ศิลาจารัก
Romance Lover
ศิลาจารัก
Romance Lover
Honey Orapim
“บอย ไม่ได้เข้านะบ่ายนี้ เลื่อนประชุมเลย ไม่งั้นก็เข้าแทนหน่อย อะไรสรุปได้ก็สรุปเบื้องต้นไปเลย เออๆ ฝากด้วย” พูดจบเขาก็โยนโทรศัพท์ไปไกลๆ แถวหัวเตียง จากนั้นก็โถมกายลงมานอนทับคนขี้แยหนักๆ เพราะความมันเขี้ยว ข้าวหอมหยุดร้องแล้ว ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นถี่รัว ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่ออกดูมๆ เกินตัวถูกเขาบีบคลึงแรงๆ เหมือนแกล้ง “สมใจเธอแล้วสิ ทำให้ฉันเสียงานเสียการได้” ว่าแล้วก็จูบไซ้ใบหูเล็กและซอกคอหอมที่เมื่อก่อนหน้านี้เขาก็ดอมดมจนมันแทบช้ำ “อื้อ...” ข้าวหอมเบี่ยงคอหนีเมื่อตอเคราของเขาทำเอาเธอจั๊กจี้ ก่อนจะหวีดร้องตกใจเมื่อโดนเขาลากให้ขึ้นไปนอนทับบนร่างแกร่ง และพอศิลาเห็นใบหน้านองน้ำตานั้นก็อดเย้าแหย่อีกไม่ได้ “ไม่ได้เรื่องเลยข้าวเหม็น แค่นี้ก็งอแง” “ข้าวต้องทำยังไงล่ะคะ ถึงจะถูกใจคุณ” “ไม่ต้องทำอะไรหรอก เป็นตัวของตัวเองอย่างนี้แหละ” “คุณหิน...” ข้าวหอมเรียกชื่อเขาเสียงเบาหวิว หัวใจเต้นโครมคราม เขาดูแคร์ แต่ทว่า “เพราะทำยังไงฉันก็ไม่ถูกใจเธอหรอก” “ไอ้คนบ้า!” “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะลั่นทันทีที่ทำให้เธอแว้ดๆ และหน้าง้ำหน้างอได้ สุดท้ายเขาก็ไม่เคยแคร์แม้แต่น้อยนิด ฮือ... ---------------- “บีมเขาเป็นพี่เธอหลายปี เรียกเขาดีๆ หน่อย” ศิลาปรามคนตัวเล็กที่เริ่มหน้างอเสียงขรึม “อีบีม!” ถ้าเขาจะแคร์อีนั่นมากกว่าเธอล่ะก็นะ! “ยัยข้าวเหม็น!” “ฮึ! แค่ชื่อก็แตะต้องไม่ได้ แคร์เขามากสินะคะ แล้วไปเอาตัวข้าวมาทำไม ปล่อยข้าวไปตามยถากรรมสิ” “โอ๊ย พูดจาแต่ละอย่าง น่าสงสารจริง” เขารู้สึกขำมากกว่าจะสงสาร คนอะไรน่ามันเขี้ยวและน่าหมั่นไส้ มีเมียเด็กนี่มันปวดหัวแบบนี้สินะ ข้าวหอมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะขยับกายหนีห่างจากเขาอย่างแง่งอน “ฉันก็แคร์ประสาคนรู้จักมักคุ้น ไม่ได้แคร์เท่ากับที่แคร์เธอเสียหน่อย เธอเป็นเมียฉันนะ บีมก็แค่คนอื่น เธอจะอิจฉาคนที่ไม่เคยได้เห็นขาอ่อนผัวเธอไปทำไม” ข้าวหอมหันขวับมามอง ก่อนจะส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีที่ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยได้เห็นขาอ่อนเขา “ข้าวไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ข้าวได้เห็นมากกว่าขาอ่อนซะอีก” ------------------ ฝากพี่หินและน้องข้าวเหม็นไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
  • 6 ตอน
  • 595
นิยายโดย
  • 7 คนติดตาม
บทนำ

สาวขี้เหล้า?

