ดุจฝันตะวันลวง
ดราม่าน้ำตาริน
ดุจฝันตะวันลวง
ดราม่าน้ำตาริน
รักเอยเสมือนความฝันยามค่ำคืน ตะวันสาดแสงแรงกล้า เหลือเพียงน้ำตาและคำลวง
  • 0 ตอน
  • 0
บทนำ






“คุณปล่อยนะคนงานมองใหญ่แล้ว ฉันไม่รู้ด้วยคุณกำลังหมายถึงอะไร”

“ไม่มีอะไรต้องอาย คนที่นี่เขารู้หมดแล้วเรื่องของเราน่ะ”

เรื่องของเราฟังดูเข้าที ถ้าไม่ติดว่า มันไม่มีความหมายในคำพูดนั้นเลย ซ้ำยังเป็นตรงกันข้าม เรื่องของเราที่มีแค่ตัวใครตัวมัน

ร่างบางปลิวตามแรงมือใหญ่ เธอก้มมองข้อมือเพราะรู้สึกเจ็บ แต่ร้องออกไปคงหนีไม่พ้นคำว่าสำออย เลยกัดฟันทนความเจ็บปวดไว้

“คนอื่นรู้แต่ฉันไม่รู้อะไร ถ้าอย่างนั้นช่วยสงเคราะห์ฉันสักที ทำไมคุณมาแต่งงานกับฉัน แต่งทำไม”

น้ำตาไหลพรากลงบนแก้มนวลแต่สามีสะบัดหน้าหนีลากดึงเธอเข้าห้องทำงาน สร้างความขมขื่นใจ อับอายให้เธอยิ่งนัก

“ฮือๆ ไม่นะ อย่ามาทำกับฝันแบบนี้ ฝันเครียดหัวจะระเบิดเพราะคุณชอบลากๆ ถูๆ ฝัน ปล่อยนะ ปล่อย”

“เข้ามา อย่ามาขึ้นเสียงที่นี่ ไม่อย่างนั้น ฉันจะจับเธอโยนออกจากฟาร์มให้คนงานหัวเราะ”

หัวใจหมดแรงจะถาม เหนื่อยไม่ยื้อยุดกับเขา และเธอได้เข้ามาในห้องทำงานซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ตั้งห่างฟาร์มเล็กน้อยและพื้นที่โดยรอบแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้และสวนสวย

ถ้าเธอจะตายเพราะความเถื่อนของสามี คงตายไปหลายรอบแล้ว!

หญิงสาวเหงื่อไหลตามปอยผมจนต้องยกมือขึ้นเช็ด เธอคงมีสภาพน่าทุเรศทุรัง ทั้งน้ำตา เหงื่อคละเคล้าบนใบหน้าซีดแต่ก็อยากให้เรื่องที่เขาว่าจบๆ ไป

“คุณหมายความว่าอย่างไรคะ พูดมาเลยเสร็จแล้วจะได้ไปทำงาน”

“ไม่ต้องมาขยันตอนนี้ ทีเมื่อครู่นั่งทำตาหวานใส่นายสงบ ไม่อายคนงาน ไม่คิดทำงาน…”

“แต่นั่นเวลาพักนะคะ ฝันก็มีสิทธิ์พักเหมือนกัน”

จะไม่ให้เธอพักผ่อนเหมือนคนอื่น แม้จะทำงานไม่เท่าคนอื่น พยายามที่สุดแล้ว เขาชอบทำให้คนอื่นมองกันเป็นตัวตลก เรื่องหัวหน้าคนงานก็คิดไปได้ หาเรื่องล่ะไม่ว่า

ร่างสูงเดินมาประชิดยกมือลูบแก้มแต่เพียงไม่นานละออก ดุจฝันใบหน้าร้อนผ่าว เธอยกมือตนเองปิดรอยแผล

เขาคงรังเกียจมัน สัมผัสเธอแต่ละครั้งคงเพราะอยากทำให้เจ็บ และอยากระบายความใคร่เท่านั้น

“เธอเป็นคนยังไงกันแน่ดุจฝัน”

จู่ๆ ก็มีคำถาม ดุจฝันสูดลมหายใจเข้าปอด “ถ้าพามาถามแค่นี้ฉันไปนะคะ”

“ความจำเสื่อมจริงหรือเปล่า ”

“หมอก็บอกไงคะ ว่าความจำฉันเสื่อมตั้งแต่วันนั้นที่ประสบอุบัติเหตุ”

ถามเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้งเธอเริ่มเหนื่อยจะตอบ

“อย่ามาโกหก บอกมาได้แล้วว่าเธอโกหกทุกคน บอกมา นับวันฉันยิ่งแน่ใจเธอจำทุกอย่างได้แล้ว!”

