night wolker หน้ากากรัตติกาล
สืบสวน-ชิงไหวพริบ
night wolker หน้ากากรัตติกาล
สืบสวน-ชิงไหวพริบ
วาฬสีเทา
ชื่อหนึ่งคือนักสืบชื่อดังผู้ที่คลี่คลายคดีต่างๆ มากมาย แต่อีกชื่อกลับเป็นมหาวายร้ายตัวฉกาจอาชญากรที่ปั่นป่วนกรมตำรวจจนหัวหมุน แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทั้งสองชื่อนี้เป็นคนคนเดียวกัน
  • 4 ตอน
  • 2,167
นิยายโดย
  • 2 คนติดตาม
บทนำ

บทนำ

เสียงจักจั่นเรไรร้องหวีดหวิวในค่ำคืนที่ปกคลุมไปด้วยม่านสีดำแห่งรัตติกาล คฤหาสน์หลังงามตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านของผู้มีอันจะกิน มันเป็นที่พำนักอาศัยของครอบครัวผู้มั่งคั่งไปด้วยชื่อเสียงและเงินตรา

แต่ทว่าค่ำคืนที่ควรจะมีแต่ความสงบสุข กลับมีแต่เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คนภายใน ดังกึกก้องราวกับกำลังถูกกัดกินด้วยปิศาจร้ายก็ไม่ปาน

“คุณหนูเบอร์ลิน อยู่ไหนน้า ออกมาหากระผมเร็ว กระผมมีขนมจะให้”

และท่ามกลางเสียงร้องระงมโหยหวนนั่นเอง ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดออกมา โดยที่เจ้าของเสียงเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาสีสนิมลึกลับและเยือกเย็น กำลังเพ่งมองไปตามทางเดินที่ชื้นแฉะด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ

ก่อนจะเดินสืบเท้าไปด้านหน้าเรื่อยๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย พลางกวาดสายตาไปมาโดยรอบจนทั่ว ราวกับว่าไม่ต้องการให้สิ่งใดเล็ดลอดสายตาที่คมกริบนี้ออกไปได้

หยาดโลหิตสีแดงฉานเปรอะเปื้อนเชิ้ตสีขาวจนชุ่มโชก มันหยดไปตามทางที่สองเท้าย่างผ่าน นัยน์ตาสีสนิมภายไต้กรอบลึกจ้องมองไปยังทางเดินเบื้องหน้าที่มีเศษชิ้นเนื้อกองกระจายเกลื่อนกลาดฉายแววไร้อารมณ์

แต่ในขณะเดียวกันที่เขากำลังเดินเหยียบเศษเนื้อที่กองกระจัดกระจายอยู่นั้น จู่ๆ ก็นึกถึงเหยื่อไร้ชีวิตนับสิบที่ต้องจบชีวิตด้วยฝีมือตนเมื่อครู่ ก็อดใจเต้นระรัวจนหุบยิ้มไว้ไม่อยู่

เขาฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ ด้วยความสุขใจ พร้อมกับเหยียบย่ำของเหลวข้นหนืดบนพื้นอย่างไม่แยแสเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัย เพราะตอนนี้ในหัวคิดได้แค่ว่า ต้องตามหาสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก สมาชิกคนสุดท้ายของคฤหาสน์หลังนี้ให้เจอ

จะช้าหรือเร็วไม่สำคัญ เพราะอย่างไรเสีย…เด็กนั่นก็ไม่มีวันหนีเขาพ้น

เมื่อคิดขึ้นได้เสียงหัวเราะแหบพร่าในลำคอก็ดังก้องกังวานขึ้นมา ราวกับเสียงของปิศาจร้ายที่กำลังมองเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่ตรงหน้า พร้อมจะขย้ำได้ทุกเวลาที่ต้องการ

ชายนิรนามเดินไปตามทางเดินลาดชัน สองฝั่งฝากของผนังถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสีคล้ำที่สาดกระเซ็น แม้กระทั้งภาพวาดหลายต่อหลายรูปที่ประดับอยู่ด้านบน ก็ไม่อาจหลีกพ้นภยันตรายนี้ไปได้ เขาเดินผ่านห้องโถงใหญ่ มุ่งตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านในอย่างใจเย็น