“นางร้ายเบอร์หนึ่ง (ไล่จากลำดับล่างขึ้นมา) นึกว่าจะร้ายแต่ในทีวี ที่ไหนได้ ตัวจริงร้ายยิ่งกว่าในละคร วันนี้แม่นางถูกอะไรสิงมาก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวีนด่าคนทั้งกอง ต๊าย เพราะสันดานแบบนี้ชิมิคะ นางเลยไม่มีวาสนาจะได้เป็นนางเอก”

“อ๊าย!!”

ข้าวหอม ภารดาเกียรติสกุล กรี๊ดลั่นพร้อมกับวางแก้วน้ำหวานที่เจือแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างอารมณ์เสียที่สุดในโลก โชคดีที่ในไนต์คลับแห่งนี้กำลังมีการแสดงดนตรีสด และเสียงผู้คนกำลังกรี๊ดนักร้องสุดหล่อที่หน้าเวทีก็กลบเสียงของเธอได้หมดสิ้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พ้นเป็นข่าวว่าแม่ดาราสาวผู้ไม่มีวาสนาจะได้เป็นนางเอกมาวีนแตกในร้านเหล้าอีก

เบื่อ! ข้าวหอมเบื่อที่สุดในโลกกับการต้องเป็นบุคคลสาธารณะให้คนด่าว่าทั้งที่ไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเธอเลยแม้แต่น้อย

เธอก็แค่สาวน้อยคนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากจะเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก ยอมขัดใจพ่อไม่ขอเรียนบริหารแต่มาเรียนนิเทศฯ ก็เพื่อจะได้มีวันที่ได้ทำหน้าที่นักแสดงมากฝีมือ แต่กลับต้องแลกด้วยการต้องรับมือกับข่าวลือ ทั้งมั่วทั้งจริง ทั้งใส่สีตีไข่ที่ถาโถมดั่งมรสุม

นี่ขนาดเพิ่งเข้าวงการมาปีเดียวนะ เรียนจบปุ๊บได้งานในวงการบันเทิงปั๊บ ตอนนี้เธอก็อายุยี่สิบสามปีพอดี อายุแค่นี้แต่ต้องเจออะไรมากมายกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก บางทีเธอก็เหนื่อยล้าจนอยากจะหนีไปให้พ้นๆ

แต่อะไรก็ยังไม่แรงเท่าข่าววันนี้ที่บอกว่าเธอลุกขึ้นมาวีนด่าคนทั้งกองหรอก ทำเอาเธอเครียดจนต้องหนีมานั่งเซ็งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ทั้งที่ไม่คิดอยากจะเข้ามาสักนิด แต่ไม่ได้มาคนเดียวนะ มากับเพื่อนสาวสองคนที่ตอนนี้พากันหนีไปอยู่หน้าเวที ป่านนี้คงกำลังส่องกางเกงในนักร้องอยู่มั้ง

อีเพื่อนบ้า ทิ้งกู จำไว้เลย!

“โดนด่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ ไอ้พวกโรคจิต”

บ่นพึมพำถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคนที่เจ็บแล้วไม่ลืมง่ายๆ ก็ต้นสายปลายเหตุของเรื่องวันนี้ มันเกิดจากการที่เธอโดนหลอกให้ไปถ่ายนู้ด แล้วจะไม่ให้เธออาละวาดได้ยังไงไหว

ตอนแรกคุยตกลงกันดิบดีว่าเป็นการถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำออกแนวสปอร์ต ไม่โป๊ ไม่หลุดแน่นอน เซฟอย่างดี ที่ไหนได้ พอไปถึง มีตากล้องหื่นๆ ยืนรอแล้วบอกให้เธอรีบไปแก้ผ้า

