มะปรางลอยเเก้ว ฟางซิน
ผู้ติดตาม
6
ผู้ติดตาม
6
รายการนิยาย
จารใจรักเล่อปาอ๋อง
จารใจรักเล่อปาอ๋อง
มะปรางลอยแก้ว ฟางซิน
  • รักโรแมนติก
เล่อปาอ๋อง บุรุษผู้มีนัยน์ตาสีอำพันเข้มแฝงความดุดัน ที่ใคร ๆ ต่างกลัวเกรงเพียงแค่ได้ยินนาม เขามีนิสัยเย็นชาไม่ยินดียินร้ายต่อสรรพสิ่งรอบกาย กอปรกับความโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นที่เลื่องลือไม่เสื่อมคลาย ถึงขั้นมีข่าวลือว่าอ๋องใหญ่ผู้นี้เคยแต่งหญิงงามที่จักรพรรดิทรงคัดเลือกให้เป็นชายามาแล้วถึงสองนาง หากแต่สตรีทั้งสองกลับไม่มีใครรอดชีวิตหลังผ่านค่ำคืนวสันต์ แต่จู่ ๆ กลับถูกใจสตรีลึกลับไร้ที่มา มิหนำซ้ำนางยังกินดีหมีหัวใจเสือถึงกับลอบสังหารเขาถึงสองครั้งสองครา ******************************** “ตัวแสบ!” จะมีสตรีใดบ้างทั้งที่เพิ่งผ่านค่ำคืนวสันต์กลับไร้ซึ่งกิริยาเอียงอาย ในทางกลับกันแววตาคู่นี้กลับทอประกายซุกซน และเป็นเขาเสียเองที่หน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู “เช่นนั้นสามีผู้นี้จะสอนเจ้าเองว่าไม่ควรเล่นกับไฟ”
  • ฿179
  • หรือเช่า 39 /1วัน
ซินฟางซิน ซินเดอเรลล่าหลงยุค
ซินฟางซิน ซินเดอเรลล่าหลงยุค
มะปรางลอยแก้ว
  • Romance Lover
ชินอ๋องรีบสาวเท้าเดินเข้ามาข้างในห้องหอ เขาหยุดมองร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเหตุใดนางลิงน้อยจึงมิซุกซนผิดวิสัยไปหรือไม่ เขากวาดตามองหาสิ่งผิดปกติทันที พลันสายตาคมสะดุดเข้ากับกาสุราที่เอียงกะเท่เร่ จอกสุราอยู่ทาง กาสุราอยู่ทาง เขาหลุบตาลงสูดอากาศเข้าปอดสองสามครั้งก่อนจะปลายตากลับมาสำรวจร่างบางที่มีอาการโอนเอนเล็กน้อย นางยังคงอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสด มือบางทั้งสองข้างรวบอยู่บนตัก ยามนี้ภายในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นดัง ตึก-ตัก ชินอ๋องยกมือหนาที่สั่นเล็กน้อย เขาหยิบคันชั่งที่วางอยู่ข้างเตียงค่อยๆ เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าเปิดออกเขาถึงกับสบถออกมาเสียงดัง “นางลิงขี้เมา!” “เอ๊ะ! พระองค์เป็นอันใดมากหรือไม่ เหตุใดจึงดูดปากหม่อมฉันแรงถึงเพียงนี้” นางมองสามีที่ยามนี้กลายร่างเป็นจอมปีศาจที่กำลังจะสูบเลือดและวิญญาณของนาง จอมปีศาจผู้นี้มิตอบอันใดแต่กลับก้มลงจูบปากนางอย่างบ้าคลั่งแทนคำตอบ ครานี้มิได้มีความอ่อนหวานแต่อย่างใด จูบนี้มีแต่ความดุดัน หนักหน่วงจนนางรู้สึกได้ถึงรสฝาดที่ผ่านเข้ามาพร้อมกับปลายลิ้นร้อนของผู้เป็นสามี "..." นี่ท่านโกรธข้าเรื่องอันใดกัน ถึงขนาดจะดื่มเลือดข้าเชียวหรือ เสี่ยวเจียรีบเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาทั้งสองปูดบวมแดงมีเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังซึมเปรอะใบหน้า นางถลาเข้ากอดคุณหนูของนางด้วยความสงสารก่อนเอ่ยประโยคต่อมา "พระชายาเพคะ ระ..