ในขณะที่เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ นัยน์ตาสีสนิมก็สอดส่ายไปมา เพื่อมองหาสัญญาณชีวิตที่อาจหลุดรอดสายตาคู่นี้ไป โลหิตมากมายของเหยื่อที่เขาสังหารก็ค่อยๆ ไหลซึมตามข้อมือลงสู่ปลายดาบเจิ่งนองเป็นทางยาว

เขาครูดดาบสีเงินไปกับพื้นตลอดทางที่เดินผ่าน มันส่งเสียงแกรกๆ เมื่อเวลาโลหะสัมผัสกับพื้นกระเบื้องเคลือบหลากสีที่ใครได้ฟังต่างก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่สะท้อนจนจับขั้วหัวใจ

โดยที่เด็กชายตัวเล็กผู้เป็นเป้าหมายคนสำคัญ กำลังนั่งคุดคู้บดเบียดตัวเองอยู่อยู่ภายในตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ด้วยร่างกายที่สั่นเทา นัยน์ตาสีนิลมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตระหนกระคนหวาดหวั่น ร่างกายน้อยๆ เกร็งกระตุกเป็นพักๆ และพยายามบดเบียดร่างกายให้ชิดกับผนังตู้ด้านในให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะมีเพียงประตูตู้เสื้อผ้าหลังนี้เท่านั้น ที่เป็นปราการด่านสุดท้ายปิดบังร่างกายนี้เอาไว้ ร่างเล็กสะอื้นร่ำไห้หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าสีชมพูระเรื่อผสมกับคราบฝุ่นจนเลอะเป็นทาง เขาพยายามใช้มือสองข้างที่สั่นเทาปิดปากตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้ดังเล็ดลอดออกมา

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ”

เบอร์ลินพยายามใช้สองเท้าตะกายกับพื้นไม้เพื่อบดเบียดร่างกายให้ชิดกับผนังตู้ด้านใน ก่อนจะนับหนึ่งถึงสิบอย่างช้าๆ ศีรษะผงกขึ้นลงไปมาเหมือนคนที่กำลังเริ่มสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไป สติสัมปชัญญะส่วนใหญ่เริ่มขาดขาดหายไป จนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง

และแล้วมโนสำนึกช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ยังมีสติหลงเหลืออยู่ จู่ๆ ก็คิดถึงคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เขายังจำได้อยู่เลยว่ากำลังนอนคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นบิดามารดาด้วยความอบอุ่น แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าชายนิรนามที่เข้ามาขอหลบพักอาศัยเพียงแค่เพื่อหลบฝน จะเป็นคนพรากชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองคนไป รวมทั้งข้าทาสบริวารที่ลายล้อมจนแทบไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อหวนคิดขึ้นทีไรหยาดน้ำตามากมายก็รินไหลเอื่อยๆ ออกมา

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังโหยหวนไปทั่วทั้งบริเวณ มันช่างบาดลึกเข้ามาในโสตประสาทของเบอร์ลินอย่างไม่ต้องสงสัย ชีวิตแล้วชีวิตเล่าถูกชายผู้นั้นฟาดฟันพรากไปไม่ต่างจากมดปลวกที่โดนน้ำร้อนแล้วร่วงหล่นไป

และในที่สุดเสียงโหยหวนเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบหายไปราวกับสายลม จะเหลือก็มีเพียงเขาที่แอบมาหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลังนี้เท่านั้น ถ้าตอนนั้นเด็กชายไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วถูกเซโน่ผู้เป็นคนสวนจับยัดเข้ามาแอบในตู้เสื้อผ้าเก่าๆ หลังนี้ เขาก็คงเป็นหนึ่งในบรรดาศพเกลื่อนกลาดพวกนั้นด้วยแน่นนอน

แอ๊ด…!