โชคดีที่เธอไปกับผู้จัดการส่วนตัว ถ้าไปคนเดียวนะ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ยัยข้าว ยังไม่เลิกเครียดอีกไง คิดมากน่ะแก”

พรทิพย์ที่กลับเข้ามานั่งที่โต๊ะแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนจะเขย่าหัวไหล่เพื่อนเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

“ไม่อยากคิดหรอกแก แต่มันอดไม่ได้ นึกแล้วก็โมโห แล้วนี่ยัยฟ้ายังไม่มาอีกเหรอ”

ข้าวหอมถามหาเพื่อนสนิทอีกคนที่มาเที่ยวไนต์คลับในวันนี้ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่พรทิพย์จะตอบ คนที่ถูกถามหาก็เดินแกมวิ่งลิ่วๆ มาที่โต๊ะทันที

“แกๆ อ๊าย...” สกาวใจโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเอามือกุมแก้มกระโดดไปกระโดดมา มันก็น่ารักอยู่หรอก แต่ข้าวหอมที่ตอนนี้หงุดหงิดไม่มีอารมณ์จะตื่นเต้นด้วย

“อะไร ทำท่าอย่างกับหมาโดนน้ำร้อนลวก”

“โอ๊ย อีข้าว ทำไมแกจะต้องพูดให้ฉันหมดอารมณ์ด้วย” สกาวใจค้อนให้เพื่อนวงใหญ่แม้จะไม่ได้ถือสาคำพูดของอีกฝ่ายก็ตาม

“ก็แล้วเป็นอะไรล่ะ ผู้ชายที่ไหนขอไลน์หรือไง ฉันจะได้บอกผัวแก” พรทิพย์เย้าขึ้นบ้าง นั่นทำเอาสกาวใจหันขวับมาด่าทางสายตาและคำพูด

“อีทิพย์ แฟนก็พอ ยังไม่มีอะไรกันสักหน่อย เห็นแบบนี้ฉันก็รักนวลสงวนตัวนะ”

สกาวใจว่าอย่างภาคภูมิใจ เธอมีแฟนแล้วก็จริง เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรี ซึ่งทั้งข้าวหอมและพรทิพย์ต่างก็รู้จัก

“อย่าลีลาได้มะ จะเล่าไม่เล่า ไปเจออะไรมา” ข้าวหอมตัดบท ด้วยอยากรู้จนเลิกอยากรู้แล้วว่าเพื่อนเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีปฏิกิริยาตื่นเต้นขนาดนั้น

“ฉันเจอเทพบุตรอะแก หล่อมากกกกกก” สกาวใจเน้นคำว่ามากจนยาวเหยียด

“แค่นี้เนี่ยนะ”

“ยัยข้าว! ถ้าแกได้เห็นนะเว้ย แกจะเลิกหวงพี่ฟิวเลยฉันรับรอง” สกาวใจบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เวอร์ไปยัยฟ้า นอกจากพี่ฟิวแล้วยัยข้าวมันจะสนใจใครได้”

พรทิพย์ส่ายหัวให้อย่างไม่เชื่อ ก็เธอเป็นเพื่อนสนิทของข้าวหอม ทำไมจะไม่รู้ว่าที่เพื่อนสาวแสนสวยคนนี้ไม่ยอมมีแฟนสักทีทั้งที่มีคนมาจีบมากมาย ก็เพราะมีเพียงชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่อยู่ในใจ นั่นก็คือพี่ชายนอกไส้ที่ชื่อฟิวนั่นเอง

“แน่จริงแกลองไปดูหน้าเขาก่อนสิ”

“ไม่อะ เพื่ออะไร เสียเวลา” ข้าวหอมปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด พร้อมกับหมุนแก้วน้ำหวานที่ผสมแอลกอฮอล์เล่นอย่างไม่คิดจะดื่มอีก เมื่อกี้ชิมไปคำนึงยังเวียนหัว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเธอดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ได้เลย คออ่อนยิ่งกว่าคอไก่เสียอีก

