สาปสายฝน (the series)
เทพผีความเชื่อ
สาปสายฝน (the series)
เทพผีความเชื่อ
Watcharakarn
เรื่องราวแห่งฝันร้าย คำสาป ลัทธิลึกลับ แม่มด แนวดาร์กแฟนตาซี กลิ่นอายไทยๆ ผสมตะวันตก เมื่อวันหนึ่งเด็กสาววัย 17 ปี นามว่า ริณ หรือเพลงพิรุณจำต้องกลับไปยังหมู่บ้านต้องคำสาปอีกครั้ง ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ที่นี่...เธอได้พบสิ่งประหลาดมากมายที่เกี่ยวพันกับผู้คนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยงที่มีท่าทีชิงชังเธอตั้งแต่แรกเห็น ก่อนจะต้องพบกับความจริงอันน่าพรั่นพรึง เมื่อสิ่งที่เห็นแท้จริงแล้วมันคือแผนลวงชั่วร้าย ของใครบางคนที่ อยากให้เธอหวนกลับมา เพื่อกลายเป็น 'เหยื่อ'
  • 3 ตอน
  • 57
นิยายโดย
  • 0 คนติดตาม
บทนำ

ปฐมบท

ศพสีดำ

ฉันยืนเดียวดายท่ามกลางสายฝน โปรยพรม

อาบร่างไร้หัวใจ มีแต่ความเกลียดชัง

โอ้ หยาดพิรุณ จงชะล้างความมืดมน

โอ้หยาดพิรุณ จงชะล้างความเจ็บปวด ทรมาน

เสียงนั่นแผ่วเบา ราวกระซิบ ชี้ทางแห่งชีวิต

มาจากเบื้องบนบันดาล

ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง เสียงกระซิบจากสายฝน

ฟังสิฟัง หัวใจเจ้าผู้ร่ำร้องเรียกหา

เริ่งรื่นท่ามกลางสายฝน ดังสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์

ไร้เจ็บ ไร้ปวด หมดสิ้นความเกลียดชัง

ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง เสียงกระซิบจากสายฝน

ฟังสิฟัง หัวใจเจ้าผู้ร่ำร้องเรียกหา

โอ้ หยาดพิรุณ จงชะล้างความมืดมน

โอ้หยาดพิรุณ จงชะล้างความเจ็บปวด ทรมาน

ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง เสียงกระซิบจากสายฝน

ฟังสิ ฟัง เสียงกระซิบจากสายฝน……


ท่ามกลางค่ำคืนที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งโหมแรง เสียงร้องประสานของเหล่าชายหญิงผู้ศรัทธา และท่วงทำนองเปียโนที่ชายชราพรมนิ้วไปตามคีย์โน้ตอย่างพลิ้วไหว ดังก้องกังวานไปทั่วโบสถ์เล็กๆ อันศักดิ์สิทธ์ซึ่งตั้งอยู่เหนือเนินดินชื้นแฉะ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยแนวเขาเตี้ยๆ และทิวป่าไม้สูงใหญ่


ทันใดนั้นประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดผางออก ปรากฏร่างของหนุ่มชาวบ้านสองคน ทั้งคู่สวมรองเท้าบูทและเสื้อกันฝนสีหม่น ยืนซ้อนกันอยู่ เด็กหนุ่มร่างผอมแห้งผิวขาวซีดที่อยู่ใกล้ๆ กับบานประตูไม้เนื้อหนารีบเข้าไปใช้สองมือดันให้มันปิดลงกันสายฝนที่กำลังซัดสาดจนพื้นหินกาบเปียกแฉะ ผู้คนที่กำลังสดับรับฟังเพลง ‘เสียงกระซิบจากสายฝน’ อย่างตั้งอกตั้งใจต่างหันไปมองชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำทั้งสองที่ฝ่าสายฝนและแรงลมพัดกรูเกรียวหามร่างๆ หนึ่งที่นอนสงบนิ่งบนเปลสนามผ้ากระสอบเข้ามา


