วิวาห์ฉบับร้าย
ดราม่าน้ำตาริน
วิวาห์ฉบับร้าย
ดราม่าน้ำตาริน
กรงแก้ว
“คงสมใจคุณแล้วสินะ” ปากหนาเอ่ยวาจาแสนเรียบแต่ให้ความรู้สึกเย็นชา เมื่อมองผ่านใบหน้าอันหล่อเหลา ปรารถนายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นยืนตอบอย่างไม่ยี่หระว่า “ถ้าคุณกำลังหมายถึงใบทะเบียนสมรสนั่น ฉันขอบอกว่าสมใจฉันมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” แววตาเย้ยหยันส่งมาให้เขา ดรณ์เห็นแล้วอารมณ์เสียขบกรามแน่นแล้วพูดน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เด็กในท้องคงจะภูมิใจมาก ถ้ารู้ว่าแม่ของแกหาคนให้มารับผิดชอบเป็นพ่อด้วยวิธีจ่ายเงินซื้อตัวมา” “ก็คงไม่แปลกเพราะในเมื่อคนที่ซื้อตัวมา...ยอมขาย” ปรารถนาเน้นคำสุดท้าย ดรณ์หน้าร้อนราวกับเลือดขึ้นหัวย่างเท้ามาไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวหญิงสาว เผลอฉุดแขนเรียวแล้วดึงเข้าหาตัว ปรารถนานิวหน้าคิ้วขมวดด้วยความเจ็บแต่ก็ยังเงียบไม่ปริปากพูดออกไป ซ้ำยังจ้องหน้าดรณ์อย่างท้าทาย “ผมไม่ได้ยินยอมแต่เป็นเพราะคุณ คุณวางกับดักเอาไว้ ทำทุกทางให้ผมไม่มีทางเลือก จนผมต้องยอมแต่งงานกับคุณ” “แล้วยังไงล่ะ เงินก็เอาไปแล้ว สัญญาก็ได้เซ็นกันอย่างถูกต้องมีพยานรู้เห็นกันทั้งสองฝ่าย คุณได้ทุกอย่างกลับคืนมาส่วนฉันก็ได้พ่อของลูก มันก็ลงตัวแล้วนี่”ปรารถนาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านถึงแววตาดุดันที่ส่งมา เธอไม่ได้กลัวเพราะถ้ากลัวก็คงไม่ตัดสินใจทำแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าหม่อมหลวงดรณ์ อดิสรวงศ์ ณ อยุธยา เกลียดเธอมากแค่ไหน “ได้ คุณชนะ ผมมันโง่เองที่หลงคิดว่าคุณจะเป็นคนดี คิดว่าครอบครัวที่ดูอบอุ่นแบบนั้นจะขัดเกลาให้คุณเป็นคนที่มีจิตเมตตาและไม่เห็นแก่ตัวแต่ผมคิดผิด ผมผิดเองที่ตามเล่ห์เหลี่ยมของคุณไม่ทัน แต่ให้รู้ไว้อย่างว่าคุณใช้เงินซื้อความเป็นสามีและพ่อของลูกคุณได้แต่คุณไม่สามารถซื้อความรักจากผมได้” ดรณ์ปล่อยแขนปรารถนาทันทีที่พูดจบ ท่าทางที่เขาแสดงต่อเธอมีแต่ความขยะแขยงซึ่งปรารถนาก็สัมผัสได้ ดรณ์หันหลังจะเดินจากแต่สะดุดตรงคำพูดประโยคหนึ่งของหญิงสาว “ในเมื่อฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว อย่างอื่นฉันก็ไม่ต้องการ เพราะฉะนั้น วางใจได้ ฉันจะไม่มีวันยอมเสียเงินซื้อความรักจากคุณอีกแน่นอน” ปรารถนาเชิดหน้าตอบยังมีอารมณ์ยั่วโมโหในตอนท้าย ดรณ์หันหน้ามามองเห็นความเย่อหยิ่งในตัวเธอ ยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นไปอีก ทั้งร้ายกาจ ทั้งเจ้าเล่ห์ ไม่เคยพานพบผู้หญิงคนไหนที่จะเป็นเหมือนเธอมาก่อน หากย้อนเวลากลับไปได้ เขายอมกลายเป็นคนอกตัญญูที่จะปฏิเสธเซ็นสัญญากู้ฉบับนั้นและยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่จะเดินออกไปจากความเป็นอดิสรวงศ์
  • 2 ตอน
  • 830
นิยายโดย
  • 1 คนติดตาม
  • Tag
  • #
บทนำ

