอ”

“ผมไม่ชอบนอนค้างที่อื่น มันนอนไม่หลับน่ะ” เขาให้เหตุผลทั้งที่จริงแล้ว...

ไม่ว่าเขาจะเสพสมที่ไหนกับใคร ไกลแค่ไหนเขาก็ไม่เคยค้างคืนกับพวกหล่อนเลยสักครั้ง แล้วทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งเขาก็ไม่เคยบังคับใจใคร ต่างพอใจในข้อตกลงด้วยกันทั้งนั้น และเคสของหญิงสาวเองก็เช่นกัน เขารู้ว่านางแบบสาวคลั่งไคล้เขา และอาจวางแผนเข้ามาตีสนิทกับเขาเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง เขาจึงต้องเซฟตัวเองอย่างหนัก

“ผมกลับก่อนละกัน ไว้เจอกัน อ้อ... รถคุณผมให้คนขับมาให้แล้วนะ กุญแจฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ บาย...”

เขาบอกลาง่ายๆ แบบเพื่อนลาเพื่อนไม่เหมือนคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ซึ่งเขาก็ปฏิบัติเหมือนกันทุกราย ก็เขามันพวก ‘ปรมาจารย์ปลาไหล’ ให้ความสำคัญไว้แค่คำว่า ‘คู่ซ้อม’ หาก ‘สมยอม’ ก็ ‘สมใจ’ ทั้งสองฝ่าย

นางแบบสาวได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนมองร่างสูงเดินลับออกจากห้องชุดสุดหรูจนพ้นสายตา แววตาเธอส่อแววเจ็บปวดลึกๆ อยากครอบครองชายหนุ่มเป็นกำลัง


ร่างสูงของโภคินเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมหรูในเวลาตีสามกว่า เขาเดินผิวปาก อารมณ์ดีมาขึ้นรถ มือกดรีโมทพลางเปิดประตูรถค้าง อะไรบางอย่างทำให้ความรู้สึกเขาสะดุดหันขวับไปทางถนนหน้าโรงแรมมีมอเตอร์ไซด์คันโตแบบสี่สูบสตาร์ทเครื่องจอดนิ่ง ไม่ไกลจากที่รถของเขาจอดนัก

และแล้ว ชายในชุดดำทั้งชุดสวมหมวกกันน็อคสองคน คนหนึ่งขับอีกคนกำลังเล็งปืนมาทางเขา...

‘ฟิ้ว!’

‘ปึก!’

ร่างเขากระแทกกับตัวรถก่อนตั้งสติพยายามพาตัวเองเข้าไปนั่งประจำที่คนขับหวังใช้รถเป็นเกราะกำบังกระสุนนัดต่อไปที่จะตามมา
แต่เปล่า...พวกมันเร่งเครื่องหนีไปเสียแล้ว

และเมื่อเขาเสียบลูกกุญแจสตาร์ทเครื่อง ความรู้สึกปวดแปลบ!
ก็บังเกิดกับต้นแขนขวา

เขาถูกยิง!

บริตตาที่ถูกทิ้งให้นอนหง่าวอยู่บนห้องชุดของโรงแรมลุกขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวจะกลับคอนโดที่พักของตนเองบ้าง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าเสียงเฉพาะบุคคล ซึ่งเธอจะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้เสียด้วย ทั้งที่เกลียดแสนเกลียด

“ค่ะ”

“นี่เธออยู่ไหน เบอร์รี่!” เสียงทุ้มกร้าวไต่ถามมาตามสาย

“เอ่อ... อยู่งานปาร์ตี้ค่ะ นี่ก็กำลังจะกลับแล้ว” บริตตาแก้ตัวเสียงสั่น เพราะถ้ากลับไปถึงห้องเธอต้องถูก ‘กระทำ’ อย่างป่าเถื่อนแน่

“รีบกลับมาอย่าให้ฉันต้องโมโหมากไปกว่านี้ แค่ที่ยอมให้เป็นข่าวกับไอ้โภคินก็บุญเท่าไหร่แล้ว” สั่งเสร็จมืออวบอูมก็วางสาย

“เฮอะ... อย่าให้ฉันหลุดจากแกไปได้นะไอ้หมูตอน” บริตตามองมือถือตนเองเอ่ยเสียงสั่นเทาทั้งโกรธทั้งโมโห ถ้าเธอไม่พลาดคราวนั้น ชีวิตเธอก็คงไม่ตกนรกแบบนี้หรอก