“ก็จริง ไปก็ใช่ว่าจะได้เข้าใกล้เขาหรอก”

“ทำไมวะ” พรทิพย์เอ่ยถามอย่างสงสัย ข้าวหอมเองก็เงี่ยหูฟังอย่างสนใจเช่นกัน

“อย่างกะเจ้าพ่อ โซฟาตัวเบ้อเริ่มพี่แกนั่งคนเดียว มีการ์ดยืนคุมตั้งหลายคน แถมพอมีชะนีใจกล้าคนไหนพยายามจะเดินเข้าไปหานะ การ์ดของพี่แกไล่ตะเพิดให้เดินไปทางอื่นหมด”

สกาวใจเล่าจ้อยๆ ด้วยเธอแอบหลบมุมยืนดูอยู่ตั้งนาน จึงได้เห็นอะไรเด็ดๆ แล้วเอามาเล่าเพื่อนได้

“มีแต่คนบ้านั่นแหละที่ให้คนมาเฝ้ามาเดินตามต้อยๆ นี่มันยุคไหนแล้ว หมดยุคที่ต้องมาเป็นมาเฟียเจ้าถิ่นอะไรได้แล้วมั้ง” ข้าวหอมเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหรี่ตามองสกาวใจอย่างเอาเรื่องเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยท้า

“แน่จริงแกลองเดินไปดูหน้าเขาใกล้ๆ ดิ ดูซิว่าการ์ดเขาจะไล่ตะเพิดแกออกมาเปล่า”

“คนอย่างข้าวหอมไม่มีใครกล้าไล่ มีแต่ฉันที่เป็นฝ่ายไล่”

ข้าวหอมเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี ใครที่ชอบติดตามข่าวสารวงการบันเทิงย่อมต้องได้ยินได้ฟังผ่านหูผ่านตามาบ้าง ว่ามีทั้งพระเอกและตัวโกงทั้งแก่ทั้งหนุ่มมาขายขนมจีบให้เธอตั้งหลายคน แต่เธอก็ปฏิเสธจนแทบจะเรียกได้ว่าหักหน้าทุกนาย เล่นเอาพักหลังไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาจีบ

“แต่ฉันว่าคนนี้แกไม่ได้เข้าใกล้เขาหรอก ถูกไล่ตะเพิดแน่”

“โอ๊ย อีฟ้า! ชอบท้ากูนักนะ” ข้าวหอมหลุดสรรพนามที่นานหนจะเอ่ยกับเพื่อนออกมา

ฝ่ายสกาวใจกับพรทิพย์ก็หัวเราะคิก ด้วยรู้ดีว่าเพื่อนตนนั้นไม่ค่อยชอบการยอมแพ้สักเท่าไหร่ หรือหากว่าต้องแพ้ ข้าวหอมก็มักจะบอกว่าตนเองคือเดอะเฟิร์สลูซเซอร์หรือผู้แพ้อันดับหนึ่งเสมอ

“จัดให้อีฟ้ามันดูซิข้าว ฉันก็อยากรู้ว่าอีตานั่นจะไล่ตะเพิดแกไหม”

พรทิพย์สรุปในที่สุด เธอยังไม่เห็นหน้าคนหล่อของยัยฟ้าหรอก แต่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะสักเท่าไหร่ แต่ลองว่ายัยฟ้ามันการันตีขนาดนี้นี่ก็แสดงว่าไม่ธรรมดา

“เดี๋ยวฉันมา พวกแกคอยดูเถอะ ยัยฟ้าเตรียมจ่ายเลยห้าพัน ถ้าฉันได้ไปนั่งข้างๆ เขาที่โซฟานั่น”