ห้องนอนในคฤหาสน์สุดหรูถูกจัดให้เป็นห้องหอของคู่บ่าวสาว หลังการอวยพรเสร็จสิ้นพร้อมกับประตูห้องที่ปิดสนิทลงอย่างเบามือโดยคนในชุดสูทสีขาวดูสง่า ‘หม่อมหลวงดรณ์ อดิสรวงศ์ณ อยุธยา’ เขาคือเจ้าของวิมานแห่งนี้ ดวงตาคู่คมมองนิ่งไปที่ผู้หญิงร่างเล็ก คนที่ชายหนุ่มเพิ่งได้จดทะเบียนสมรสไปหมาดๆ หรือแปลอีกความหมายหนึ่งก็คือ เธอผู้นี้คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ได้มาโดยปราศจากความรักแต่ทุกอย่างก็ดำเนินการมาจนถึงวินาทีนี้

วินาทีที่เกียรติยศและศักดิ์ศรีของเขาไม่เหลือให้น่าภาคภูมิใจอีก

‘ปรารถนาบุญรักษา’ ผู้หญิงที่สาวๆ ในงานต่างพากันอิจฉาเพราะเธอได้กลายมาเป็นสะใภ้จ้าวแห่งวังอดิสรวงค์ แต่ภายใต้ความอิจฉาเหล่านั้นใครจะรู้ว่า กว่าหญิงสาวจะมาถึงจุดนี้ได้มันต้องแลกกับอะไรมาบ้าง...

เม็ดฝนตกกระทบหลังคาเสียงดังเป๊าะแป๊ะ บอกเป็นนัยว่าคืนนี้ฝนอาจไม่ยอมหยุดลงโดยง่าย ดรณ์ยืนนิ่งที่หน้าต่างบานใหญ่ มองสายฝนที่ตกหนักผ่านกระจกบานนั้นที่เปิดแง้มออกมาก่อนจะปิดมันลงด้วยความรู้สึกหดหู่

ขณะที่ความเฉยชาของเขา ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกในสายตาของปรารถนา เธอนั่งอยู่ที่ปลายเตียงกับความคิดมากมายที่วนเวียนเข้ามาอยู่ในหัว มีบางอย่างกำลังขัดแย้งกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำลงไป

ความเงียบทำให้ดรณ์ต้องหันมามอง และเป็นจังหวะเดียวที่อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมามองเช่นกัน ในวินาทีนั้น ความเกลียดชังได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

“คงสมใจคุณแล้วสินะ”

ปากหนาเอ่ยวาจาแสนเรียบ แต่ให้ความรู้สึกเย็นชาเมื่อมองผ่านใบหน้าอันหล่อเหลา ปรารถนายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นยืนตอบอย่างไม่ยี่หระว่า

“ถ้าคุณกำลังหมายถึงใบทะเบียนสมรสนั่น ฉันขอบอกว่าสมใจฉันมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” แววตาเย้ยหยันส่งมาให้เขา ดรณ์เห็นแล้วอารมณ์เสียขบกรามแน่นแล้วพูดน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“เด็กในท้องคงจะภูมิใจมาก ถ้ารู้ว่าแม่ของแกหาคนให้มารับผิดชอบเป็นพ่อด้วยวิธีจ่ายเงินซื้อตัวมา”

“ก็คงไม่แปลกเพราะในเมื่อคนที่ซื้อตัวมา...ยอมขาย” ปรารถนาเน้นคำสุดท้าย ดรณ์หน้าร้อนราวกับเลือดขึ้นหัวย่างเท้ามาไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวหญิงสาว เผลอฉุดแขนเรียวแล้วดึงเข้าหาตัว

