ท่านอ๋องผู้นี้ข้าชิงชัง
รักโรแมนติก
ท่านอ๋องผู้นี้ข้าชิงชัง
รักโรแมนติก
pusshunkayan
เพราะถูกคนรักทรยศ… นางจึงยอมเป็นหมากทางการเมืองของเขา เขา…ท่านอ๋องหน้้าหม้อผู้ที่นางชิงชัง แต่กับ…เป็นสามีที่เอาใจใส่นางยิ่ง ต่อให้นางชิงชังเขามากแค่ไหน …หัวใจก็สั่นไหวทุกครากับความดีของเขา… ป.ล. เรื่องนี้เป็นแนวฟิลกู๊ดนะคะ ไม่ปวดตับไต ไม่เน้นสืบสวนสอบสวน สบายๆไม่เครียด ใครชอบสายนี้ก็แวะมาค่ะ…(555) รักนักอ่านทุกท่านเสมอ เหวิ่นโหรว
  • 23 ตอน
  • 2,233
นิยายโดย
  • 29 คนติดตาม
บทนำ

ฟานหลิงซีเดินเกาะแขนเปาเปา สาวใช้คนสนิทผ่านหน้าขันทีจากตำหนักอวี้หลงขององค์ชายใหญ่ไปขึ้นรถม้าที่ติดตราประทับประจำตำหนักด้วยท่วงท่าสำรวมสง่างามสมกับเป็นหลานสาวของเติ้งกั๋วกง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่แม้แต่หวงตี้ยังเกรงใจ นางย่างเท้าด้วย “ก้าวย่างโกมุท” ที่ได้รับการสอนสั่งมาแต่วัยเยาว์ เพราะตั้งแต่นางยังอยู่ในครรภ์ของฟานฮูหยิน นางก็ถูกหมั้นหมายกับองค์ชายใหญ่ซึ่งมีพระชันษาเพียงสองหนาวแล้ว

ฟานฮูหยินกับหวงโฮ่วเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นการได้เกี่ยวดองกับญาติใกล้ชิดของตัวเองนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นการเสริมแรงสนับสนุนให้กับตำแหน่งของหวงโฮ่วมั่นคงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเกี่ยวดองกันทางเครือญาติถือเป็นธรรมเนียมหนึ่งของชาวต้าเยียน

บัดนี้ฟานหลิงซีมีอายุครบสิบแปดปีแล้ว ซึ่งตามสัญญาหมั้นหมายเมื่อนางอายุครบสิบแปดปีจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ชายใหญ่ ซึ่งแม้จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ แต่ในบรรดาบุตรทั้งหลายที่ถือกำเนิดของเยียนตี้ พระองค์มีพระโอรสองค์เดียวกับหวงโฮ่วคือองค์ชายใหญ่หานอิง นอกนั้นเป็นพระธิดาอีกสองพระองค์ ส่วนพระโอรสที่ถือกำเนิดจากเหล่าสนมยังมีพระชันษาอ่อนเยาว์ และเยียนตี้ค่อนข้างเกรงใจหวงโฮ่วจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโอรสของเหล่าสนมมากนัก

แต่ทว่า...อดีตหวงตี้ที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อหลายปีก่อน มีพระโอรสหลายพระองค์ พวกเขาล้วนได้รับตำแหน่งอ๋องกันทุกคน แต่ว่านอกจากรุ่นชินอ๋องที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น อ๋องที่เหลืออีกสามพระองค์ล้วนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงฉางผิง มีชีวิตเจ้าสำราญเสพสุขกับการผลาญเงินทองและมีพระชายาและชายารองมากมายยังไม่รวมนางกำนัลข้างห้องไม่แตกต่างจากพวกกางเกงแพร

หวงตี้องค์ปัจจุบันเป็นพระโอรสองค์โตที่ถือกำเนิดจากอดีตหวงตี้กับไท่โฮ่วองค์ปัจจุบัน แต่รุ่นชินอ๋องและท่านอ๋องที่เหลือเกิดจากเหล่าพระสนม

ลือกันว่า...อดีตหวงตี้ต้องการให้รุ่นชินอ๋องรับตำแหน่งหวงตี้องค์ต่อไป ขณะป่วยได้เขียนราชโองการต่อหน้าซูกุ้ยเฟย พระสนมอันเป็นที่รักสุดดวงใจ ยกบัลลังก์ให้รุ่นชินอ๋อง แต่การณ์กลับปรากฏว่าหลังจากนั้นอดีตหวงตี้ก็สิ้นพระชนม์อย่างมีเงื่อนงำ ซูกุ้ยเฟยนำราชโองการออกมาป่าวประกาศแต่ถูกกล่าวหาจากฝูหวงโฮ่วหรือไท่โฮ่วองค์ปัจจุบันว่าเป็นราชโองการปลอม