“เฮ้ยๆ ฉันไม่ได้เป็นดาราอย่างแกนะ ไม่มีตังค์เว้ย” สกาวใจโวยวาย

“อ้าวๆ ไม่แน่จริงนี่ยัยฟ้า” พรทิพย์ได้ทีก็เสริมทัพ อยู่ทีมข้าวหอมเห็นๆ

“ก็ได้ๆ แต่แกรู้แล้วหรือไงว่าฉันหมายถึงคนไหน”

ข้าวหอมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ในบริเวณไนต์คลับที่ค่อนข้างหรูหราและเป็นส่วนตัว ก่อนจะสะดุดที่ชุดโซฟาโอ่อ่าในมุมหนึ่ง ซึ่งมีชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่ และมีการ์ดยืนอยู่รอบๆ โต๊ะของเขาราวๆ สี่คน

“นั่นไง มีโต๊ะเดียวแหละ คนอื่นเขาไม่มีคนมาคอยคุมเหมือนเด็กยังไม่โตแบบนี้หรอก”

“ใช่ๆ นั่นแหละ ถ้าแกได้เห็นใกล้ๆ แล้วจะตะลึง ไปเร็วๆ ถ้าทำไม่สำเร็จแกอดห้าพันจากฉัน แล้วก็ต้องจ่ายมื้อนี้ด้วย โอเค้?”

“ได้!” ข้าวหอมรับคำท้าอย่างใจป้ำ ก่อนจะกระดกน้ำหวานที่ตนไม่คิดอยากดื่มลงคอจนหมดแก้วเรียกความกล้า จากนั้นก็เดินลิ่วๆ ไปที่โต๊ะเป้าหมายทันที...


คนที่ยืนสงบนิ่งอย่างกับหุ่นยนต์เอไอพันธุ์ใหม่เสมือนจริงหันขวับกลับมามองหน้าเคร่งทันที เมื่ออยู่ๆ ก็มีคนเดินมาชนทางด้านหลัง

“ขอโทษค่ะ ข้าวไม่ได้ตั้งใจ” ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอโทษเขาอย่างอ่อนช้อย

นั่นทำให้คนที่ไม่เคยมีผู้หญิงกล้าเดินมาชนหัวใจเต้นแรงขึ้นมานิดหนึ่ง แต่แวบเดียวก็หายไป พร้อมกับที่ใบหน้ากลับมาเคร่งขรึมราบเรียบเหมือนเดิม

“จะไปไหนหรือครับ”

“ห้องน้ำค่ะ”

“ทางนี้ห้ามผ่าน รบกวนเดินไปทางด้านโน้นนะครับ” บอกพร้อมกับผายมือเชิญอย่างสุภาพ

ข้าวหอมรับคำเขาแผ่วเบาพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะอาศัยช่วงจังหวะที่เขาเผลอแทรกกายผ่านไปยังโซฟา แล้วถลาไปหาผู้ชายเป้าหมายทันที

“พี่โอ๊ต มาได้ไงคะ”

“คุณ!”

ผู้ทำหน้าที่การ์ดและเลขานุการคู่ใจใบหน้าตื่นตระหนกครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้านิ่งเช่นเดิมพร้อมกับเอ่ยกับผู้เป็นนาย แทนที่จะเอ่ยกับผู้หญิงเจ้าปัญหาที่ทำให้เขาเสียรู้ด้วยมุกกระจอกๆ

“ขอโทษครับนาย”

“อืม” ผู้เป็นนายเอ่ยบอกเสียงเรียบ ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้

แต่คนที่อยู่ดูแลและทำงานให้มาหลายปีย่อมรู้ดีว่านั่นคือ ยังโอเค ได้ยินดังนั้นบริรักษ์หรือบอยจึงยอมล่าถอยไปยืนห่างๆ ปล่อยแม่สาวน้อยให้อยู่ในการดูแลของสิงโตตัวใหญ่ ให้เธอได้เจอกับตัวจะได้รู้สำนึกว่ากำลังเล่นกับใคร