ปรารถนานิวหน้าคิ้วขมวดด้วยความเจ็บแต่ก็ยังเงียบไม่ปริปากพูดออกไป ซ้ำยังจ้องหน้าดรณ์อย่างท้าทาย

“ผมไม่ได้ยินยอมแต่เป็นเพราะคุณ คุณวางกับดักเอาไว้ ทำทุกทางให้ผมไม่มีทางเลือก จนผมต้องยอมแต่งงานกับคุณ”

“แล้วยังไงล่ะ เงินก็เอาไปแล้ว สัญญาก็ได้เซ็นกันอย่างถูกต้องมีพยานรู้เห็นกันทั้งสองฝ่าย คุณได้ทุกอย่างกลับคืนมาส่วนฉันก็ได้พ่อของลูก มันก็ลงตัวแล้วนี่”ปรารถนาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านถึงแววตาดุดันที่ส่งมา เธอไม่ได้กลัวเพราะถ้ากลัวก็คงไม่ตัดสินใจทำแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าหม่อมหลวงดรณ์ อดิสรวงศ์ ณ อยุธยา เกลียดเธอมากแค่ไหน

“ได้ คุณชนะ ผมมันโง่เองที่หลงคิดว่าคุณจะเป็นคนดี คิดว่าครอบครัวที่ดูอบอุ่นแบบนั้นจะขัดเกลาให้คุณเป็นคนที่มีจิตเมตตาและไม่เห็นแก่ตัวแต่ผมคิดผิด ผมผิดเองที่ตามเล่ห์เหลี่ยมของคุณไม่ทัน แต่ให้รู้ไว้อย่างว่าคุณใช้เงินซื้อความเป็นสามีและพ่อของลูกคุณได้แต่คุณไม่สามารถซื้อความรักจากผมได้” ดรณ์ปล่อยแขนปรารถนาทันทีที่พูดจบ ท่าทางที่เขาแสดงต่อเธอมีแต่ความขยะแขยงซึ่งปรารถนาก็สัมผัสได้ ดรณ์หันหลังจะเดินจากแต่สะดุดตรงคำพูดประโยคหนึ่งของหญิงสาว

“ในเมื่อฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว อย่างอื่นฉันก็ไม่ต้องการ เพราะฉะนั้น วางใจได้ ฉันจะไม่มีวันยอมเสียเงินซื้อความรักจากคุณอีกแน่นอน” ปรารถนาเชิดหน้าตอบยังมีอารมณ์ยั่วโมโหในตอนท้าย

ดรณ์หันหน้ามามองเห็นความเย่อหยิ่งในตัวเธอ ยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นไปอีก ทั้งร้ายกาจ ทั้งเจ้าเล่ห์ ไม่เคยพานพบผู้หญิงคนไหนที่จะเป็นเหมือนเธอมาก่อน หากย้อนเวลากลับไปได้ เขายอมกลายเป็นคนอกตัญญูที่จะปฏิเสธเซ็นสัญญากู้ฉบับนั้นและยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่จะเดินออกไปจากความเป็นอดิสรวงศ์

ที่ศาลาบ้านไม้ทรงไทย อดิศรกำลังยืนกอดอกมองท้องฟ้า เพราะเรื่องของปรารถนาผู้เป็นลูกสาวทำให้คืนนี้ท่านนอนไม่หลับ กังวลอยู่หลายเรื่องจนตอนนี้เกิดความเป็นห่วงด้วยรู้นิสัยของลูกสาวดี ปราณีเดินมาหาเพราะเห็นสามียืนพิงที่เสาในศาลาอยู่นานแล้ว บวกกับเวลานี้ก็ดึกมากจึงเป็นห่วงตามมาถามไถ่

“พี่ศร”

อดิศรหันมามองแล้วยิ้มให้ภรรยาก่อนจะเดินมาโอบไหล่ แล้วพากันมานั่งที่เก้าอี้ไม้ในศาลาตัวเดิม

“วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ฉะนั้นเวลานี้พี่ศรควรพักผ่อนให้มากๆ นะจ๊ะ”

“ผมนอนไม่หลับเป็นห่วงยัยนา คุณปราณ การตัดสินใจของผมในตอนนั้นถูกต้องแล้วใช่ไหม”อดิศรถามสีหน้าเป็นกังวล ปราณีหยิบมือสามีมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลายตอบอย่างปลงใจว่า

“พี่ศรอย่าคิดมากเลยจ๊ะ ทุกอย่างมันเป็นความต้องการของยัยนา ฉะนั้น หากจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูก เราก็ได้แต่ตั้งหน้ายอมรับกับสิ่งที่มันจะเกิด ต่อให้เรื่องมันจะเลวร้ายหรือแย่ลงไปกว่านี้ เราในฐานะพ่อและแม่ก็จะไม่ปล่อยให้ลูกต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ศรอย่าเพิ่งคิดอะไรไปเลย เดี๋ยวจะพลอยกระทบถึงสุขภาพไปอีก”

อดิศรดึงภรรยามากอดไว้ ปราณีกอดสามีตอบถึงกายจะอุ่นแต่หากหัวใจของทั้งสองตอนนี้กลับร้อนเป็นไฟเพราะความเป็นห่วงลูกสาว

ณ ผับชื่อดังแห่งหนึ่งในกุรงเทพมหานคร นิตยามาตามคำบอกเล่าของพนักงานในร้านที่เธอเพิ่งวางสายไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ด้วยเรื่องที่มนัสเพื่อนของเธอมานั่งดื่มเหล้าจนเมาหนักแล้วมีการทะเลาะวิวาทกับลูกค้าในร้านเกิดขึ้น ผู้จัดการที่นั่นจึงโทรมาหาเธอเพราะเห็นเป็นเบอร์แรกที่ขึ้นโชว์ ส่วนตัวไม่ได้อยากมาแต่เพราะกลัวเพื่อนจะตกเป็นข่าว ด้วยไม่ใช่คนธรรมดาแต่เคยเป็นถึงอดีตดาราดังที่ผันตัวเองมาเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ใหญ่ และที่สำคัญเธอไม่ไว้ใจในความบ้าของมนัส หากปล่อยไว้แบบนี้มีหวังคืนนี้คงได้ไปนอนสงบสติอารมณ์ในตารางแน่

ที่เก้าอี้โซนวีไอพี มนัสนั่งแหกปากขอเหล้าเพิ่มแต่ไม่มีใครเอามาเสิร์ฟให้สักคน บริเวณนั้นมีพนักงานสองสามคนยืนดูอยู่เพราะกลัวจะไปสร้างความเดือดร้อนให้แขกรายอื่นอีก นิตยามาถึงเห็นสภาพถึงกับอ่อนใจหันมายื่นเงินให้พนักงานพร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณก่อนจะให้ไปทำงานตามอัธยาศัย บอกคนทางนี้เธอจะจัดการต่อเอง

“จะหายบ้าได้หรือยัง”

เสียงนั้นแข็งกร้าวดุดันมีแววตำหนิในน้ำเสียง มนัสหน้าแดงเพราะฤทธิ์เหล้าเงยหน้ามองแล้วหัวเราะในลำคอ ชี้นิ้วใส่หน้าปากก็เรียกชื่อเพื่อน

“อ้าว ไอ้นิตย์สาวแกร่ง คนคุ้นเคยนี่เอง”

นิตยายืนกอดอกมองสภาพเพื่อนด้วยความสมเพช เสียงมนัสเรียกพนักงานให้เสิร์ฟเหล้าดังขึ้นอีกครั้งและคราวนี้ก็ดังถี่ยิบจนนิตยาออกอาการรำคาญ รินน้ำใส่แก้วแล้วรดใส่หัวอย่างเหลืออด มนัสดิ้นโวยวายจ้องหน้าเพื่อนเอาเรื่อง