เดินหนีไม่ทัน โดนร่างใหญ่ดันไปชิดผนัง บีบไหล่ให้เจ็บ หญิงสาวตกใจ

“ปล่อยฉันนะ เจ็บนะคุณตะวัน ได้โปรดสงสารฝันเถอะ อย่าทำแบบนี้ที่นี่ได้ไหม คนตั้งมากมายฝันอายคนอื่น”

“เจ็บแค่นี้ยังไม่ตาย ถ้าตายเธอคงตายไปนานแล้ว เรื่องอายอยากจะหัวเราะ คนอย่างเธอด้านยิ่งกว่าถนนคอนกรีต จะมาบอกว่าอาย อาย”

ดวงตาเศร้าหลบมองอกกว้าง เธอเจ็บหัวใจ…อะไรบ้างที่เขาพอจะให้เธอได้บ้าง

ยกย่อง ไม่มีทาง

ให้เกียรติ เป็นไปไม่ได้

เธอควรเลิกหวังลมๆ แล้งๆ

“จะบอกความจริงไหม ถ้าไม่บอกโดนดีแน่ ฉันจะจัดเธอสักสองสามดอกให้อายคนงานจริงๆ”

“คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ” หญิงสาวถอยหนี ร่างใหญ่เข้ามาประชิด มือเล็กดันอกกว้างหนี “อย่านะคะพ่อเลี้ยง”

“ตีฉันให้ตายอย่างที่ต้องการสิคะแต่อย่าทำให้อายคนอื่น ที่นี่มีคนเข้าออกตลอดเวลานะคะ”

น้ำตาคลอสองตา รวีพงษ์เบือนหน้าหน

“ทำไมคุณใจร้ายกับฉัน กรุณาให้คนอื่นมองฝันเป็นเมียคุณได้ไหมถึงคุณไม่เคยคิดแบบนั้น”

เขาไม่มาอยู่ในจุดที่เธอยืน ไม่รู้หรอกทรมานแค่ไหน ที่ต้องโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ ดูถูก หัวเราะตามหลัง

“ต้องแสดงให้เห็นใช่ไหมว่าเป็นผัวเมียกัน”

ดุจฝันหยุดพูด ใบหน้าแดงระเรื่อ ทำไมเขาคิดสัปดนนัก

“ฝันไม่ได้คิดแบบนั้นอย่าแกล้งได้ไหมคะ”

“แกล้งอะไรฉันพูดจริง คนชอบโกหกอย่างเธอจะกลัวอะไรหนักหนา”

ไม่เคยคิดโกหกใครทั้งนั้น หญิงสาวเม้มปากลิ้มชิมน้ำตาที่ริมฝีปากด้วยความขื่นขม แต่โดนมือใหญ่จู่โจม เกลี่ยเบาๆให้ริมฝีปากทั้งสองแยกจากกัน เธอแหงนมองดูนัยน์ตาสีถ่าน แววตาร้ายที่ทำให้หัวใจหวั่นไหวยามสบกำลังทำงานอีกครั้ง และเธอเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่เขาส่งมา…ดุจฝันหน้าแดงก่ำ ท้องใส้ปั่นป่วน

“มองอะไร คิดอะไร ฉันแค่จะเปิดปากเธอ”

สายตาคมเข้มก้มมองกระดุมเสื้อเชิ้ตซึ่งแยกจากกัน เผยให้เห็นอกอวบที่ซ่อนอยู่ในเสื้อยืด เหงื่อเม็ดเล็กที่ไหลสู่ทรวงสาวทำให้เลือดชายหนุ่มวิ่งพล่านขึ้นสมองลงสู่กลางกายสุดหวงแหน มือใหญ่ไม่รอช้าวางบนหน้าอกอิ่มของคนตัวเล็ก ลูบไล้เบาๆ

“อย่านะพ่อเลี้ยง…” เสียงสั่นห้าม พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ้มในดวงตา

“แค่อยากให้เธอเห็นว่าคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องใช้ยาอะไรมาปลุก แรงฉันเยอะสามารถกดเธอได้ทุกที่ ไม่ใช่เพราะรักนะที่ทำแต่เพราะเธอเป็นสมบัติของฉัน ”

เสื้อเชิ้ตโดนทึ้งออกจากร่างกระดุมเม็ดเล็กหลุดกระเด็นกระดอน เสื้อยืดโดนดึงขึ้นไปกองบนเต้าทรวง ใบหน้าหล่อเหลา แววตาร้ายกาจก้มลงที่ยอดถันสีน้ำตาลซึ่งชูชัน ดุจฝันพยายามผลักไส

“อย่า…อย่าค่ะ ทำงานกันอยู่นะคะเดี๋ยวคงมีคนมา”

ห้ามเสียงสั่นแต่มือใหญ่ไม่หยุดเล้าโลมรุกเร้า ยิ่งลูบไล้ให้ร่างกายซ่านสยิว ป่ายปัดจากโคนขา กอบกุมเนินเนื้อนูน “อื้อ พ่อเลี้ยงคะ”

“ชอบฉันกดนิ้ว กดของแข็งๆ เข้าไปไม่ใช่หรือ ฉันจะทำให้เธอครางจนคนงานแตกตื่น”

ดันนิ้วตรงจุดอ่อนไหวกลางหน้าขา ดึงกางเกงตัวหลวมลงง่ายดาย ดวงตาพ่ายแพ้ปิดช้าๆ น้ำตาไหลซึมหางตา




รูปแบบอีบุ๊คมีให้โหลดแล้วค่ะ

ลิขิตนางฟ้า





นิยายเรื่องอื่นของทรายสีรุ้ง ลิขิตนางฟ้า ฟ้าศิลา