ที่ตรงนั้นมีตะวันดวงเดียวกัน
Romance Lover
ที่ตรงนั้นมีตะวันดวงเดียวกัน
Romance Lover
ฉินที่เจ็ด
ดุจหนึ่ง ผู้หลงผ่านเข้าไปใน อดีต939ปีสู่อดีตที่ต้องกลายไปเป็นนางห้ามของกษัตริย์ขอมผู้ยิ่งใหญ่ แรกตะวันตะวันแรกส่องฉายผู้จุดประกายให้ดุจหนึ่ง รู้ว่านิยายย้อนยุคทั้งหลายนำมาเป้นบทเรียนไม่ได้ เมื่อเธอพบว่าเขาเป้นเพียงตะวันดวงเดียวที่อยากให้สองแสงอยุ่กลางใจพบกับนิยาย ฟินๆในแบบของจันทรืส่องแสงได้ใน ที่ตรงนั้นมีตะวันดวงเดียวกัน
  • 13 ตอน
  • 1,548
นิยายโดย
  • 71 คนติดตาม
บทนำ

ปราสาทหินตั้งตระหง่านเบื้องหน้า ..ดุจหนึ่ง... หยิบไม้เซลฟี่ในกระเป๋าออกมาจัดแจงจนเรียบร้อย ความเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย เธอชอบท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เพียงลำพัง วันหยุดยาวเหมาะแก่การท่องเที่ยว กระเป๋าเป้สะพายหลัง รองเท้าผ้าใบสีเข้ม กางเกงยีนขาสั้นเสื้อยืดรัดรูปกับผ้าคลุมไหล่สีม่วงหวาน อวดทรวดทรงงามตา หนุ่มๆ ที่มากับกรุปทัวร์ บางคนจ้องมองมาที่ดุจหนึ่ง ด้วยสายตาพึงพอใจ เธอก้าวยาวๆ ด้วยขายาวเรียว ผิวเนื้อเนียนละเอียดวัยสาวสะพรั่ง สะดุดตาใครหลายคนทว่า ดุจหนึ่งยังคงก้าวข้ามผ่านหน้าบันของปราสาท เข้าไปข้างในยืนตะลึงเมื่อหลุดผ่านเข้าไปภายใน จ้องมองลานกว้างเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วย ปราสาทหินทรายน้อยใหญ่ งดงามจนเหมือนกับหลุดเข้าไปยัง สมัยอาณาจักรขอมโบราณไม้เซลฟี่ไม่ได้ถ่ายเอาเฉพาะรูปของตัวเองกับตัวปราสาท แต่ดุจหนึ่งกลับถ่ายเอา รูปทับหลัง หน้าบันและเสาสลักที่สลักลวดลายงดงามเหมือนไม่ได้ถูกทำขึ้นด้วยมือ ดุจหนึ่งไปมาหลายที่ ลวดลายแม้แตกต่างกันบ้าง จนดุจหนึ่งคิดว่าไม่แน่นะคนโบราณอาจมีแม่พิมพ์ เหมือนคนสมัยนี้ผลิตเสาโรมัน รูปนางอัปสราอ่อนช้อยงดงามอยู่ในท่าทางร่ายรำดวงตาหลุบต่ำ ทรวดทรงอรชรท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงสายสังวาลสะพายแล่ง ปิดบังเนินถันเต่งตึง ดุจหนึ่งเขม้นมองหากต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าผู้อื่นจะต้องมีความกล้าขนาดไหนหรือว่านางอัปสราเหล่านี้ต้องฝืนใจตนในสิ่งที่อยากสงวนไว้

สะพานนาคราชที่เหมือนกันกับปราสาทหลายที่ สวยงามตามทางเดินที่ทอดยาวสู่ตัวปราสาท ดุจหนึ่งยืนหันหลังพิง ตัวปราสาท เสียงอธิบายถึงรายละเอียดและความเป็นมาของปราสาทดังเจื้อยแจ้ว จากชายชราในท้องที่อายุประมาณเจ็ดแปดสิบ นักท่องเที่ยวต่างถิ่น ฟังชายชราพูด

“อูย ตอนผมเด็กๆ นะ รกเป็นป่ามีแต่ต้นไม้ใหญ่ ไม่รู้ใครมาขุดตรงนี้เช้ามาถึงมีคนเห็น” แกชี้ไปที่ฐานของปรางค์ประสาทที่ดุจหนึ่งยืนพิงประตูอยู่

