บทนำ
“อะไรนะ… มรกตจันทราหายไป!”
เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างซีเรียส บรรดาขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครกล้าสบตากับท่านประมุขเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาต่างพากันก้มหน้าก้มตาพยายามนิ่งให้มากที่สุด มีเพียงบางคนที่ให้การตอบรับคำถามอัมหิตนั้นด้วยการพยักหน้าช้าๆ
“บัดซบ!”
ประมุขหนุ่มคำรามลั่นห้องประชุม ไล่มองทีละคนด้วยสายตาที่คาดจะยากเดา มือหนาเตรียมพร้อมที่จะส่งความทรมานไปยังคณะขุนนางหน้าโง่ แต่ทว่า… สวรรค์ยังพอมีตาส่งนางฟ้าผู้มีจิตใจอ่อนโยนลงมาช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความตาย!
“อย่าเพคะ!” เสียงหวานร้องบอกก่อนที่ร่างสูงจะทำในสิ่งที่เธอเคยขอเขาเอาไว้
“ปลายฟ้า”
ลีโอมองปลายฟ้าพลางกับค่อยๆ ลดมือลงแนบข้างลำตัว ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าทำให้บรรดาขุนนางพากันเป่าปากอย่างโล่งอก พวกเขามองปลายฟ้าด้วยสายตาสำนึกในบุญคุณ
“อย่าทรงทำแบบนี้เพคะ” คนตัวเล็กใช้ความอ่อนโยนเข้าปลอบประโลมไฟร้อนเยี่ยงเขา ร่างบางส่งสายตาให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องรีบออกไปจากห้อง
ไม่นานห้องประชุมอันกว้างใหญ่ก็มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น…
“เธอไม่น่ามาห้าม พวกนั้นมันทำงานพลาด มีอย่างที่ไหนทำมรกตจันทราเครื่องประดับประจำกายของราชินีหาย บ้าที่สุด!” ลีโอยังคงเดือดดาลไม่จาง มือหนาทุบโต๊ะประชุมนับครั้งไม่ถ้วน
“ไม่เอาสิเพคะ อย่าทรงกริ้วไปเลย” เสียงหวานยิ้มบางเบา เอื้อมมือไปจับมือคนตัวโตแล้วกดริมฝีปากลงบนเนื้อหยาบราวกับต้องการปลอบประโลมไม่ให้เขาโกรธ
สิ่งที่เธอทำเปรียบเป็นน้ำทิพย์ที่ไหลลงมาจากฟ้าก็ไม่ปาน
“เธอก็เป็นแบบนี้ทุกที รู้จุดอ่อนของฉันตลอด” ไม่พูดเปล่าแต่ริมฝีปากยังเกเรจุมพิตชายาสาว
“พอเลยเพคะ ได้คืบเอาศอกทุกที” ใบหน้านวลแกล้งว่า
“แต่หลายวันมานี้ยังไม่ได้สักคืบเลยนะ” ร่างสูงมองต่ำไปยังหน้าอกสวย ทำเอาปลายฟ้าต้องทุบอกเป็นรางวัลให้หนึ่งที
“พระองค์ก็! หน้าสิวหน้าขวานยังทรงทะลึ่งอีก”
“อะไรฉันก็แค่…”
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะการพลอดรักอันแสนหวาน” บุคคลที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสี่เดินเรียงรายเข้ามาในห้อง ปลายฟ้าเขินอายกับสายตาหลายคู่รีบผละตัวออกห่างจากลีโอ
“นี่ห้องประชุมนะท่านประมุข ไม่ใช่ห้องบรรทม” ฟินิกซ์เอ่ยแซวตามประสาของคนชอบกวนประสาท
“ไม่เอาน่า… นายนี่ก็หาเรื่อง” แฟ็กเตอร์เข้ามาห้ามทัพเพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยไว้มันจะต้องบานปลายอย่างแน่นอน
ลีโอพอเห็นว่าแฟ็กเตอร์ปรามฟินิกซ์แล้วก็เลยไม่อยากอะไรมาก เนื่องด้วยเวลานี้มีเรื่องที่สำคัญกว่า
“มรกตจันทราหายไป” ลีโอบอกเสียงเข้ม ทุกคนมองหน้ากันด้วยสายตาเคร่งขรึม
“คาร่า” ท่านผู้ปกครองรัฐเรียกชื่อน้องสาวเพียงหนึ่งเดียว
“เพคะ?”
“น้องพอจะรู้ไหมว่ามรกตจันทราอยู่ที่ใด”
“น่าแปลกที่เวลานี้น้องไม่อาจรู้เลยว่ามันอยู่ที่ใด ปกติน้องจะต้องเห็นหรือไม่ก็ต้องได้กลิ่นของผู้ขโมย แต่งานนี้…” คาร่าทำท่าครุ่นคิด
“งานนี้ทำไม?” ลีโอใจร้อน
“งานนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเมือง Black Rose เพคะ” เสียงหวานตอบพี่ชาย
“น้องกำลังจะบอกพี่ว่ามรกตจันทราไม่ได้อยู่ที่เมือง Black Rose งั้นหรือ?” ลีโอหรี่ตาถาม
“เพคะ มีพลังงานบางอย่างกำลังปกป้องมันจากดวงตาของน้อง ถ้าให้เดาตามสัญชาตญาณน้องว่ามรกตจันทราอาจจะอยู่ที่โลกมนุษย์” คาร่าพูดไปตามเหตุผล
ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์…
“ลีโอเคยบอกฉันว่าของทุกชิ้นที่ขึ้นอยู่กับเมือง Black Rose จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ที่ใดได้ แล้วทำไม…” ปลายฟ้ายังพูดไม่ทันจบคาร่าก็รีบเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“แต่ของบางอย่างก็มีกฎยกเว้นในตัวของมัน มรกตจันทราเป็นเครื่องประดับแห่งราชินี แต่ถ้าราชินีไม่ใช่ประชาชนที่มีเชื้อสายของเมือง Black Rose โดยแท้ มันก็มีสิทธิ์ที่จะขาดพลังอำนาจในการปกป้องตัวเอง”
“เดี๋ยวนะ ขาดพลังอำนาจในการปกป้องตัวเอง หมายความว่าอะไร?” เป็นครั้งแรกที่ริชาดเอ่ยถามหลังจากนั่งฟังอยู่นาน
“ปลายฟ้าเป็นมนุษย์โดยชาติกำเนิด นั่นหมายความว่าหากมรกตจันทราถูกขโมยจากผู้ไม่หวังดี น้องก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันอยู่ที่ใคร แต่น้องรู้ว่ามันต้องอยู่ที่โลกมนุษย์ตามชาติกำเนิดของผู้เป็นเจ้าของ”
คำอธิบายของคาร่าแม้จะชัดเจนแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้กระจ่าง ลีโอขมวดคิ้วมองใบหน้าสวยคมของน้องสาว
“แล้วพวกเราต้องทำยังไงถึงจะได้มรกตจันทรากลับคืนมา” ลีโอไม่สนใจเรื่องพลังอะไรทั้งนั้น เขาต้องการรู้แค่ว่าจะทำวิธีไหนให้สิ่งที่มีค่าที่สุดแห่งราชินีกลับคืนสู่ปลายฟ้า
“ปลายฟ้า… จะต้องลงไปอยู่บนโลกมนุษย์อีกครั้ง!”