บทนำ
เสียงระฆังแว่วดังคราแรก ทิ้งแทรกด้วยความเงียบจังหวะหนึ่ง ก่อนจะสนั่นขึ้นเป็นครั้งที่สอง หากมันลอยเข้าโสตประสาทผู้ใด ย่อมรู้โดยมิต้องบอกกล่าว เป็นที่ประจักษ์แจ้งว่าบัดนี้กำลังมีสิ่งสำคัญยิ่งเกิดขึ้นในแผ่นดิน
ณ ตำหนักหนึ่งในวังหลวงแห่งฉีเซียง เป็นที่พำนักอาศัยของคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นยามนี้กำลังนั่งเผชิญหน้ากับกระจกทองเหลืองโบราณขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งไม้สีอ่อน
เงาสะท้อนในกระจก คือร่างแบบบางในอาภรณ์เฉกเช่นบุรุษสีดำเรียบง่าย ไหล่ผายหลังยืดตรง ท่วงท่าการนั่งนิ่งสงบ หากกลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทรงอำนาจ
เกศาสีดำขลับถูกมวยขึ้นสูง ประดับด้วยปิ่นหยกสีไผ่รูปลักษณ์กิเลนเล่มหนึ่ง ใบหน้ามนเรียวสีผิวนวลลออ เปลือกตาคู่นั้นกำลังปิดสนิท แม้นมิได้เลอโฉมล่มผืนแผ่นดิน หากทว่าเครื่องหน้าทุกชิ้นกลับส่งความงดงามให้กันและกันอย่างน่ามอง
สิ้นเสียงระฆังครั้งที่เจ็ด เส้นสีดำสนิทเรียงแพขยับเชื่องช้า ค่อย ๆ เปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน
เสียงระฆังดังเจ็ดครา มิผิดแผกจากที่คาด หนึ่งในสมาชิกแห่งราชวงศ์ กำลังก้าวเท้าไปสู่เส้นทางปรโลกแล้ว
สองดวงแก้วสีดำมืดสบประสานเงาของมันนิ่ง สีหน้าราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดฉาบทา มือเรียวยื่นจับกริชเงินเล่มเล็กเบื้องหน้า ก่อนขยับแขนอีกข้างเหยียดยื่นออก แล้วจึงดึงร่นแขนเสื้อจนถึงศอก เผยผิวขาวดั่งหยกสีน้ำนมทว่ากลับมีรอยตำหนิปรากฏชัดเจนร่วมเจ็ดรอยด้วยกัน
เป็นเจ็ดเส้นนูนเข้มจากผิวรอบนอกขีดเฉียงเรียงตัวขนาน เว้นระยะห่างเท่าเทียมแลความยาวเสมอกันทุกเส้น เสมือนว่าการกำเนิดของบาดแผลเหล่านี้ ต่างถูกคำนวณมาแล้วเป็นอย่างดี
ปลายโลหะเย็นเฉียบจมลงบนเนื้อนิ่ม ผิวคมบางสีเงินถูกลากช้า ๆ ทับรอยตำหนิเส้นแรก กรีดเนื้ออุ่นให้ปริแยกออกตามความปรารถนาของผู้ถือกริช กำเนิดซึ่งหนึ่งรอยกากบาท
หยดแห่งอินทรีย์ข้นคลั่กค่อย ๆ ซึมไหล ย้อมอาบผิวนวลผ่องให้แปดเปื้อน พร้อมเพรียงกันกับกลีบบุปผาสีชาดที่ยกเหยียดออกเป็นรอยแยกหนึ่ง
ปลายชุ่มของเหลวสีแดงฉานถูกเลื่อนขึ้นเทียบเคียงริมฝีปากอิ่ม ลิ้นชมพูอ่อนแลบเลียสิ่งเปรอะเปื้อนออกจากผิวสีเงินวาว ก่อนจะตวัดกลืนกินจนสิ้นราวหิวกระหาย นัยน์ตาคมเปล่งประกายแรงกล้า รอยแห่งความพึงใจเหยียดกว้าง
สิ้นไปหนึ่ง...
ราวหมู่มวลอากาศรอบกายพลันต่ำลง สายลมวนพัดรุนแรงอ่อนกำลังผะแผ่ว แม้แต่แสงอรุณร้อนแรงยังผกผันเจือจาง
หากมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น...แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น!