เอ่อ..เราหนีไปจากที่นี่กันดีหรือไม่ เพคะ! บ่าวทนเห็นพระชายาถูกทรมานร่างกายเช่นนี้ต่อไปมิไหวแล้ว" ฟางซินถึงกับสำลักน้ำลายกระแอมออกมา "เสี่ยวเจีย เด็กดีข้ามิได้ถูกทรมานแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นการแสดงความรักระหว่างสามีและภรรยาเข้าใจหรือไม่" เสี่ยวเจียส่ายหัวไปมา ความรัก! ความรักอันใดกันนางได้ยินเสียงคุณหนูของนางร่ำร้องครวญครางดังคนบาดเจ็บ "ความรักอันใด ไฉนจึงต้องทำร้ายกันถึงเพียงนี้ เพคะ" ฟางซินยกมือขึ้นกุมขมับมองสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา แล้วจะให้นางอธิบายว่าอย่างไรดี “เอาเถอะ! เสี่ยวเจียไว้วันหน้าหากเจ้ามีสามีแล้วเจ้าจะรู้เอง” *******************************
  • ฿150
  • หรือเช่า 39 /1วัน
ฮุยน่า ชายาส้มหล่น
ฮุยน่า ชายาส้มหล่น
มะปรางลอยแก้ว
  • Romance Lover
ข้ามีนามว่าฮุ่ยน่า เกิดมาอาภัพนัก มารดาจากไปตั้งแต่ข้ายังเยาว์ บิดาละเลย ไร้คนค้ำชู เป็นถึงคุณหนูใหญ่ แต่เทียบมิได้แม้แต่สาวใช้ในเรือน ********************* บทนำ เมฆสีเทาลอยต่ำบดบังแสงตะวัน สายลมบางเบาพัดหอบปุยหิมะหมุนวนเป็นเกลียวอยู่ในอากาศ แดดอ่อนๆ ส่องกระทบผิวน้ำใส สะท้อนเห็นดวงหน้างามพิลาสของสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือลำธารน้ำใส เส้นผมสีดำขลับยาวปกคลุมสะโพกอ้อนแอ้น พลิ้วไหวล้อเล่นสายลม นัยน์ตาสีนิลทอดมองภูเขาสูงชันที่อยู่เบื้องหน้า วันเวลาแห่งความสุขมักจะสั้น สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวนเสนาบดีเจิ้ง แม้จะพยายามอยู่อย่างไร้ตัวตน ทำตัวคล้ายเป็นอากาศ ที่ผ่านมานางพยายามจะแสวงหาแต่ความสงบให้ตนเอง หากแต่ก็ไม่เคยได้มันมาโดยง่าย นับวันยิ่งคล้ายขอนไม้ที่ขวางทางน้ำ ขัดตาขัดใจผู้อื่น ฮุ่ยน่า มองกองหิมะขาวโพลน ทับถมจนเกิดเป็นภูเขาขนาดเล็ก อากาศเริ่มจะหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ นางในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดี ควรสวมอาภรณ์ที่สวยสดงดงาม แน่นอนว่าเนื้อผ้านั้นต้องหนาและนุ่ม แต่เพราะเป็นเพียงบุตรสาวที่มิมีตัวตนพอจะให้บิดาหันมาเหลียวแล อาภรณ์ที่สวมใส่จึงไม่ต่างจากบ่าวผู้หนึ่งในเรือน หากมองดูให้ดีสาวใช้คนสนิทขั้นหนึ่งของฮูหยินใหญ่ ยังสวมอาภรณ์เนื้อดีกว่าคุณหนูตกยากอย่างนางเสียอีก ผู้อื่นย่างเข้าวัยสิบหกหนาว บิดาหน้าบาน มารดายิ้มกว้างด้วยบุตรสาวถึงวัยออกเรือน หากบุตรสาวบ้านใดงดงามย่อมร่ำลือไปทั่ว หน้าประตูจึงไม่เคยขาดแม่สื่อพากันเข้าทาบทาม เชื่อมสัมพันธ์ผูกด้ายแดงที่ปลายนิ้วนาง นางล่วงเลยวัยปักปิ่นเข้าสู่วัยออกเรือน ยามนั้นแม้แต่พิธีสู่ความเป็นผู้ใหญ่ยังถูกบิดาละเลย