“พี่โอ๊ตกลับมาจากต่างประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

ข้าวหอมเอ่ยถามเจื้อยแจ้วหน้าระรื่น ไม่นำพาว่าตัวเองกำลังตอหลดตอแหล สร้างเรื่องโมเมว่าเขาคือคนรู้จักอย่างหน้าด้านๆ

“โอ๊ตไหน” เขาเอ่ยถามสั้นๆ ก่อนจะกระดกวิสกี้สีอำพันเข้าปากราวกับเป็นน้ำเปล่า

“ก็โอ๊ต ปราโมทย์ หน้ากากแอปเปิลไงคะ อะไรกัน ไปอยู่ต่างประเทศไม่กี่ปี แค่นี้ก็จำน้องไม่ได้แล้ว”

ข้าวหอมต่อว่าเขาอย่างกระเง้ากระงอด ขอบคุณอาชีพนักแสดงที่ทำให้เธอแสดงใส่เขาได้เนียน แม้เขาจะไม่เชื่อมุกเธอ แต่ก็ยังดีกว่าขอมานั่งข้างเขาเหมือนแม่สาวๆ คนอื่นที่ยัยฟ้าเล่าว่าโดนการ์ดไล่ตะเพิดออกไป

“หึ!” คนที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นโอ๊ต ปราโมทย์ได้แต่แสยะยิ้ม ก่อนจะหรี่ตามองผู้หญิงที่ไม่กลัวตาย กล้าฝ่าด่านบอดี้การ์ดของเขาเข้ามาถึงตัว แถมยังมานั่งเสนอหน้าอยู่ข้างๆ แล้วยังมาพูดอะไรไม่เข้าหูอีก

“ต้องการอะไร เงินเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ก่อนที่มือขวาที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจะชะงัก เมื่อได้ยินคำตอบของคนตัวเล็ก

“ใช่ค่ะ ข้าวพนันกับเพื่อนไว้ห้าพัน ว่าถ้ามานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับคุณได้โดยที่ไม่โดนไล่ เพื่อนเขาจะให้ตังค์ข้าว เขาท้าข้าว หาว่าจ้างให้คุณก็ต้องไล่ตะเพิด ไม่มีทางให้ข้าวนั่งด้วยแน่ๆ คุณอย่าใจร้ายแบบนั้นเลยนะคะ ให้ข้าวนั่งด้วยนะ แค่แป๊บเดียว”

ข้าวหอมแจกแจงรายละเอียดให้เขาฟังถี่ยิบ ก่อนจะยิ้มหวานเอียงอายเมื่อได้สบตาคมกล้าแสนดุดันของเขาตรงๆ ใกล้ๆ ในใจได้แต่แอบคิด...

หล่อมากจริงๆ ด้วย!

“แล้วท้ากันแบบนั้นเพื่ออะไร”

“ก็เพื่อนข้าวบอกว่าคุณหล่อมาก แล้วข้าวไม่เชื่อ เขาเลยท้าให้ข้าวมาดู รับรองโดนไล่ตะเพิด ข้าวไม่อยากยอมแพ้ ก็เลยมา อุ๊ย...”

สาวน้อยอุทาน เมื่อคนที่ทำท่าจะดื่มเหล้าหันไปวางแก้ว แล้วคว้าแขนเธอดึงให้เข้าไปใกล้ๆ

“มาดูแล้วเป็นไง”

ถ้าเขาจะถามเฉยๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่นี่เล่นก้มหน้าลงมาใกล้จนข้าวหอมได้กลิ่นลมหายใจของเขา พอๆ กับที่เขาก็ได้กลิ่นน้ำหวานเจือแอลกอฮอล์จากเธอ

“ก็หล่อจริงๆ ด้วยค่ะ” อ้อมแอ้มบอกพร้อมกับหลบตาไม่กล้าสู้หน้า

“หึๆ”

เสียงหัวเราะทุ้มประหลาดๆ ทำเอาคนไม่เคยกลัวใครขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ข้าวหอมรู้สึกเหมือนกำลังนั่งคุยกับซาตาน

