บทนำ
คุณค่าของความเป็นคน
ไม่ได้วัดกันตรงที่ชาติกำเนิดเสมอไป
“หนูอยู่ที่นี่นะลูก… อยู่กับคุณปู่”
เสียงของมารดาเอ่ยกับบุตรสาวตัวน้อย เด็กหญิงมองตรงไปยังเบื้องหน้าพบภาพสวยงามราวกับมีจิตกรฝีมือเยี่ยมบรรจงสร้างให้บังเกิด เรือนทรงสูงสีขาวช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เห็นทีคงไม่ใช่บ้านเรือนไทยอย่างที่เคยอยู่ สิ่งที่ปรากฏช่างตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กสาวนัก ให้ความรู้สึกเสมือนล่องลอยอยู่บนสวรรค์ หากปลายเท้าเล็กไม่ได้ติดแนบชิดกับพื้นดินล่ะก็ คงเพ้อละเมอได้พบพานเทวดานางฟ้าเป็นแน่
ความคิดของเด็กสาวเตลิดไปไกล…
“ที่นี่เป็นบ้านของคุณปู่ของลูก” เสียงของมารดาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวขมวดคิ้วฉงน
“คุณปู่หรือคะ?” น้ำเสียงเล็กใสเจื้อยแจ้ว
“ใช่ลูก คุณปู่” มารดาย้ำอีกครา ใบหน้าสวยหวานส่งรอยยิ้มละไม ก่อนจะจูงมือเล็กป้อมให้เดินตามตนไปยังด้านใน
สวนดอกไม้ส่งกลิ่นหอมราวกับรอคอยการมาเยือนของบุคคลทั้งสอง เด็กสาวที่ชื่นชอบในธรรมชาติเป็นพิเศษถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นความตระการตาตรงหน้า เหล่าผีเสื้อและแมลงตัวน้อยต่างพากันบินว่อนร่อนลมดอมดมกลีบดอกไม้สีสวยสดใส ใจอยากจะวิ่งไล่จับกับพวกมันเสียจริง ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มีกิจสำคัญกำลังรออยู่ เด็กสาวแม้จะวัยละอ่อนนักหากก็รู้ความว่าอะไรเหมาะอะไรควร ด้วยว่ามารดาอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีถึงหลักการใช้ชีวิตและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น แม้กายจะน้อยนักทว่าหัวใจกลับยิ่งใหญ่กว่าผู้ใหญ่บางคนซะอีก
“คุณแม่ขาสวยจังเลยค่ะ”
มือเล็กป้อมเด็ดดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์หนึ่งดอกอย่างอดใจไม่ไหว พลันเสียงดังกัมปนาทก็ดังขึ้นท่ามกลางความครึ้มใจของเด็กสาว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ด้วยความตกใจดอกกุหลาบแสนสวยหลุดร่วงหล่นตกลงสู่พื้นหญ้าเขียวขจี ดวงตากลมโตหวาดหวั่นยามบุคคลตรงหน้าสาวเท้าเข้ามาหา ใบหน้าสวยลออทว่าดุดันจ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาไม่เป็นมิตร ใช่… เธอรู้สึกได้
“กล้าดียังไงมาเที่ยวเด็ดดอกไม้ในบ้านของคนอื่น” ถ้อยคำติเตียนดังขึ้นต่อเนื่อง มองหญิงมากด้วยวัยวุฒิที่จูงลูกน้อยแล้วยิ้มเหยียด
“นี่คงจะเป็นแม่อำไพภรรยาของคุณพี่วศันต์ใช่ไหม?” หล่อนเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” มารดาของเด็กสาวตอบเสียงเรียบ แววตานั้นไม่กล้าจดจ้องสตรีผู้สูงศักดิ์นานนัก ด้วยท่าทางเห็นทีคงมีอำนาจไม่น้อยในบ้านหลังนี้
“ฉันเป็นภรรยาของคุณวศิน พี่ชายของผัวเธอ!”
หญิงมากด้วยความงามเป็นฝ่ายแนะนำตัวแก่บุคคลทั้งสอง หางตานั้นหนามองคู่แม่ลูกอย่างเดียดฉันท์ ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของพี่เขย หล่อนคงได้ตะเพิดเสียให้ เกลียดนักพวกไพร่ชั้นต่ำริอยากจะชุบตัวเป็นผู้ดี
กิติศัพท์ของนางผู้นี้เธอเองก็รู้มามิใช่น้อย…
“แล้วเด็กนี่ใคร” ปรายหางตามองดวงหน้าเล็ก
“ลูกสาวของดิฉันเองค่ะ” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ
“ลูกสาวงั้นหรือ?”
ย้อนถามเสียงหยัน กอดอกมองเด็กหญิงตัวน้อยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่งกายหรือก็ไม่น่ามอง เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นเก่านัก
แบบนี้คงต้องระวังไม่ให้ลูกหญิงของเธอมาเกลือกกลั้วกับคนพรรณนี้!
“ค่ะ ดิฉันมาหาคุณพ่อ”
มารดาเด็กหญิงเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าคงความสวยสดไม่แปรเปลี่ยน แม้จะมีชีวิตลำบากตรากตรำ ทว่าผิวเนื้อเจ้าหล่อนนั้นกลับขาวผุดผ่องราวกับผู้รากมากดี
“ท่านไม่อยู่!” หญิงสาวแต่งกายดูดีเอ่ยเสียงเข้ม เริ่มร้อนรนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้ยินว่าอาคันตุกะต้องการพบประมุขของบ้าน
“แต่ท่านให้คนมารับดิฉันกับลูกมาที่นี่”
“คงมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ไม่มีทางที่คุณพ่อจะให้เธอกับลูกมาเหยียบที่นี่” ถ้อยคำดูแคลนจนคนฟังเจ็บแปลบ
ความรู้สึกนี้มาอีกแล้ว… ความรู้สึกของการถูกเหยียดหยาม!
“คงจะเป็นคุณกระมังคะที่เข้าใจผิด ท่านเป็นคนให้คนไปรับดิฉันและลูกมาที่นี่” มารดาเด็กหญิงย้อนแย้ง ซึ่งเธอไม่เคยทำกิริยาแบบนี้กับผู้ใดมาก่อน
ท่าทางแข็งกร้าวของเธอทำคนฟังเดือดดาลเป็นที่สุด
“ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้ ออกไป!” ชี้นิ้วไล่สองแม่ลูก
เด็กหญิงตัวน้อยน้ำตาคลอเมื่อเจอเสียงตะหวาดกร้าวของผู้ใหญ่ ร่างเล็กป้อมรีบหลบหลังมารดาตามสัญชาตญาณ แววตาหวาดหวั่นนักเมื่อคนตรงหน้ามองตัวราวกับเกลียดชัง
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าหวานน่ารัก…
“มีเรื่องอะไรกัน!”
น้ำเสียงคมเข้มทว่าหนักแน่นดังขึ้นสยบทุกความขัดแย้ง ทั้งสามหันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินใกล้เข้ามา แววตานั้นดุดันสมชายชาติทหาร ร่างสูงบึกบึนแม้จะมีวัยค่อนข้างมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเกรงขามลดน้อยลง
ดวงตาอ่อนโยนยามทอดมองผู้มาเยือนตัวน้อยที่ยืนเคียงข้างมารดาอย่างกล้าๆ กลัวๆ รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปาก
“นั่นลูกของเจ้าวศันต์ใช่ไหม?”
ขออนุญาตฝากแฟนเพจนิยายด้วยนะคะ ไปกดถูกใจกันเยอะๆ น้า