W0: ผมเป็นเพื่อนสนิทที่มีค่าแค่เป็นที่หลบภัย เมื่อเพื่อนมีงานดูตัว
" มาแล้ว!!!! สุดยอดเกมแห่งยุค ๆ มาร่วมผจญภัย และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมไปกับเรา เหล่าผู้ถูกเลือกเอ๋ย จงกล้าที่จะมากับเรา เพื่อก้าวข้ามทุกอย่างที่เคยเป็น มาเป็นคนพิเศษที่เหนือกว่าใคร ๆ ทุกอย่างอยู่ในมือของคุณแล้ว
ด้วย Re - Human เกมแห่งยุคที่จะพาคุณก้าวข้ามขีดจำกัดไป เปิดให้บริการแล้ววันนี้ มาร่วมเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดในตัวคุณ แล้วมาเป็นคนใหม่กับเรา "
เสียงโฆษณาเกมฟอร์มยักษ์แห่งปีประกาศขึ้นจอมอนิเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ท่ามกลางรถยนต์ไร้ล้อที่วิ่งไปมาอย่างไร้เสียง ชายหนุ่มในชุดกันหนาวอย่างหนา นั่งเหม่อมองภาพที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ บนจอนั้นอย่างเหม่อลอย เหมือนกับว่าเขากำลังรอคอยใครบางคน
หมอนั่นจะเล่นเกมนี้เป็นเพื่อนเราไหมนะ...
ท่ามกลางวุ่นวาย ณ จุตรัสกลางเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยคนหลายหมื่นคนที่เดินไปมา เสียงพูดคุย เสียงฝีเท้าต่างผสมปนเปกันไปหมด มันเป็นความวุ่นวายที่มีชีวิต แต่ทว่าทั้งที่บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แสนวุ่นวาย ทว่ารอบตัวของชายหนุ่มกลับดูเงียบงันอย่างน่าประหลาด
ไม่ใช่เสียงที่เงียบงัน แต่เป็นบรรยากาศที่เงียบงัน ราวกับตัวของชายหนุ่มได้ตัดขาดจากโลกรอบ ๆ ตัวเองโดยเด็ดขาด เหมือนไม่รับรู้สิ่งใดที่อยู่รอบตัว ซึ่งบรรยากาศนั้นเอง มันทำให้ชายหนุ่มโดดเด่นขึ้นมาจากผู้คนมากมายรอบตัว หลายคนมองมาที่เขาด้วยความสนใจ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ
ความเงียบสงบรอบกายของชายหนุ่มดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อยราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทว่านั่นมันก่อนที่ชายหนุ่มจะพบกับใครบางคนที่เขารออยู่ ทันทีที่ชายหนุ่มมองเห็นคนคนนั้นจากอีกฟากของถนน บรรยากาศเงียบงันเย็นชารอบ ๆ ตัวของชายหนุ่มก็แตกกระจายออก และแทนที่ด้วยบรรยากาศอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิทันที
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากม้านั่ง เขายืนขึ้นแล้วยกมือโบกให้อีกฝ่าย เพื่อให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นตัวเอง "วี ทางนี้" เขาเรียกอีกฝ่าย ขณะที่ วี หรือ ปฐวี เพื่อนสนิทมองมาที่เขาแล้วยกมือทักตอบ แล้วเดินข้ามทางม้าลายมาหา เมื่อสัญญาณไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว
"นายนัดฉันออกมากะทันหันมาก" ชายหนุ่มบ่นออกมา ขณะอ้าแขนรับตัวเพื่อนสนิทที่โถมตัวเข้าใส่ จนตัวของชายหนุ่มที่เล็กกว่าอีกฝ่ายมากโข เซไปด้านหลัง เขากอดอีกฝ่ายไว้ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ขณะผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย มันเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบ 1 ปี สำหรับอีกฝ่ายที่มีงานรัดตัว
"แต่นายก็มารอฉันก่อนเวลานัด" ปฐวียิ้ม ขณะมองมาที่ชายหนุ่มอย่างสำรวจ
"..." ชายหนุ่มยืนนิ่งให้อีกฝ่ายมองจนพอใจ แล้วรีบเปลี่ยนเข้าเรื่อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักจะมองเขานานเกินไปจนเขารู้สึกไม่สามารถสู้สายตาที่จ้องมองมานั้นได้แล้ว "แล้วคราวนี้มีอะไรอีกละ"
"แค่อยากเที่ยวด้วยไง" ปฐวีตอบด้วยท่าทางเหมือนชวนออกมาเที่ยวจริง ๆ แต่ขอโทษชายหนุ่มรู้จักอีกฝ่ายดีมาก จนสามารถเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายออก เพียงแค่มองหน้า
"หนีงานดูตัว"
"ฉันเกลียดนายชะมัด" ปฐวีทำปากยื่นใส่
ฉันก็เกลียดที่นายพูดแบบนี้กับฉันเหมือนกัน...