“ปล่อยข้าวเถอะค่ะ”

ว่าพลางดึงแขนออกจากมือเขา แต่เขากลับกระชับแน่นกว่าเดิม พร้อมกับดึงเธอขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักแกร่ง

แม้ตกใจจนแทบจะหวีดร้อง ด้วยไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกับใครแบบนี้ จะเล่นละครหรือก็หลีกเลี่ยงเลิฟซีนทุกชนิด แต่ข้าวหอมก็ได้รับการสอนมาตลอดว่าให้เอาตัวรอดจากผู้ชายในสถานการณ์แบบนี้อย่างไร เธอเลยเก็บอาการไม่โหวกเหวกโวยวาย

“จ่ายให้ก็ได้ แค่ห้าพัน” เขาว่าพร้อมกับที่มือหนาวางลงบนหัวไหล่มนเปลือยเปล่า ก่อนจะลูบไล้เบาๆ แต่ทำเอาคนไม่เคยโดนผู้ชายลูบตัวสั่น

“คิกๆ”

ครั้นขนลุกมากๆ ข้าวหอมก็รีบดิ้นเบี่ยงไหล่หนี พร้อมกับซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของเขา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงมือหนาที่เคลื่อนไปกอบกุมสะโพกกลมกลึง จึงได้เงยหน้าขึ้นมาหาเรื่องชวนเขาสนทนา พร้อมกับดึงมือเขามาจับไว้ ไม่ให้แตะต้องเธอได้อีก

“คุณเป็นใครเหรอคะ ชื่ออะไร”

“ไม่บอก”

เสียงทุ้มประหลาดแบบที่ข้าวหอมไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนปฏิเสธที่จะบอกทันควัน นั่นทำให้เธออดหน้ามุ่ยไม่ได้

“ทำไมไม่บอกล่ะคะ ใจร้าย”

ว่าพร้อมกับดึงคอเสื้อเขาเล่น ก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่ากระดุมเสื้อเขาหลุดไปตั้งสามเม็ด โชว์แผงอกแกร่งที่แม้แสงสลัวก็ยังไม่สามารถบดบังความน่าหลงใหลและน่าลูบไล้ได้เลย

“กระดุมหลุด” ว่าพร้อมกับติดกระดุมให้เขา เป็นการปล่อยมือของเขาที่เธอจับกุมไว้ให้เป็นอิสระ

“นมหก”

เขาบอกบ้าง พร้อมกับเอื้อมมือมาบีบคลึงความนุ่มหยุ่นแรงๆ ราวกับจะทดสอบว่าภายในคือเนื้อแท้แม่ให้มา หรือว่าเนื้อเทียมที่หมอเสริมให้ ด้วยมันใหญ่อึ๋มเกินตัวเธอจนน่าทึ่ง

“คนบ้า อย่าทำหนู”

ข้าวหอมตีมือเขาแรงๆ ก่อนจะรีบดึงเสื้อเกาะอกขึ้นปิดบังหน้าอกให้มิดชิด ดีนะที่วันนี้นุ่งกางเกงไม่งั้นคงได้โป๊ยิ่งกว่านี้ แม้กางเกงจะสั้นแค่ปิดแก้มก้นพอดี แต่ก็ดีกว่านุ่งกระโปรงให้เขาล้วงได้ง่ายๆ ล่ะ ดูก็รู้ว่าเป็นคนมือถึง ปากก็ถึง คนลามก!

“หึๆ”

ให้ตายสิ เธอล่ะเกลียดเสียงหัวเราะเหมือนแดรกคูล่าของเขาจริงๆ ได้ยินแล้วมันหลอน!

