มะลิหรือมะลุลี ศรีบุริรักษ์ เด็กสาววัย 18 ปี นั่งหน้างออยู่ตรงหน้าผู้เป็นบิดาที่มีชื่อว่านายทวนทอง ศรีบุริรักษ์ซึ่งเป็นพ่อม่ายเมียตายวัย 50 ปี
“ยอมๆเสี่ยเมฆไปเหอะนะมะลิ เอ็งไม่รักพ่อเหรอวะ” ทวนทองพยายามหว่านล้อมให้มะลุลียอมเป็นเมียของเมฆา แสงสุรียากรณ์ ชายหนุ่มวัย 26 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งหนุ่มในห้าเสือคอนสตรัคชันมือขวาของเฮียรักษ์คนดังแห่งบ้านสวนพร้าว
“ถ้าอีดอกมะลิไม่รักพ่อป่านนี้ปล่อยให้อดตายไปนานแล้วรู้ไว้เสียด้วย” มะลุลีทำปากยื่นแก้มป่องด้วยความโมโห พ่อคิดได้ไงว่าเธอไม่รักถ้าไม่เพราะความฉลาดเธอคงตกเป็นเมียน้อยของไอ้พงศกรจอมหื่นที่อายุมากกว่าพ่อของเธอไปแล้ว เพียงเพราะเหล้าขาวหนึ่งขวดกับข้าวสารสองกิโลที่พ่อยอมแลกกับตัวเธอซึ่งขณะนั้นมีอายุได้เพียง 15 ปี
“ชะ...อีนี่ ทวงบุญคุณ ข้าเป็นพ่อเอ็งนะเว้ย ถ้าไม่เพราะข้าป่านนี้เอ็งคงเกิดเป็นหมาไปแล้ว” ทวนทองเริ่มแผดเสียงเมื่อแผนเจรจาทำท่าจะล่ม
“เหอะ...เกิดเป็นลูกหมาดีกว่าเกิดเป็นลูกคน” เด็กสาวเถียงอย่างไม่กลัวโดนตีโดนตบเพราะเธอหลบทันเสมอ พ่อเธอมีนิสัยโกรธง่ายหายเร็วหนีไปตั้งหลักสักครึ่งวันแล้วค่อยกลับเข้าบ้านตอนเย็นๆ
“เอ็งจะไปไหน” เสี่ยเมฆาสั่งให้เขาคอยติดตามความเคลื่อนไหวของมะลุลีไม่ให้คลาดสายตา
“บ้านพี่ผู้ใหญ่” เธอมักจะไปขลุกอยู่กับบุษบาเสมอยามเมื่อหญิงสาวลงมาจากกรุงเทพนานๆครั้งจึงจะชวนกันไปหาปิ่นนภัสเพราะรำคาญธีธิรักษ์ที่เป็นโรคติดภรรยาจนไม่มีเวลาให้เพื่อนๆ
“แล้วเรื่องเสี่ยเอ็งว่าไง” ทวนทองเข้าไปยืนขวางไว้จะเอาคำตอบให้ได้
“พ่อก็แต่งเสียเองสิ” แค่นี้ยังเล็กน้อยถ้าเป็นเมื่อก่อนมะลุลีจะแรงกว่านี้เป็นเพราะเมฆาได้ขอร้องให้ปิ่นนภัสกับบุษบาคอยอบรมสั่งสอนทำให้ความหยาบกระด้างในตัวเด็กสาวลดลงแต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง
“อีนังลูกบ้า”