เมื่อมีการพิสูจน์ราชโองการ ก็พบว่าเป็นราชโองการปลอมจริง ซูกุ้ยเฟยจึงถูกส่งไปบวชชีในอารามเต๋า ส่วนรุ่นชินอ๋องในวัยสิบห้าชันษาถูกส่งไปยังชายแดนเหนือคอยดูแลคุ้มครองชายแดนและรบทัพจับศึกกับชนเผ่าหมาน ด้วยมีผลงานความดีความชอบมากมาย อีกทั้งเหล่าขุนนางและแม่ทัพนายกองส่วนใหญ่เคารพนับถือรุ่นชินอ๋อง ซ้ำหวงตี้ยังต้องพึ่งกองกำลังของรุ่นชินอ๋องในการสู้รบกับชนเผ่าป่าเถื่อนอยู่เนืองๆจึงเกรงใจและหวั่นเกรงรุ่นชินอ๋องที่ยามนี้มีวัยยี่สิบห้าชันษามิใช่น้อย

ดังนั้น...การจะแต่งตั้งไท่จื่อ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากท่านอ๋องทั้งสี่พระองค์ด้วยกับเหล่าขุนนางในสภาฮั่นหลินอีกหกคนด้วย

ยามนี้ใกล้จะถึงวันอภิเษกสมรสขององค์ชายใหญ่หานอิงกับฟานหลิงซี แต่ไท่โฮ่วมีพระเสาวนีย์ลงมาว่าอยากให้หานอิงได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อก่อน แล้วถึงค่อยอภิเษกสมรส

ดังนั้น...ในระหว่างที่รุ่นชินอ๋องหานฉีหลินกำลังเดินทัพกลับมายังเมืองหลวงหลังกำราบพวกหมานให้ถอยร่นกลับไปยังดินแดนของมันสำเร็จ หลังจากต้องทำศึกกับพวกหมานมานานกว่าสามปี เพราะพวกหมานได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งจึงอยากอพยพลงใต้มายังดินแดนที่อุดมสมบูรณ์จึงต้องเข้ารุกรานดินแดนจงหยวนของต้าเยียน

หวงตี้ หวงโฮ่วกับไท่โฮ่วจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้หานฉีหลินกลับมารับรองการเป็นไท่จื่อของหานอิง โดยให้สัตย์สาบานว่าจะช่วยหานอิงดูแลพิทักษ์ต้าเยียนไปชั่วชีวิต

เรื่องของหานฉีหลินจึงคล้ายหนามตำใจของหานอิงที่อยากรับตำแหน่งไท่จื่อโดยไวเพื่อตนจะได้เสกสมรสกับสตรีอันเป็นที่รักอย่างฟานหลิงซีเร็วขึ้น

ด้วยความคิดถึง...หานอิงจึงส่งขันทีคนสนิทออกมารับฟานหลิงซีเข้าวังเพื่อพานางมานั่งฟังเพลงขับร้อง ดูการร่ายรำและพูดคุยสนทนากันให้หายคิดถึง

ระหว่างนั่งอยู่ในรถม้าที่แล่นไปตามถนนพื้นหินเรียบหกเหลี่ยม มีขันทีของหานอิงนั่งอยู่ที่คานรถกับขันทีที่เป็นสารถี เปาเปาก็อดท้วงติงฟานหลิงซีขึ้นมามิได้ว่า

“วันนี้คุณหนูแต่งตัวด้วยชุดสีเรียบเกินไปนะเจ้าคะ บ่าวให้คุณหนูใส่ชุดสีทับทิมสดใส จะได้ดูโดดเด่นเมื่อเข้าวัง เกิดไปเจอเหล่าสนมนางในที่แต่งตัวกันอย่างเพริศพริ้งคุณหนูจะได้ดูกลมกลืนกับพวกนาง แต่คุณหนูกลับอยากใส่เสื้อสีเขียวอ่อนกับกระโปรงสีเปลือกไข่ ถึงองค์ชายจะชอบที่คุณหนูแต่งตัวเรียบง่าย ไม่เน้นความหรูหราเกินควร และทรงทราบว่าคุณหนูเป็นคนสมถะ ไม่ชอบทำอะไรเกินตัว แต่ถึงกระนั้น...คุณหนูก็ควรไว้หน้าองค์ชายบ้าง น่าจะทำให้องค์ชายภาคภูมิใจ พาคุณหนูไปเดินอวดโฉมให้ทั่ววังหลัง”

