นางรอง (The Shadows)
วรรณกรรมผู้ใหญ่
นางรอง (The Shadows)
วรรณกรรมผู้ใหญ่
เฌอรามิล
เนื้อทองเป็นกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ พออายุได้สามขวบพ่อก็พาเข้ามาทำงานที่ไร่ของนายจ้างเก่าซึ่งผันตัวเองจากผู้รับเหมามาทำปลูกผลไม้ปลูกพืชเกตษรส่งออก เด็กสาวถูกเลี้ยงดูโดยผู้ชายตัวโตๆ ก็คือพ่อเพียงลำพัง ได้รับความเมตตาจาก 'นายใหญ่' และ 'นายผู้หญิง' เป็นอย่างดีเพราะเป็นเด็กฉลาด ช่างพูด พออายุได้หกขวบเจ้าของไร่ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ อัศเวทย์หรือนายแทนลูกชายคนเดียวจึงต้องกลับมาจากเมืองนอกกลางคันทั้งที่ยังเรียนไม่จบเพื่อสานต่อความตั้งใจของบิดามารดา ดูแลไร่แห่งนี้ในฐานะเจ้าของไร่คนใหม่อย่างเต็มตัว เนื้อทองเติบโตมาท่ามกลางสังคมของชาวไร่ชาวสวนที่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ หล่อนจึงไม่ใคร่เรียบร้อยนัก กะโหลกแก่นแก้ว แต่ก็มีความอดทนสูงเหมือนพ่อ หล่อนเรียนรู้ทุกอย่างมาจากผู้ให้กำเนิด จนกระทั่งเมื่ออายุได้สิบสองปี พ่อก็พาหล่อนระหกระเหินไปยังถิ่นฐานอื่นอีกครั้ง เนื้อทองไม่อยากจากไร่ ไม่อยากจากทุกคนที่หล่อนรักไปเลย แต่ก็จำใจต้องตามบิดาที่มีเหตุผลส่วนตัวในการจากไปหนนั้น แต่แล้วหกปีต่อมา 'นายแทน' ก็ตามหาตัวหล่อนและพ่อให้กลับมาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าคนงานอีกครั้ง ...พ่อก็ยอมเพื่ออนาคตของหล่อน กลับมาคราวนี้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป นายแทนแต่งงานกับอดีตพยาบาลสาวสวยชื่อพี่หม่อน พี่สาวใจดีที่นิสัยต่างจากนายราวฟ้ากับเหว พี่หม่อน...คือนางฟ้าแสนดีสำหรับเนื้อทอง แต่พี่หม่อนสุขภาพไม่ค่อยดีนายจึงหวงและเป็นห่วงมาก นายรักพี่หม่อน พี่หม่อนก็รักนาย ส่วนเนื้อทอง...เป็นเด็กที่สร้างแต่ความรำคาญหูรำคาญตาให้นายอยู่เสมอจนถูกดุอยู่ร่ำไป แต่ก็ได้พี่หม่อนคอยปกป้องเสมอ การมีพี่หม่อนเป็นช่วงชีวิตที่เนื้อทองรู้สึกมีความสุขที่สุด แต่ความสุขสำหรับหล่อนมันไม่เคยยั่งยืน วันหนึ่งพี่หม่อนก็จากไป...พร้อมๆ กับความเกลียดชังของนายแทนที่มีต่อหล่อนก็ได้ก่อตัวขึ้น เขาพร้อมที่จะทำลายหล่อนเพื่อบรรเทาความคับแค้นในใจอยู่ทุกเวลา...
  • 7 ตอน
  • 3,988
นิยายโดย
  • 39 คนติดตาม
บทนำ

“ไปทางนั้นเร็ว! พวกมันอยู่ตรงนั้น!” เสียงทุ้มตะโกนก้องเพื่อบอกกล่าวแก่คนอื่นๆ ที่กำลังตามหลังมา ในขณะที่ตัวเขาเองนั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่แล้วเร่งควบด้วยความรีบร้อน

เสียงฝีเท้าของม้า...เสียงตะโกนดังโหวกเหวกไปทั่วทั้งผืนไร่ตรงส่วนที่ปลูกแก้วมังกร กลุ่มคนสองกลุ่มกำลังไล่ล่าห้ำหั่นกันอย่างไม่ยอมลดละในช่วงเวลาโพล้เพล้เต็มทีของวันหนึ่งในฤดูร้อน

ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนใช้รถกระบะในการบุกรุกที่ดินเพื่อก่อเหตุร้าย และกำลังหนีสุดชีวิตให้พ้นจากอานาเขตของ อัศเวทย์...ชายหนุ่มเจ้าของไร่ที่ไหวตัวทันและยกกำลังพลตามหลังมาติดๆ เครื่องยนต์จากกลไกที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้ช่วยให้ผู้บุกรุกขับเคลื่อนไปได้เร็วกว่าสัตว์พาหนะอย่างม้าที่กำลังโตเต็มไวได้ บวกกับพื้นที่ซึ่งผู้เป็นเจ้าของย่อมจะได้เปรียบเหนือกว่า

“คุณแทน! ผมไม่เห็นเนื้อทองแล้ว ลูกสาวผมหายไปไหน!” ม้าหนุ่มตัวสีขาวมีคนงานวัยกลางคนควบคู่ขึ้นมาแล้วตะโกนถามผู้เป็นนายด้วยความกังวล

“คงอยู่ในรถ...พี่ปราชพาลูกน้องสักสองสามคนไปอีกทางแล้วดักหน้าพวกมันไว้จะง่ายกว่า นี่ก็ใกล้มืดเต็มที ขืนปล่อยให้พวกมันหนีพ้นเขตเราได้จะยุ่งกันไปใหญ่” ชายหนุ่มร่างสูงกำยำภายใต้เสื้อผ้าชุดทำงานบอกกับหัวหน้าคนงาน แล้วใช้แส้ตีม้าของตนให้เร่งฝีเท้านำหน้าห่างทุกคนไปด้วยความรวดเร็ว

“ไอ้ก้อง! ไอ้เกริก! ไอ้ชัยตามกูมา!” ปราชหรือณปราชหันไปเรียกลูกน้องที่เหลือแล้วควบม้าเปลี่ยนเส้นทาง ลัดเลาะไปตามร่องสวนแก้วมังกรที่ขยายกิ่งก้านพันรอบเสาหลักยึดให้ต้นไม้ได้เกาะเกี่ยว หัวใจของผู้เป็นพ่อร้อนรุ่มยิ่งกว่าถูกสุมไฟ เมื่อลูกสาวคนเดียวถูกโจรที่เข้ามาขโมยของจับไปเป็นตัวประกัน

“เนื้อทองลูกพ่อ...อย่าเป็นอะไรนะลูก”


แรงกระแทกในยามรถแล่นไปด้วยความเร็วสูงทำให้ร่างเล็กถูกเหวี่ยงโคลงเคลง หล่อนรู้สึกปวดหนึบตรงขมับและเคลื่อนเหียนเต็มที แต่เด็กน้อยก็จำต้องอดทนไม่โวยวายเพราะความกลัวสุดหัวใจ สองมือเล็กถูกมัดรวบไว้ด้วยด้านหน้าด้วยเชือกนอนงอตัวอยู่ตรงเบาะหลังโดยมีผู้ชายร่างใหญ่นั่งคุมเชิงอยู่ อีกคนที่นั่งเบาะหน้าข้างๆ คนขับ แต่ข้างหลังกระบะยังมีอีกสี่ห้าคนด้วยกัน

“นั่งนิ่งๆ สิวะเดี๋ยวกูจับโยนลงจากรถซะนี่” เสียงของชายร่างใหญ่ข้างๆ ขู่ เด็กสาววัยแปดขวบที่ขดตัวงอหลังติดเบาะอยู่ตรงมุมน้ำตาไหลเป็นทาง ไม่กล้ามองหน้าเจ้าของน้ำเสียงอันโหดเหี้ยมนั้นเท่าไหร่นัก

“ใกล้จะพ้นเขตไร่ไอ้แทนแล้ว...อีหนูนี่ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกัน” คนขับหัวเราะร่วน พลางเอียงหน้าใช้หางตามองหล่อนด้วยความกักขฬะ ตัวประกันสั่นงก...ความรู้สึกของหล่อนคงเกินกว่าคำว่าหวาดกลัวไปหลายขุม

“เอาจริงๆ กูก็ไม่อยากโยนมันลงไปตายบนถนนหรอกว่ะ...มึงดูสิโตมาท่าจะสวย เอาไปขายชายแดนน่าจะได้หลายบาท“

“...” น้ำเสียงสองพวกมัน แววตากักขฬะ ยิ่งทำให้เด็กสาวตัวสั่นด้วยความกลัว ตั้งแต่แรกพบตัวหล่อนแล้วจับมา พวกโจรถ่อยไม่มีความรู้สึกเมตตาอาทรดั่งเช่นที่ปุตุชนควรมีแม้แต่น้อย เหมือนกับสัตว์ที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก หากพ้นอานาเขตนี้ไปและไม่มีใครตามมาทัน เท่ากับว่าหล่อนอาจไม่รอดเงื้อมมือมัจจุราชต่ำช้าเหล่านี้ได้เลย...