Local Lover (คือเธอที่รัก) 25+++
Romance Lover
Local Lover (คือเธอที่รัก) 25+++
Romance Lover
เหตุเพราะความคลุมเครือ ธนะ วิสุทธิกุล เลยปักใจ ‘เชื่อ’ เหลือเกินว่า... ตนเองทำลูกสาวบ้านภูคำฝัน ‘ท้อง’ ในเมื่อถามดีๆ ไม่ยอมรับ ก็ต้องกำราบกันบ้าง แต่พอ ‘ความจริง’ แจ่มกระจ่าง กลับทำเขามืดแปดด้านซะงั้น!!!
  • 12 ตอน
  • 4,160
นิยายโดย
  • 5 คนติดตาม
บทนำ

บทนำ

ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมระดับสามดาวของจังหวัดทางภาคตะวันออกติดกับทะเลอ่าวไทย คลาคล่ำครึกครื้นไปด้วยเหล่าจ่าทหารเรือ ด้วยเครื่องแบบปกติกากี เสื้อกางเกงกะลาสีสีกากี เสื้อซับด้านในสีขาว ผ้าพันคอสีดำ สายโยงมีด และรองเท้าหุ้มส้น ส่วนหมวกหม้อตาลบ้างก็สวม บ้างก็หนีบกับรักแร้ ทั่วทั้งห้องอาหารพรึ่บพรั่บไปด้วยเหล่าจ่าทหารเรือรุ่นดึกดำบรรพ์

งานเลี้ยงรุ่นของจ่าทหารเรือซีรี่ย์สามปลายๆ ถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมสามดาวใกล้กับฐานทัพ เหตุเพราะส่วนใหญ่ยังคงทำงานและอาศัยอยู่ละแวกน้อย ส่วนน้อยก็ทยอยโอนย้าย ลาออกกลับไปอยู่ใกล้บ้าน นานๆ ครั้งกว่าจะจัดร่วมรุ่นกันซักที และปีนี้ก็พิเศษตรงที่ สามซ่าส์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบสิบห้าปี...

“แม่งใครคิดธีมงานวะ ให้ใส่ชุดกะลาสีมาร่วมงานเนี่ย!” เรือเอกจักรกฤษ พิสิฐศักดิ์ บ่นเป็นหมีกินผึ้งด้วยเขาต้องวิ่งโร่หาซื้อชุดใหม่เพื่อสวมใส่ในงานนี้โดยเฉพาะ มือหนาจับพนักเก้าอี้ดึงออกเพื่อทรุดกายนั่งยังโต๊ะที่จองไว้

“คณะกรรมการรุ่นไง มึ-ไม่ได้ร่วมโหวตเหรอวะ” เรือเอกนฤทธิ์ สรวงสวรรค์ บอกกล่าวพลางกวักมือเรียกบริกรให้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ

“หึ... ว่าแต่กูไปอยู่ไหนมา มารู้เรื่องเอาโค้งสุดท้าย จะขัดก็ไม่ได้”

“เอ้า! กูจะตรัสรู้กับมึ-ไหมเนี่ย” ตะคอกใส่เพื่อนพลางแยกยิ้มกว้างให้กับบริกรสาวที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ “เอาด้วยไหมมึ-”

“เอา” ปากบอกหากสายตามองบริกรสาวตาเชื่อม ทำเอาบริกรสาวอายม้วน

ปึก! ปลายเท้าของ เรือเอกนฤทธิ์ สรวงสวรรค์ เตะหน้าแข้งคนตาเชื่อมด้วยหมั่นไส้กับอาการนั้นของเพื่อนสนิท

“เช็ดน้ำลายหน่อย”

“เชี่-! ไม่ถีบกูตกเก้าอี้เลยวะ เจ็บนะเว้ย!” เรือเอกจักรกฤษบ่นอุบลูบหน้าแข้งป้อยๆ หน้าตาเหยเกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก เปลี่ยนเรื่องพลางถามหาเพื่อนสนิทอีกคน “แล้วเมื่อไหร่ไอ้นะมันจะมา งานเริ่มจนจะเลิกแล้วนะเว้ย!”