“พระคุณเจ้าอยู่ไหน?” ชายร่างสูงซึ่งไว้หนวดไว้เคราเฟิ้มดกดำที่เป็นคนเดินนำหน้าตะโกนถาม เสียงของเขาทำให้พิธีกรรมหยุดชะงัก นักร้องประสานเสียงลดสมุดเพลงลงพลางมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนจะพากันจ้องมาทางเขาด้วยสายตางุนงง ประหลาดใจ


เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก ท่านพระคุณเจ้าศักดิ์ชัยในชุดนักบวชสีดำจึงเดินออกมาจากทางด้านหลังเวทีไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีฉากหลังเป็นม่านสีแดงเลือดนก พร้อมกับนางชีสูงวัยในชุดสีขาวยาวกรอมส้นแบบมีผ้าคลุมศีรษะ ทั้งสองทอดสายตาเศร้าสลดมองมายังร่างไร้ชีวิตบนเปลที่บัดนี้ถูกวางลงบนพื้นหินกาบเบื้องล่างด้วยความสะเทือนใจ


“ยังทันไหมท่าน?” ชายฉกรรจ์เอ่ยถาม


พระคุณเจ้าศักดิ์ชัย รีบก้าวเท้าลงมาจากบันไดขนาดใหญ่ตรงด้านหน้าเวที ที่ละขั้นๆ โดยมีนางชีคอยประคอง ก่อนจะเดินยักแย่ยักยันไปยังร่างที่นอนแน่นิ่ง ย่อตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วใช้มือซ้ายเลิกผ้าป่านที่คลุมร่างนั้นอยู่ ผู้คนในโบสถ์พากันกระซิบกระซาบจนเสียงอื้ออึง พวกเขาต่างอยากรู้ อยากเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า


“คราวนี้ใครกัน!?”


“ใครน่ะ?”


“โอ้…ช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน”


เหล่าชายหญิงซุบซิบ วิพากษ์วิจารณ์จากปากต่อปาก ไหลเวียนอึงอล แทรกเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้จากสตรีผู้อ่อนไหว พวกเขาต่างสังเวชสลดใจ และ หวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน


เขาลดผ้าลงพลางส่ายหัวก่อนจะปรารภออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา


“สายไปเสียแล้ว” ขณะที่ยันกายลุกขึ้น ร่างผอมของชายชราเซทรุดไปเล็กน้อย รู้สึกรวดร้าวกับสิ่งที่เห็น


นางชีซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกันนักจะเข้ามาประคองแต่เขายกมือห้าม


เจ้าตัวยกมืออันสั่นเทาขึ้นปิดหน้า หลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้า เมื่อได้เห็นศพนักสอนศาสนาหนุ่มซึ่งกลายสภาพเป็นหินศิลาสีดำปานประหนึ่งโดนไฟเผาร่างทั้งเป็น ใบหน้าอันบิดเบี้ยว ดวงตาเล็กเรียวเบิกกว้าง และปากที่อ้าออก แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดก่อนตาย ยังคงติดตรึงอยู่ในแววตาของบาทหลวง


“โอ้สวรรค์ทำไมต้องเป็นเขา.....” พระคุณเจ้าศักดิ์ชัยยกมือขึ้นและผายมือไปยังเบื้องบนโดยมีน้ำตาไหลอาบแก้ม


“เขาเป็นคนดี...เหตุใดถึงต้องทำกับเขาด้วย” ชายชราคร่ำครวญตัดพ้อในความโหดร้าย


เมฆดำทะมึนแผ่คลุมไปทั่วหมู่บ้าน มันส่งเสียงครืนคลั่งราวกับโกรธเกรี้ยว และยังคงเทกระหน่ำสายฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา


พวกเขาต่างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ ทว่าความจริงแล้ว ความผิดบาปไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมู่บ้านต้องร่วมกันรับผิดชอบ