“อยู่ไหนนะ คุณหนูเบอร์ลิน อยู่ที่ไหนขอรับ”

แต่ทว่าในระหว่างที่เด็กชายกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความคิด ก็มีเสียงเปิดประตูห้องที่เขาแอบอยู่ดังขึ้นมาพร้อมกับคำพูดลากยาวๆ ของชายผู้นั้น ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของเบอร์ลินจนรู้สึกได้ถึงความพรั่นพรึง นัยน์ตาสีนิลเบิกโพลงลมหายใจเริ่มติดขัด เขาได้แต่นั่งบดเบียดร่างกายน้อยๆ จนชิดติดผนัง ราวกับต้องการจะฝังร่างกายนี้ให้ลงไปในแผ่นไม้เพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถึงแม้ว่าภายในตู้เสื้อผ้าหลังนี้จะไม่มีที่หลบอีกแล้วก็ตาม

แอ๊ด!

และในขณะที่ร่างกายกำลังตื่นตกใจเพราะความหวาดกลัว เสียงเปิดประตูตู้เสื้อผ้าที่เขาใช้เป็นปราการ ก็ดังขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับนัยน์ตาสีสนิมที่เยียบเย็นกำลังจ้องเขม็งมองเข้ามา ชายร่างสูงเอื้อมมือหยาบหนามาจับข้อมือเล็กๆ ของเบอร์ลินเอาไว้แทบจะทันที พร้อมกับพูดรอดไรฟันว่า “อ๊ะอ๊ะ อยู่นี่เอง อย่าคิดว่าจะหนีกระผมไปไหนได้นะขอรับ” จบคำรอยยิ้มหวานหยดที่แผงไปด้วยยาพิษก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม

“ไม่ ปล่อยผม ผมกลัวแล้ว อย่าทำอะไรผมเลย”

เด็กชายตัวน้อยกรีดร้องเสียงหลงอย่างลนลานออกมาทันที หลังจากที่มือหยาบหนาของผู้มาเยือนเอื้อมมากระชากให้ออกไปจากที่กำบัง ร่างน้อยๆ พยามดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่น้อยนิดของเด็กตัวเล็กๆ ก็ไม่อาจต่อกรให้กับชายร่างใหญ่และแข็งแรงคนนี้ได้เลย

เบอร์ลินถูกฉุดกระชากลากถูตามทางเดินมาเรื่อยๆ ผ่านศพแล้วศพเล่ากองกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ ศพบางศพถูกฟันคอจนเกือบขาด บางศพถูกฟันสะพายแล่งตั้งแต่บั้นเอวเป็นแผลยาวขึ้นมาจนถึงหัวไหล่ เครื่องไนไหลทะลักหยาดโลหิตสีแดงสดไหลเยิ้มเจิ่งนองบนพื้นกระเบื้องที่เหยียบย่างผ่านไป กลิ่นคาวน่าคลื่นเหียนคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนเด็กชายต้องเบือนหน้าหนีด้วยความพะอืดพะอม

หลังจากถูกฉุดกระชากลากถูไปจนถึงห้องครัวใหญ่ เขาก็ถูกชายนิรนามเหวี่ยงไปฟาดกับผนังคอนกรีตแทบจะทันที ร่างเล็กๆ กระแทกกับผนังจนทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง แต่ก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งด้วยความยากเย็น นัยน์ตาสีนิลเพิกโพลงอย่างหวาดหวั่นและลนลาน เท้าทั้งสองข้างพยายามตะกายขยับถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

“ทำไมคุณถึงทำกับพวกเราแบบนี้ อึก”

“มันเป็นคำสั่งจากเบื้องบน ขอโทษด้วยนะ ถ้าอยากจะโทษก็โทษที่ครอบครัวของแกเถอะ”

“อย่า”

สิ้นเสียงร้องขอความเห็นใจ คมดาบสีเงินวาววับยาวกว่าสามฟุตครึ่งก็เสียบทะลุเข้ามาที่อกด้านซ้ายตรงตำแหน่งขั้วหัวใจทันที