“เบอร์มึ-ก็มีก็โทรดิ่วะ” เรือเอกนฤทธิ์สวนกลับเสียงเข้ม ยกแก้วในมือดื่มอักๆ

ถ้าบุคคลภายในงานไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรือเอกทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันละก็ ป่านนี้คงคิดว่าทั้งคู่กำลังปะคารมกันและกำลังจะคว่ำตะเป็นแน่ ก็ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนๆ ละฝั่งอีกด้วย คนอื่นๆ ทำเพียงแวะเวียนเข้ามาทักทาย จากนั้นก็ลับหายหาโต๊ะอื่นนั่งแทนด้วยความที่ไม่ค่อยสนิท เพียงแค่ร่ำเรียนด้วยกันมาเฉยๆ และมันก็ผ่านมานานมาก

เรือเอกจักรกฤษส่ายหัวพลันคว้าโทรศัพท์กดหาเพื่อนสนิทอีกคน รอสัญญาณเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ

“มึ-อยู่ไหนไอ้นะ”

“หน้างาน”

“แล้วไมไม่เข้ามา รออะไรอยู่วะ”

“กูเพิ่งมาถึง”

“ไหนบอกมาพักค้างคืน ไหงมาช้ากว่าเพื่อน” เรือเอกจักรกฤษสอบเพื่อนราวกับเป็นผู้ร้าย

“เอ๊า! กูไม่ได้พักที่โรงแรม กูพักข้างนอก”

“มึ-มากับใคร” เรือเอกจักรกฤษขยับนั่งตัวตรง หรี่ตามองประตูทางเข้า เผื่อจะเห็นร่างสูงแกร่งของเพื่อนเดินควงสาวเข้างาน

“เรื่องของกู” ธนะ วิสุทธิกุล หรือ ไอ้นะ ของเพื่อนๆ ในรุ่นเดินเยื้องย่างในชุดกะลาสีสีกากีราวดาวเด่นในละครภาคค่ำเข้ามาในงานเลี้ยง ไร้วี่แวว ‘สาว’ ที่เรือเอกจักรกฤษคาดการณ์

ธนะ วิสุทธิกุล เป็นหนึ่งในทหารเรือที่โอนย้ายออกจากกองทัพไปนานกว่าสิบห้าปี และด้วยความรักดี บวกกับหัวดี จึงทำให้เขากำลังจะก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งเทศบาลตำบลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า...

ธนะโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ทำเอาเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนอดหม่นไส้เอ่ยแซวเสียงดังลั่น

“เฮ้ย! ไอ้นะจะไปประกวดชายงามรึไงวะ” เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่ให้กับหนุ่มวัยใกล้เลขสี่ร่วมโต๊ะและใกล้เคียง ทำเอาคนถูกแซวหน้าม้าน วกเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมรุ่นผู้ซึ่งชอบกัดแขวะเขามาตลอด

“ไม่เจอกันสิบกว่าปี ยังปากปีจอเหมือนเดิมเลยนะมึ-” ธนะเข้ามาทักเพื่อนพลางตบบ่าหนักหนึ่งที

“อูย! มือรึขาหน้าวะ” คนถูกตบกัดตอบ พลางยื่นแก้วเครื่องดื่มในมือให้ “ซักแก้วมะ”

“ก็ดีเหมือนกัน อย่าลืมแวะไปโต๊ะนู้นนะเว้ย!” รับแก้วเครื่องดื่มจากมือเพื่อนร่วมรุ่นพลันชักชวน

“เออๆ”

จบการทักทายเพียงเท่านั้น ว่าที่ปลัดหนุ่มจึงผละจากเพื่อนร่วมรุ่นอีกกลุ่มปรี่ไปหากลุ่มที่สนิทที่สุด

“ไงพวกมึ- ไอ้ฤทธิ์ ไอ้จักร” ทักพลางดึงลากเก้าอี้ข้างเรือเอกนฤทธิ์นั่ง ยกมือเรียกบริกรให้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ

“ยังเหมือนเดิมนะมึ-อะ” เรือเอกจักรกฤษทักเพื่อน

“อะไร”

“ต้องเป็นจุดเด่นตลอด”