“ได้อะไรไปไหมลุง” หนึ่งในนั้นถาม

“คงได้ไปบ้างแหละเหลือที่เก็บไม่หมด ก็ชิ้นเล็กๆ สมัยนั้น ผู้ใหญ่บ้านแจ้งตำรวจกว่าจะมาจากในเมือง หลักฐานหายหมด” ชายชรามองที่ตัวปราสาทสายตาฝ้าฟาง

“แล้วจับคนขุดได้ไหม”

“ไม่ได้หรอก ผ่านมาเจ็ดสิบปีละ มันคงเป็นคนต่างถิ่น ขุดเข้าไปใต้ฐานโกยเอาของออกมา เขาว่าสมบัติ อย่างนี้มันร้อนแต่ก็แปลกไม่เห็นมีใครเอามาคืน ป่านนี้อยู่ต่างประเทศหมดละม้าง” แกให้ความเห็น ดุจหนึ่ง อมยิ้มลุงแกก็ ความคิดกว้างไกลล้ำสมัยเหมือนกัน ของดีดีไปนอกหมด

ดุจหนึ่งเดินออกมามองจุดที่ลุงชี้ สอดส่ายสายตามองไปมา ตามช่องโหว่และซอกหินทรายหลายก้อนที่ถูกนำมาเรียงกันจนเป็นปราสาท กองดินกลบฐานจนแน่น ดุจหนึ่งคิดว่าหากมีคนขุดทำไมเจ้าหน้าที่ไม่โกยดินออก ปล่อยให้กลบฐานปราสาทจนมองไม่เหมือนปราสาทหินที่อื่นที่ดุจหนึ่งเคยเห็นมา นึกโมโหตัวเองว่ามองหาอะไร ไม่มีทางเจออะไรหรอกมันผ่านมาตั้ง70ปีแล้วตามที่ลุงเขาเล่า ดุจหนึ่งทิ้งตัวลงนั่งลงบนศิลาแลงที่เป็นฐานของปราสาทที่โผล่พ้นดินสีเหลืองแดงขึ้นมาก้อนหนึ่ง สอดส่ายสายตาด้วยความเคยชิน พลันสายตาก็พบกับสีเขียวของโลหะที่ทำปฏิกิริยากับอากาศความชื้นและ ดิน ดุจหนึ่ง ใช้นิ้วชี้ เขี่ยวัตถุชิ้นนั้นออกมา แหวนทองเหลืองที่มีคราบสีเขียวเกาะ หัวแหวนเป็นอำพันสีเหลืองสว่างไม่หมองสักนิดแม้ถูกฝังอยู่ในดิน ดุจหนึ่งลูบเอาเศษดินออก อะไรบางอย่างบอกให้กำแหวนไว้ในมือเหมือนกลัวว่าใครจะเห็น ดุจหนึ่งสาวเท้าออกมาข้างนอกตัวปราสาท หันซ้ายหันขวาว่ามีใครเห็นประพฤติกรรมของเธอไหม เดินไปนั่งบนม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี ต้นมหึมาที่ปล่อยให้ใบสีเหลืองร่วงหล่นลงพื้นในฤดูหนาว ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นสักคน แบมือออกมองดูแหวนในมือ ด้วยความรู้สึกหวงแหน สีอำพันสวยงามส่องประกายวาววับ ดุจหนึ่งหยิบแหวนขึ้นมาลองสวมดูที่ละนิ้วไล่จากนิ้วชี้นิ้วกลาง และนิ้วนางโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย สวมได้พอดีบนนิ้วนาง

แสงสว่างวาบจากอำพันบนหัวแหวนส่องประกายเจิดจ้าเข้าสู่ดวงตากลมโต ความรู้สึกกระอักกระอ่วน วิงเวียนและมึนงง โลกกลายเป็นมืดมิดมีเพียงแสงจากอำพันเท่านั้นที่เจิดจ้า พยายามยันกายไม่ให้ล้ม แต่ทว่าดุจหนึ่งไม่มีเรี่ยวแรงจะต้านทานความรู้สึกหลายอย่างนั้นได้อีก ปล่อยให้ลำแสงสว่างจ้านั้นดูดกลืนร่างของเธอให้หลุดเข้าไปในแสงสว่างที่แผ่ออกเป็นวงกว้างรอบแหวนอำพันเนื้อทองเหลืองนั้นหายวับไปราวกับเป็นของเหลว

นิยายเรื่องอื่นของฉินที่เจ็ด