บทนำ
“พ่ออยากให้แกแต่งงาน”
น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากริมฝีปากของผู้อวุโสตรงหน้าทำเอาร่างหนาชาวาบไปทุกสัดส่วน ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มตามแบบฉบับชายไทยแท้ตวัดมองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ และก่อนที่จะได้คัดค้านบิดาก็ชิงพูดประโยคถัดมาเสียก่อน
“อายุอานามแกก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้จะสี่สิบแล้วไม่ใช่หรือไง”
“ผมยังสามสิบเก้าอยู่” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ย
“ก็ไม่ต่างกัน” ว่าจบมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาก็ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ “แกควรมีครอบครัวได้แล้ว” มองหน้าลูกชาย
“ผมไม่แต่ง !”
ร่างสูงลั่นวาจา แต่งงานงั้นหรือ ? ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวสมองเขาเลยสักนิด ผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาและชาติตระกูลเช่นเขามีสตรีมากมายให้ความสนใจ หากแต่ชายหนุ่มยังไม่คิดที่จะจริงจังกับใครจนถึงขั้นร่วมหอลงโลงเลยสักคน ร่างสูงรักชีวิตความเป็นโสดที่เปี่ยมไปด้วยอิสระ ไม่อยากผูกมัดกับใครให้สูญเสียความเป็นตัวตน
“ฉันจะจัดการหาฤกษ์ยามให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้แกก็ทำตัวให้มันดีๆ แล้วกัน” คนพูดกลับไม่สนใจหน้าตาบูดบึ้งของลูกชาย ชายชราทำราวกับว่าไม่สะทกสะท้านในการต่อต้าน
“คุณพ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้อยากให้ผมไปแต่งงาน ไม่รู้สรรพคุณผมเหรอ ?” ลูกชายหยันเสียงสูง
“ก็เพราะฉันรู้สรรพคุณแกดีไงล่ะถึงได้อยากให้แกแต่งงาน” คนเป็นพ่อวางแก้วชาลงกับโต๊ะ ส่งสายตาจริงจังก่อนจะเอ่ยต่อ “แกควรทำตัวให้มันเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ ไม่ใช่เที่ยวฟันผู้หญิงเขาไปทั่ว”
“ผมไม่ได้ฟันฟรีๆ นะพ่อ แม่พวกนั้นก็ได้เงินกันทุกครั้ง” ชายหนุ่มพูดแล้วแสยะยิ้มรังเกียจ พวกผู้หญิงมันก็น่าเงินเหมือนกันหมด ไม่มีใครยอมกัดก้อนเกลือกินไปกับผู้ชายจนๆ หรอก
เขารู้ข้อนี้ดี… เพราะเขาเคยเจอผู้หญิงร้ายกาจพรรณนั้นมาก่อน !
“ทำไมแกพูดจาไร้ยางอายแบบนั้นวะ ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้นะตาพัช” คนเป็นพ่อเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่ลูกชายเป็น
พัชระ ยักไหล่ไม่แคร์…
“พวกผู้หญิงไร้ยางอายกว่านี้เยอะ หึ” มือหนายกแก้วน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย พลันใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาในมโนสำนึก
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกก็ต้องแต่งงาน ฉันปล่อยให้แกใช้ชีวิตไร้สาระมามากพอแล้ว”
“ถ้าผมไม่แต่งซะอย่างพ่อจะทำอะไรผมได้” ลูกชายตัวดียียวน
“งั้นก็ไม่ต้องเอามรดก !” เสียงเข้มของผู้อวุโสเอ่ย
“พ่อ !!” พัชระลากเสียง “ทำไมต้องเอาเรื่องมรดกมาขู่กันด้วย”
“ฉันไม่ได้ขู่แต่คราวนี้ฉันทำจริง ถ้าแกไม่แต่งงานแกก็อด”
พูดจบประมุขของบ้านก็เดินจากไปทันทีทิ้งให้ร่างสูงนั่งกระฟัดกระเฟียดตามลำพัง พัชระทุบมือลงบนโซฟาหนักๆ หนึ่งทีด้วยความโมโห
ไม่มีวันหรอก… เขาไม่แต่ง หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่แต่ง !
ทันทีที่ร่างสูงโปร่งสง่าย่างเท้าเข้ามาภายในบริษัทหรูนั้นบรรดาพนักงานทุกคนต่างก็พากันโค้งคำนับทำความเคารพต่อท่านประธานสุดหล่อมาดเนี๊ยบ ภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นประกอบไปด้วยคิ้วหนาเข้มรับกับจมูกโด่งเรียวเป็นสัน มาพร้อมกับริมฝีปากหยักสวยที่ชวนน่าหลงใหล ใบหูทั้งสองข้างประดับต่างหูอันเล็กๆ แต่ดูดีตามแบบฉบับผู้ชายที่ใส่ใจแฟชั่น ปิดท้ายด้วยดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวที่ใครได้มองต้องยอมสยบอยู่ใต้แทบเท้า
“วันนี้มีอะไรบ้างว่ามาสิ” เสียงเข้มเอ่ยถามเลขาฯ ส่วนตัวที่เดินตามเข้ามาภายในห้องทำงานติดๆ
“วันนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้าคนสำคัญจากเยอรมณีเพื่อพูดคุยเรื่องเซ็นสัญญาค่ะบอส” เลขาฯ สาวบอกพลางกับยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเจ้านายหนุ่ม
“อะไร ?” ถามพลางขมวดคิ้ว
“รายละเอียดของลูกค้าค่ะ เพื่อว่าบอสอยากอ่านเพิ่ม”
คนฟังทำหน้าเบื่อหน่ายทันที มือหนาเหวี่ยงแฟ้มหนาอย่างไม่ใยดี สายตาคมเข้มไม่พอใจถูกส่งมอบให้กับร่างบางตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวต้องรีบหลบสายตา
“ทำไมเธอชอบทำเหมือนฉันเป็นคนไร้ความผิดชอบอยู่เรื่อย”
“ประทานโทษค่ะ”
พัชระถอนหายใจก่อนจะโบกมือไล่ให้เลขาฯ สาวออกไปจากห้อง คนที่ถูกหมายหัวไม่รอช้ารีบถอยหนีโดยไม่ต้องให้เขาเอ่ยปาก ห้องทำงานอันกว้างใหญ่เหลือเพียงร่างหนาที่นั่งเอนหลังพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ ปลดปล่อยลมหายที่แสนเหนื่อยล้า
‘เหนื่อยไหมคะวันนี้’
เสียงหวานดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท…
“เวรเอ๊ย !”
พัชระหงุดหงิดหุนหันลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งทันที ร่างหนาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระจกบานใสที่มองทอดออกไปก็สามารถเห็นวิวของเมืองหลวงได้ทั่วทุกสารทิศ
“พิมพ์มิกา… ผู้หญ้าน่ารังเกียจ !!!”
ดวงตาคมวาววับไปด้วยความเกรี้ยวกราด
ฝากนิยายเรื่อง ‘อสูรไร้รัก’ ด้วยนะคะ ถ้าต้องการติดตามต่อสามารถกดโหลดในรูปแบบของ E-Book ได้นะคะ มีลิ้งค์นิยายอยู่ที่หน้าหลักของนิยายเลยจ้า