“ต้องเข้าใจ คนมันหน้าตาดีว่ะ” ธนะอวยตัวเองจบ ทำเอาเรือเอกนฤทธิ์ที่กำลังยกแก้วเครื่องดื่มดื่มถึงกับสำลัก หันมามองหน้า

“มั่นหน้าเหลือเกินนะมึ-” เรือเอกนฤทธิ์เหน็บให้ ทำให้สองหนุ่มที่เพิ่งหยิกแกมหยอกกันหันไปพยักพเยิดใส่กัน

“มันก็ต้องมีบ้างสิวะ มะ... ชนแก้วหน่อย ในรอบกี่ปีวะเนี่ย” ธนะเปรยพลางชักชวนเพื่อน อีกสองหนุ่มจึงคว้าแก้วของตนยกชนดังเคร้ง

เชียสสส

สามหนุ่มลากเสียงยาว เสียงดัง เรียกความสนใจจากเพื่อนๆ โต๊ะอื่นให้เข้ามาแจมด้วย เหล่าทหารหาญในชุดกะลาสีเรือ ต่างถือแก้วแวะเวียนมาทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันและกันด้วยห่างหายกันไปตามภาระหน้าที่ กว่าจะมีเวลาแวะเวียนมาพบปะ ก็ยากเย็นแสนเข็ญ แม้นว่างานรวมรุ่นจะถูกจัดขึ้นทุกปี แต่ก็ใช่ว่าจะมาครบกันทุกปี ต่างจากปีนี้ที่มาลงทะเบียนกันเกือบครบ ทั้งผู้ที่ยังทำงานในกองทัพ และโอนย้ายออกไปแล้ว

เหล่าทหารหาญสรวลเสเฮฮาดื่มกินกันอย่างเมามัน เรียกได้ว่ามาปล่อยผีกันเลยทีเนื่องจากมีเงื่อนไขว่าให้มาคนเดียวห้ามนำครอบครัวเข้างานด้วย หรือถ้าใครพาครอบครัวมาด้วยก็ให้ก็ห้ามพาเข้างานเด็ดขาด ด้วยงานนี้มีเซอร์ไพรส์

“เป็นยังไงกันบ้างเพื่อน สนุกม้ายยย” พิธีกรหนุ่มร่างใหญ่วัยสามสิบห้า ดีกรีครูฝึกทหารหาญแห่งกองทัพจับไมค์ตะโกนถามเหล่าเพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งขานรับเสียงสูงดังลั่นห้องจัดเลี้ยง แสงไฟสว่างจ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นริบหรี่ เสียงดนตรี ตื๊ดๆ มันๆ ดังกังวานลั่น เสียงกรี๊ดลั่นของสาวๆ โคโยตี้นับสิบชีวิตค่อยๆ เต้นยั่วออกมาจากกลางเวที

นั่นยิ่งเรียกสิ่งคึกคักครึกครื้นให้เหล่าโคถึกได้สนุกสนานกันเต็มที่ “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง นะเพื่อน” พิธีกรสั่งย้ำมาจากข้างเวที “หรือใครอยากลองดีก็จัดเลยจ้า...”

เสียงหัวเราะเฮฮาของเหล่าทหารหาญดังครืนบ้างก็สนุกสนานบ้างก็บ่นพึมเสียเงินที่นำไปจ้างสาวๆ โคโยตี้ บ้างก็เงียบไม่ออกความเห็น แต่โดยรวมสนุกสนานผู้จัดงานก็พอใจแล้ว

“ไอ้ห่- ใครคิดวะ” ธนะชะโงกหน้าตะโกนถามเพื่อน

“คณะกรรมการสิวะ ไอ้นี่” เรือเอกนฤทธิ์เป็นคนเอียงคอตะโกนตอบแข่งกับเสียงเพลง ส่วนเรือเอกจักรกฤษแจ้นไปหน้าเวทีโยกย้ายส่ายสะโพกแจกทิปโคโยตี้ด้านหน้านานแล้ว

“แม่-ไอ้จักรก็ไวฉิ-หาย” ธนะนินทาเพื่อนพลันยกแก้วเครื่องดื่มดื่มมองสาวๆ โคโยตี้หน้าเวทีตาวาว

“มึ-ก็ว่าแต่มัน มึ-อะเมื่อไหร่จะลุก อย่ามาวางฟอร์ม มึ-กับมันก็พอๆ กันแหละวะ”

“แสนรู้ตลอดเลยนะมึ-” บ่นเพื่อนก็จริงแต่ก็คว้าแก้วเครื่องดื่มเดินไปหน้าเวทีสมทบกับเหล่าเพื่อนหน้า...