ไม่มีมารดาคอยเกล้าผม ไร้ซึ่งบิดาคอยปักปิ่น คุณหนูใหญ่ของจวนเสนาบดี เป็นแค่บุตรีที่ถูกลืม แม้จะมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ มีมารดาเป็นถึงภรรยาเอก อีกทั้งได้สลักชื่อลงในตระกูลเจิ้ง แต่ก็แล้วอย่างไรเล่า! ในเมื่อนางอยู่ในจวนนี้อย่างไร้ตัวตน ไร้ค่านับตั้งแต่มารดาจากไป นางไม่อาจลืม! ทุกคืนวันที่อาศัยอยู่ในจวนเสนาบดี ถึงจะผ่านมาสิบแปดปีแล้วก็ตาม ยามหลับตาลงคราใดก็มักเห็นภาพเมื่อครั้งมารดาจากไป ทว่ายังไม่ถึงเจ็ดราตรีเสียด้วยซ้ำบุรุษมากรักผู้นั้นไม่คิดจะรั้งรอ รีบยกย่องภรรยารองแต่งตั้งขึ้นเป็นภรรยาเอก นับจากนั้นชีวิตของเด็กสาวในวัยเพียงแปดหนาว ก็ล้มคว่ำไม่เป็นท่า เรือนที่เคยอาศัยหลับนอนกลับถูกสองแม่ลูกเข้ายึดครอง เด็กน้อยแอบซุกตัวอยู่ข้างเตียงลอบมองสินเดิมของมารดาที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ถูกพวกสุนัขหิวโซแย่งชิงไว้เป็นของตนเองทั้งที่ไม่ใช่ ฮุ่ยน่ามองบิดาด้วยสายตาตัดพ้อ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดในแววตาคู่นั้นนอกจากความเฉยชา กระทั่งไม่อาจเก็บกักน้ำตาไว้ได้ มันจุกแน่นในอกตีขึ้นผ่านลำคอจนนางอาเจียนโลหิตออกมา สติที่เลือนรางคล้ายม่านหมอกบดบัง เห็นเพียงบ่าวชายร่างใหญ่กำยำยกร่างของนางแบกขึ้นบ่า แล้วโยนลงบนเตียงแคบๆ ในเรือนเก่าที่ทรุดโทรม และเหม็นอับ ข้างกายมีเพียงมี่ซินที่นั่งตัวสั่นงันงกร่ำไห้อยู่ข้างเตียง สาวใช้ผู้นี้มารดาซื้อมาจากตลาดทาสด้วยวัยเพียงสิบหนาว นับจากวันที่ถูกโยนเข้ามาในเรือนเก่าชีวิตก็ไม่ต่างจากบ่าวคนหนึ่งในเรือน มีสิ่งใดบ้างที่สองนายบ่าวไม่ได้ทำ แม้กระทั่งขโมยอาหารกินให้ตนเองได้อิ่มท้องก็ตาม ตะวันคล้อยดวงจันทร์สลับขึ้นจากขอบฟ้า สตรีที่มีอายุย่างเข้าสิบแปดหนาวเลยวัยออกเรือนมาหลายปีแต่ยังไม่มีแม่สื่อทาบทาม คาดว่าอีกไม่เกินสองปีนางจะกลายเป็นสาวเทื้อ ไม่คาดคิดจะมีผู้หวังดีช่วยกระพือข่าวเสียใหญ่โต ไม่เช่นนั้นบุตรสาวที่ไร้ตัวตนผู้ใดจะสนใจ น้ำใส่ย่อมมองเห็นก้นบ่อ สตรีที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็หาได้สนใจไม่ ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดแพร่สะพัดไป แล้วแค่รอให้ฝนตกเพลิงก็จะดับเอง ทว่าผู้ที่นั่งไม่ติดราวกับไฟลนก้นกลับเป็นบุรุษผู้ที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใด เขาคือผู้ที่นางไม่เคยเรียกขานว่าบิดานานร่วมสิบปี กระทั่งความอดทนของบิดาสิ้นสุดลง จึงออกคำสั่งราวกับสายฟ้าฟาดกลางศีรษะ ขับไล่บุตรสาวที่ไร้ค่าออกจากจวน เนรเทศสู่หมู่บ้านดินแดนทุรกันดารที่มีไว้กักขังบุตร และสตรีที่ไร้ค่าของผู้คนชั้นสูง และนั่นคือวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของนาง ฮุ่ยน่า