“ไอ้นิตย์ แกทำอะไรของแกเนี่ย”

“ก็ไล่หมาออกไปจากตัวแกไง ดูสภาพแกตอนนี้สิยิ่งกว่าหมาจรจัด ทำไมทำตัวแย่อย่างงี้ว่ะ” นิตยาถามเสียงแข็ง ไม่ชอบใจที่มนัสเป็นแบบนี้

“ทอมอย่างแกไม่เข้าใจหรอก เพราะแกไม่เคยมีความรัก ฉันรักนา รักมาโดยตลอด รักมาก่อนไอ้วิทย์นั่นซะอีก แต่นาก็ไม่เคยมองฉันเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน...ฮึ” มนัสพึมพำแล้วร้องไห้สักพักทำท่าจะอาเจียนออกมา นิตยารีบเอาถังใส่น้ำแข็งยื่นให้แต่มนัสปัดจนถังร่วงตกพื้น จากนั้นก็อาเจียนใส่ที่นั่งจนเปื้อนไปถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่มา

“เฮ้ย...ย...ย ไอ้นัด” นิตยายกมือขึ้นกุมขมับ มองสภาพเพื่อนตอนนี้ไม่ต่างจากหมาขี้เรื้อน หญิงสาวนั่งยองๆ สะกิดไหล่หนา มนัสเอามือขึ้นปัดขยับตัวไปมาบนโซฟาปากก็ส่งเสียงเรียกหาแต่ปรารถนาจนคนที่อยู่ฟังอ่อนใจเพราะไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง

“ไอ้นัด ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าแกชอบนาแต่ในเมื่อฝ่ายหญิงแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็ควรจะตัดใจสิ อย่างน้อยๆ ก็ยังเหลือความเป็นเพื่อน แต่นี่ดูแกสิ กลับทำตัวให้แย่ลง ถ้านารู้ก็คงไม่สบายใจ” นิตยาว่าสักพักก็ได้ยินเสียงมนัสกรน เธอถึงกับถอนหายใจออกมา

ดรณ์กลับเข้ามาในวิมานนั้นอีกครั้งหลังตัดสินใจเดินออกจากห้องหอ แม้จะรู้ว่าธรรมเนียมของการเข้าหอคืนแรกบ่าวสาวไม่ควรก้าวเท้าพ้นจากประตูห้อง แต่ครั้งนี้มันสุดจะทน เพราะการต้องอยู่ร่วมห้องแย่งอากาศหายใจกับคนที่ไม่ชอบหน้านั้นช่างเป็นอะไรที่ค่อนข้างอึดอัดใจที่สุด

ภายในห้องเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาใช้สายตากวาดมองโดยรอบก่อนจะพบว่าที่โซฟาสีขาวมีปรารถนานอนอยู่ ความเหนื่อยอาจทำให้เธอเพลียจนหลับลงอย่างง่ายดาย ดรณ์สาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ พินิจมองใบหน้ารูปงามอย่างครุ่นคิด ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่แผงฤทธิ์เอาไว้มากมาย ความเจ้าเล่ห์เพอุบายทำให้เขาตกหลุมพรางที่เธอขุดรอเอาไว้จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคนที่เพียบพร้อมเช่นนี้ เหตุใดถึงได้ร้ายกาจนัก

สูทสีขาวถูกพาดไว้ที่เก้าอี้เครื่องแป้ง ส่วนเจ้าของนั้นเดินกลับมายืนนิ่งมองเจ้าสาวของเขาที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนโซฟา หากใจแข็งกว่านี้คงไม่สนใจและปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้นจนถึงเช้า แต่เพราะใจไม่แข็งพอที่จะทนดูอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ดรณ์โน้มตัวลงก่อนจะช้อนร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ สายตายังมองนิ่งที่ใบหน้าเรียวรูปไข่ พลอยนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แม้จะรู้ว่าเธอร้ายแต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายถึงขนาดคิดฆ่าคนได้

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าหัวใจของคุณทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้”