เสียงเครื่องยนต์รถกระบะรุ่นบุโรทั่งครางกระหึ่มกึกก้องไปทั่วบริเวณ ขณะวนลัดเลาะไต่ระดับขึ้นสู่เขาสูงอย่างไม่เร่งรีบ
ป่าไม้อุดมสมบูรณ์และงดงามตลอดสองข้างทาง ทำให้หนุ่มเมืองกรุงซึ่งนั่งอยู่ทางตอนหลังของรถรู้สึกสุขใจกับธรรมชาติอันร่มรื่นที่เพิ่งได้สัมผัสอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต
กวินทร์ทอดตามองความเขียวขจีสลับสีเหลืองส้มของต้นหมากรากไม้นานาพันธุ์ ที่ยอดใบเริ่มเปลี่ยนสีไปหมดแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหน้าหนาวกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
ลมพัดปะทะใบหน้าคมสันจนเย็น แก้มขาวซึ่งกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเนื่องจากเคยไปปักหลักอยู่เมืองชายทะเลมานานหลายเดือนเริ่มแสบนิดๆ กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่คิดสนใจ กลับเงยหน้าขึ้นโต้ลมแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเฮือกใหญ่
ชายหนุ่มยิ้มให้เจ้ากระรอกตัวจ้อยที่วิ่งไล่กวดกันบนกิ่งไม้อย่างสนุกสนาน เสียงนกกู่ร้องหากันเป็นทอดๆ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินใจยิ่งนัก
ใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่า...การซึมซับความงดงามระหว่างเส้นทางก่อนถึงจุดหมาย อาจทำให้หัวใจของเราอิ่มเอมได้ไม่น้อย...และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง
กวินทร์ดื่มด่ำบรรยากาศรอบตัว กระทั่งรถเลี้ยวโค้งแล้วค่อยๆ ชะลอความเร็วลง เมื่อมาถึงลานดินโล่งบนไหล่เขา ฟากหนึ่งของลานดินเป็นหน้าผายาวยื่นออกไป มีท่อนซุงขนาดสองคนโอบถูกผ่าครึ่งซีกตามแนวยาว ทำเป็นที่นั่งไว้ใต้ต้นสนขนาดใหญ่ ดูแล้วน่าจะเป็นจุดพักชมวิวที่งดงามไม่น้อยในยามพระอาทิตย์อัสดง
หลังจากรถกระบะจอดสนิท ชายคนขับวัยประมาณห้าสิบปี ทว่ากระฉับกระเฉง ลงจากรถแล้วเดินมาหาหนุ่มนักโบก พลางบอก
“ลุงส่งได้เท่านี้นะพ่อหนุ่ม ต้องรีบเอาหน่อไม้ไปส่งที่ตลาดในเมือง”
กวินทร์พยักหน้ารับ หยิบเป้ใบใหญ่ขึ้นสะพายไหล่แล้วกระโดดลงมายืนที่พื้น จากนั้นจึงยกมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณลุงมากนะครับที่มาส่ง ว่าแต่...อีกไกลไหมครับ กว่าจะถึงสถานีอนามัย”
“ต้องเดินขึ้นเนินไปอีกนิด โน่นแน่ะ เห็นหลังคาแหลมๆ โน่นไหม”
หนุ่มเมืองกรุงเงยหน้ามองตามมืออีกฝ่าย เห็นหลังคาบ้านคนอยู่ไกลลิบขึ้นไปบนเนินเขา คาดว่าใช้เวลาเดินไม่เกินสิบนาทีก็น่าจะถึง
“นั่นสถานีอนามัยใช่ไหมครับ” กวินทร์ถามด้วยความตื่นเต้น
“โอ๊ย...ยังไม่ถึงร้อก นั่นมันรีสอร์ตของยายแก้วสาย”
“อ้าว...”
“เอ่อ...เอาเป็นว่าพ่อหนุ่มขึ้นไปถึงรีสอร์ตแล้วลองถามทางคนที่นั่นดูเถอะ ไม่มีใครไม่รู้จักอนามัยหรอก ลุงต้องรีบไปก่อน โชคดีนะ” พูดจบก็โบกมือลา แล้วกลับขึ้นรถไปทันที
กวินทร์มองท่าทางร้อนรนแปลกๆ ของผู้สูงวัยด้วยความสงสัย อดคิดไม่ได้ว่าอีกนิดเดียวก็จะถึงรีสอร์ตอยู่แล้ว ทำไมลุงผู้นี้จึงไม่ไปส่งเขาให้ถึงที่ แต่ก็นั่นละ เท่าที่มาได้ไกลขนาดนี้ก็นับว่าเกินคาดแล้ว เดินต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป
หลังจากกระบะบุโรทั่งเลี้ยววนลงเขาลับตาไปแล้ว กวินทร์จึงกระชับเป้บนไหล่ ก่อนเหลียวมองจุดชมวิวอีกครั้ง
แม้ตอนนี้พระอาทิตย์จะยังไม่ตกดิน แต่ทัศนียภาพเบื้องหน้าซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้และขุนเขาสลับซับซ้อนก็งดงามยิ่งนัก
ยังก่อน...เขายังมีเวลาชื่นชมภาพเหล่านี้อีกนาน ตอนนี้ต้องหาสถานีอนามัยให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก ไม่อย่างนั้นอาจลำบาก เพราะเขามาอยู่แปลกที่แปลกทางอย่างนี้ แถมไม่รู้จักใครสักคน ไม่รู้ว่าจะต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง
กวินทร์ไม่ได้กลัวการเผชิญหน้ากับสิ่งแปลกใหม่ เพราะมันคือหนทางที่เขาเลือกเอง หวังว่าคราวนี้เขาคงหนีมาไกลพอที่ความวุ่นวายต่างๆ จะตามมาไม่ถึง
ชายหนุ่มคิดพลางยิ้มให้กับตัวเองด้วยความโล่งใจ
ชีวิตของนายแพทย์กวินทร์ เพชรพิสุทธิ์ กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ณ ที่นี้...
‘ม่อนเจ้าคำ’
*******************************
หมายเหตุ แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนการเรียกสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแล้ว แต่เพื่อให้ได้บรรยากาศจึงขอใช้คำว่า 'อนามัย' และ 'สถานีอนามัย' เหมือนเดิมนะคะ
หวังว่าเรื่องเก็บรักไว้ที่ปลายฟ้านี้จะทำให้ผู้อ่านมีความสุขนะคะ ใครอยากอ่านเต็มๆ โหลดจาก link ของ ebook ได้เลย