"..." ชายหนุ่มตอบกลับด้วยการกรอกตาใส่ ทั้งที่ในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยกับคำว่าเกลียดนั่น แม้ว่าความจริงชายหนุ่มจะรู้ว่า คำว่าเกลียดของเพื่อนสนิทนั้น ไม่ได้มีความจริงจังเลยซักส่วนเดียว
"ก็ใช่ ฉันหนีงานดูตัวมา ให้ตาย ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ที่บ้านจะยุ่งอะไรนักหนา กะอีแค่ฉันไม่มีแฟน" ปฐวีใช้มือยีหัวตัวเอง จนยุ่งไปหมด แล้วจบด้วยการถอนหายใจหนัก ๆ ทำท่าเหมือนกำลังเฉาตาย
"พวกเขาคงอยากให้นายเป็นฝั่งฝา" ชายหนุ่มพยายามหาข้อดี? มั้งนะ ให้กับเรื่องนี้ "นายลองเอาเด็กในคอลเลคชั่นนายไปหลอกพ่อแม่ดูสิ" เขาลองแนะนำดู ถึงแม้ในใจของชายหนุ่มเอง เขาอยากจะลองเสนอตัวเองดูก็ตาม
"บ้าเราะ พวกนั้นอยากจะเป็นเจ้าของฉันจนตัวสั่น" ชายหนุ่มโดนปฐวีค้อนเข้าให้ แน่นอนว่ามันไม่น่ารักหรอก "แบบนั้นก็เข้าทางพอดีสิ" ปฐวีปฏิเสธความคิดนั่นแบบเด็ดขาด
"งั้นก็หาคนที่จะจริงจังซะ" เขาเริ่มไม่อยากจะพูดเรื่องนี้แล้ว
"พูดเหมือนกับง่าย" ปฐวีถอนหายใจ
ชายหนุ่มก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปฐวี เพื่อนสนิทของเขาหนีงานดูตัวมาหาเขา และมันก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่มีแฟนจริง ๆ จัง ๆ ไปให้พ่อแม่ดูหน้า
"งั้นก็จบประเด็นนี้ซะ" แล้วชายหนุ่มก็เลือกที่จะตัดบทสนทนาทันที "ตอนนี้จะไปไหนกันดี" ชายหนุ่มองไปรอบ ๆ หาหัวข้อการสนทนาใหม่อย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นสายตาของ ปฐวีก็หยุดที่ร้านอาหารกลางวันเล็ก ๆ ร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล "ฉันหิว ของหาอะไรลงท้องก่อนแล้วกัน" พูดจบก็ออกเดินทันที ชายหนุ่มมองเพื่อนสนิทที่เดินนำไม่รอตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า
ให้ตายสิ... นายมันก็แบบนี้ทุกที...
ปฐวีพา เขามาร้านที่หมายตาไว้ เป็นร้านที่ขายอาหารกลางวันเป็นชุดเช็ตง่าย ๆ ทั้งสองต่างไม่เคยมาร้านนี้ เพื่อเซฟตัวเอง ทั้งสองเลยลองสั่งเมนูประจำวันดู ซึ่งหลังจากที่รอกันไปพักใหญ่ ๆ ก็อาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็ไม่พูดไม่จานั่งทานกันไปเงียบ ๆ
ชายหนุ่มเป็นคนทานไว เมื่อทานส่วนของตัวเองเสร็จแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร จึงเหม่อมองออกไปนอกร้านอีกครั้ง เพราะแม้ใจอยากจะมองเพื่อนสนิทของตัวเองทานข้าว แต่เดี๋ยวจะโดนว่าให้อีก สายตาของชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อย ๆ จากตรงนี้เขาเห็นประกาศโฆษณาของโรงพยาบาล ที่วิจัยรักษาผู้ป่วยเป็นเป็นโรค Sleeping Beauty Syndrome โดยใช้เทคโนโลยีการกระตุ้นคลื่นสมอง อยู่แวบ ๆ แล้วตัดไปเป็นประกาศเปิดตัวเกมใหม่อีกเกมหนึ่งอีกครั้ง
"แต่เมื่อกี้นายดูอะไร" ปฐวีเห็นว่า เพื่อนสนิทตัวเองค่อนข้างจะเงียบในวันนี้จึงเอ่ยทักขึ้นมา "ฉันเห็นนายเหม่อ"
ชายหนุ่มรั้งสายตากลับมา "เกมใหม่ เปิดตัวปีนี้ เห็นว่าแหวกเกมแบบเดิมไปเยอะเลย"
"หมายถึงเนื้อเรื่อง หรือระบบ" ปฐวีมองไปด้านนอกบ้าง แต่ตอนนี้หน้าจอนั้น แสดงภาพโปรโมท งานกาชาติที่ถูกจัดด้วยกลุ่มคุณหญิงในวงตระกูลชั้นสูงทั้งหลาย ปฐวีเป้หน้า พลางรั้งสายตากลับ
"ระบบ อยากเล่นน่ะ เห็นว่าระบบทั้งหมดควบคุมด้วย Ai ระดับสูงหมด" ชายหนุ่มว่า เขายืนมองโฆษณาตัวนี้นานพอควร จนแทบจะจำรายละเอียดได้ทุกคำพูด "ไม่มี GM ที่เป็นมนุษย์มายุ่งกับผู้เล่น"
"น่าสนดี" ปฐวีชักสนใจกับเกมที่ว่าเสียแล้ว แต่ทว่าเขาไม่มีเวลามากพอ "แต่ฉันไม่มีเวลาเล่นเป็นเพื่อนนายหรอกนะชา" ปฐวีพูดออกมาตามตรง
"ก็ไม่ได้ขอ" ชา หรือ ชื่อจริง ๆ คือรัชชา ถอนหายใจอย่างเหนื่อย ๆ กับคำพูดนั้น ทั้งที่เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนานสุดก็มีแต่ในเกมเพียงเท่านั้น แต่เพื่อนสนิทของเขาพักหลังมานี้ยุ่งมากจนเกินไป
เราก็แค่เพื่อน...จะเรียกร้องอะไรมากไปก็ไม่ได้ทั้งนั้น...