“ข้าวจะกลับแล้วค่ะ”

“กลับด้วยกัน” เขาชักจะไม่อยากนั่งคนเดียวแล้วเหมือนกัน แม้ความตั้งใจแรกจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ก็ยัยเด็กแก่แดดนี่น่าสนใจน้อยเสียเมื่อไหร่ แม้จะเหนื่อยและเพลียเพราะเพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ แต่ไม่เป็นไร เขายังไหว

“คุณจะไปส่งข้าวเหรอคะ” ถามเขาหน้าตาใสซื่อ แต่ในหัวคิดหาทางรอด ไปด้วยแล้วคงไม่แคล้วเสียตัว จ้างให้ก็ไม่ไปด้วยหรอก!

“ใช่” ใช่จบแต่มือเขาไม่จบตาม ยังคงลูบไล้ไปทั่วร่างอ้อนแอ้น โดยเฉพาะที่เอวบาง เฉียดๆ จะสูงขึ้นมาโดนหน้าอกก็หลายที

อีตาบ้านี่จะชอบลูบไปถึงไหนนะ!

“งั้นข้าวไปเอากระเป๋าแล้วก็ไปบอกเพื่อนก่อนนะคะ เขาจะได้ไม่รอ”

“ได้ แต่หมดแก้วนี้ก่อน” เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นสาวขี้เหล้าฝึกหัด เลยอยากแกล้ง

“เอ่อ...คือ”

ข้าวหอมอึกอัก แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่อเขาจ่อแก้วมาติดที่ปาก ครั้นเห็นว่าเธอไม่ยอมอ้าปากรับแน่ๆ จึงจัดการเทลงคอตัวเองพรวด ก่อนจะประกบปากลงมาหาจนข้าวหอมตั้งตัวรับไม่ทัน

จูบหนักหน่วงร้อนแรงที่มาพร้อมกับแอลกอฮอล์ที่เขาแบ่งปันให้ไหลลงสู่ลำคอของเธอนั้น รสชาติแปลกประหลาดและน่ากลัวเหลือเกิน ข้าวหอมแทบร้องไห้ตอนที่เขาบังคับให้กลืนกินมันลงไป

ใบหน้าสวยซ่อนเปรี้ยวงอง้ำตอนที่เขาผละใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง ก่อนจะทุบอกเขาแรงๆ อย่างระบายอารมณ์ โกรธเขามากก็จริง แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ปกป้องตัวเองจากเขาไม่ได้เลย

“ไปสิ แล้วรีบกลับมาหาฉัน” เขาสั่ง ก่อนจะดันเธอลงจากตัก

ข้าวหอมทำตามอย่างว่าง่าย ใจอยากกระทืบรองเท้าของเขาสักที แต่คิดดูแล้วไม่คุ้ม ตอนนี้เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ร่างระหงที่สูงราวๆ ร้อยห้าสิบแปดเดินลิ่วๆ มาถึงโต๊ะ ก่อนจะรีบคว้าแขนเพื่อนสาวสองคนที่นั่งตะลึงตาค้างกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้รีบออกจากไนต์คลับแล้ววิ่งไปที่รถทันที ดีที่เพื่อนเช็กบิลไว้รอแล้ว

ส่วนชายหนุ่มที่เห็นว่าแม่ดาวยั่ววัยกระเตาะกำลังจะหนี ก็รีบส่งสัญญาณให้การ์ดไปเอาตัวมา

สามสาวเห็นชายหน้าเหี้ยมวิ่งตามหลังมาก็รีบวิ่งๆ ไปที่รถอย่างไม่คิดชีวิต เพียงเสี้ยววินาทีที่ขึ้นรถและกดล็อก บอดี้การ์ดของอีตาหน้าหล่อของยัยฟ้าก็มาถึง แต่พวกเธอก็ชิ่งสตาร์ตรถและขับหนีไปได้ทัน นับเป็นความตื่นเต้นปนหวาดเสียวที่สุดในชีวิต ไม่น่าเล่นอะไรแผลงๆ กันเลยจริงๆ

เรื่องนี้มีเวอร์ชั่น E-book