“ไวเชียวนะมึ-ไม่ชวนกู” ธนะว่าให้เพื่อนพลางโยกย้ายตามจังหวะเพลง สายตาไม่ละจากหุ่นโคโยตี้เอวบางอกตูม

“เอ๊า! ใครมัดขามึ-ไว้วะ” เรือเอกจักรกฤษตอกกลับน้ำเสียงยานคางยียวน โยกย้ายไปตามจังหวะเพลงพลันนึกบางอย่างออก “เออ... กูได้ข่าวมึ-จะได้ขึ้นปลัดแล้วเหรอวะ”

“ยัง... รอคำสั่งอยู่”

ผัวะ! “ไอ้นะ กวนตี-ละมึ-ต่างกันตรงไหน” ยกมือตบท้ายทอยเพื่อนไม่เชิงหยิกแกมหยอกด้วยความหมั่นไส้

“ก็มันยังไม่มีคำสั่งมา จะขึ้นได้ยังไงละวะ” ผัวะ!

“เจ็บนะโว๊ย!” เรือเอกจักรกฤษยกมือลูบท้ายทอยป้อยๆ

“กูก็เจ็บ”

สองหนุ่มกัดแขวะกันโดยที่เท้ายังไม่ลืมจังหวะเพลงโยกตามได้อย่างไม่มีคร่อมจังหวะ กระทั่งเสียงดนตรีเงียบลง เปลี่ยนเป็นเสียงพิธีกรตามมาด้วยดนตรีเพลงช้าสองหนุ่มจึงกอดคอกันเดินกลับโต๊ะ ซึ่งขณะนี้มีเพื่อนร่วมรุ่นอีกสองสามคนมาร่วมวงสนทนาด้วย

“เป็นไงพวกมึ-สบายดีนะเว้ย!”

“เออ... สบายดี ได้ข่าวเป็นปลัดแล้วเหรอวะ” หนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นเปรยถาม

“รอคำสั่งอยู่” ธนะตอบอย่างเป็นกลาง อันที่จริง คำสั่งออกแล้วเพียงแต่เขายังไม่เดินทางไปรับตำแหน่งก็เท่านั้น

“ลงที่บ้านเลยใช่ไหมวะ”

“อืม” รับคำในลำคอ พลันยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่ม

“ถ้าข้าจำไม่ผิด... มึ-เคยเล่าว่า สร้างเรื่องไว้... เรื่องไรวะ” เพื่อนร่วมรุ่นคนเดิมยังถามเป็นต่อยหอยด้วยความที่เป็นคนหากไม่ดื่มเหล้าเมาจะเงียบนิ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ดื่มละก็ เข้าขั้นปากปีจอเลยทีเดียว

“เฮ้ย! กูว่ามึ-ไปเข้าห้องน้ำกับกูดีกว่าว่ะ กูว่ามึ-ปวดฉี่ละเนี่ย” เรือเอกจักรกฤษตัดบทพลางพยายามคว้าต้นแขนเพื่อนให้ลุก เรียกเพื่อนอีกคนให้มาช่วยหิ้วปีก พอพ้นร่างสามหนุ่ม เรือเอกนฤทธิ์จึงตบบ่าให้กำลังใจเพื่อน

“อย่าคิดมากว่ะ มันก็ปากหมาแบบนั้นแหละ”

“เออ... ก็ไม่ได้คิดมาก ดื่มๆ” ตอบรับพลันส่งแก้วชนกับเพื่อน

ธนะ วิสุทธิกุล ไม่ได้คิดมากเลยให้ตายสิ ถ้าเดือนก่อนเขาไม่ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นสมัยมัธยมแล้วพบเข้ากับ...

เรื่องนี้มีเวอร์ชั่น E-book