แค่นี้ก็ดีแล้วนี่....
ชายหนุ่มหลุบสายตาที่จ้องมองไปที่เพื่อนสนิทลงไปมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า ก้มหน้าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ขณะที่ ปฐวีกำลังเลื่อนจอมือถือเช็คตารางงานที่พังไม่เป็นท่า เพราะงานดูตัวบ้าบอของตัวเองอย่างไม่ค่อยพอใจ โดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ
ทั้งสองคนเงียบไปซักพัก ก่อนที่ปฐวีจะเป็นคนทำลายความเงียบลง ด้วยการกระแทกมือถือลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าว ขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่แล้วอยู่ ๆ ปฐวีก็ยกยิ้มออกมาอย่างไม่น่าไว้วางใจ ท่าทางเหมือนคิดเรื่องชั่วร้ายในหัว ซึ่งถ้าให้เดารัชชาคิดว่ามันเป็นแผนแกล้งใครซักคน
แล้วใครละที่เป็นเป้าหมายของปฐวี...
ในตอนที่รัชชากำลังคิดว่าใครคือผู้โชคร้ายนั้น โดยไม่ได้มีสัญญาณใด ๆ เตือนล่วงหน้า ปฐวีก็ผุดลุกขึ้น แล้วบอกให้รัชชาลุกตาม แล้วเก็บของ จากนั้นปฐวีก็แตะการ์ดจ่ายค่าอาหารตรงบาร์โค้ดที่โต๊ะ ในขณะที่รัชชากำลังงง ๆ กับท่าทางเหมือนผีเข้าของเพื่อนนั้น เมื่อเขาเก็บของเสร็จ ปฐวีก็จับมือของเขา แล้วดึงตัวให้ออกวิ่งหนีไปทางหลังร้านทันที
"ฮะ-" ในขณะที่รัชชากำลังงง ทางด้านหลังก็มีเสียงโวยวาย พร้อมชายชุดดำมากมายจากที่ไหนไม่รู้ที่ปรากฏตัวโผล่มา รัชชามองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทตัวเอง สลับกับคนชุดสูทดำที่ให้เดาก็คนของที่บ้านอีกฝ่ายอย่างตกใจ ในใจของรัชชาเต็มไปด้วยคำถาม ขณะที่ในตอนนั้นเองปฐวีก็หันกลับมามองเขาทั้งที่ยังวิ่งอยู่
"ไปเดทกัน" ปฐวีระบายยิ้มสนุกสนานเต็มใบหน้า ขณะที่ตะโกนบอกออกมา เมื่อทั้งสองสามารถออกจากร้านอาหาร และวิ่งลงไปบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน
เสียงหัวใจเต้นรัวดังก้องอยู่ในอก รัชชารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาดังเกินไปเสมือนมันจะเต้นจนหลุดออกมานอกร่างกาย มันเพราะอะไร เขามักถามตัวเองแบบนั้น ว่าที่หัวใจของเขา ที่เต้นอย่างบ้าคลั่งแบบนี้ มันเพราะความอบอุ่นจากมือที่ใหญ่กว่าของเพื่อนสนิทที่กอบกุมมือของเขาไว้แน่น หรือว่าเพราะความรู้สึกที่เก็บกักมานานของเขา กำลังจะบอกว่า
หัวใจมันอยากจะให้เขากล้าที่จะพูดอะไรกับ ปฐวี ให้ชัดเจนไปซักที
รัชชาหัวเราะร้องไห้ไม่ออกกับความรู้สึกของตัวเอง และท่าทางของเพื่อนสนิท ที่เหมือนจะสนุกเต็มทีกับการปั่นหัวคนของที่บ้านของเขาที่ออกมาตาม ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ถูกไล่ตาม และเสียงสถบด้วยความหัวเสียของผู้ตามล่า ใจกลางกลุ่มคนที่จัตุรัสกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ชายหนุ่มสองคนวิ่งหลบหนีไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยคน ก่อนจะพากันหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยให้ติดตาม
การหลบหนี... สำเร็จ...
การเดท... เริ่ม!!!!!