“เปาเปา...” ฟานหลิงซีเรียกสาวใช้คนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างราบเรียบแต่เข้มงวด ยิ่งดวงตาหงส์เรียวยาวสุกใสเหมือนจันทร์กระจ่างของนางจ้องเขม็งมายังเปาเปา สาวใช้ตัวเล็กก็รู้สึกตัวว่าตนพูดมากเกินไป

“เจ้าก็รู้ดีว่าในต้าเยียนต่างขนานนามว่าข้าเป็น “สาวหยก[1]” ต่อให้ข้างามเป็นหนึ่งในใต้หล้า กระนั้นข้าก็ต้องให้เกียรติหวงโฮ่ว จะแต่งตัวสวยงามเกินหน้าพระนางไม่ได้ ส่วนเหล่าสนมทั้งหลายข้าก็ต้องให้เกียรติพวกนางเช่นกัน ในอนาคตข้างหน้าข้าจะต้องเข้ามาอยู่ในวังหลัง สิ่งใดที่สร้างศัตรูบ่อนทำลายชีวิตข้ากับองค์ชาย ทำให้หวงโฮ่วเสื่อมเสียพระเกียรติ ข้าย่อมไม่มีวันทำเด็ดขาด”

“อ่า...บ่าวคิดน้อยเกินไปเจ้าค่ะ” เปาเปายิ้มแหย เกาหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อหวังให้นายสาวอารมณ์ดีขึ้น

“วันนี้องค์ชายส่งคนมารับคุณหนูเข้าวัง คงคิดถึงคุณหนูมาก ทั้งที่เพิ่งพบกันเมื่อสามวันก่อน องค์ชายช่างรักใคร่ในตัวคุณหนูยิ่งนัก”

ฟานหลิงซีเพียงยิ้มบางๆ มิต่อคำ เพราะในใจของนางหวนนึกถึงเรื่องที่หวงตี้มีเหล่าสนมมากมาย ในใจของนางก็พลันหวาดหวั่นว่าหานอิงเองก็อาจจะไม่ผิดไปจากบิดาของตน แม้เขาจะพร่ำพูดอยู่เสมอว่าจะมีนางเพียงคนเดียวชั่วชีวิต

ด้วยอยากสลัดความคิดหดหู่เช่นนี้ออกจากหัวสมอง ฟานหลิงซีจึงเลิกม่านมังกรห้าเล็บปักด้วยด้ายไหมทองเพื่อมองเหม่อออกไปบนท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเพราะรถเคลื่อนเข้ามาในตลาดแล้ว

พลัน...สายตาของฟานหลิงซีก็เหลือบไปเห็นสตรีสองนางที่มีใบหน้าคุ้นตา สตรีผู้หนึ่งนั้นมีใบหน้าสวยจัด แต่งตัวด้วยอาภรณ์งดงามสีแดงสดลายดอกโบตั๋น ปักปิ่นทองสลักลายนกนางแอ่นเดินเกาะแขนสตรีร่างสันทัดแต่งตัวดูก็รู้ว่าเป็นนางกำนัลจากในวังหลวง ฟานหลิงซีมองสตรีสองคนนั้นจนเห็นพวกนางผลุบหายเข้าไปในร้านขายยา เปาเปาที่ชะโงกหน้ามามองตามสายตาของฟานหลิงซีก็อุทานออกมาว่า

“นั่น...นางกำนัลคนสนิทขององค์ชายใหญ่นี่เจ้าคะ...คุณหนู เหตุใดนางถึงได้สวมอาภรณ์หรูหราถึงเพียงนั้น ซ้ำยังออกจากวังมาพร้อมกับนางกำนัลผู้หนึ่งได้ด้วย”

“เจ้าออกไปบอกขันทีเหยาว่าข้ารู้สึกไม่สบาย วันนี้มิอาจเข้าพบองค์ชายได้ รอจนข้าหายดีแล้วข้าจะไปขอเข้าพบองค์ชายเอง”

“อ่า...เจ้าค่ะ”

แต่ยังไม่ทันที่เปาเปาจะได้เปิดม่านหน้ารถชะโงกหน้าบอกเหยากงกง ฟานหลิงซีก็เสริมต่อว่า “จากนั้นเจ้าก็บอกว่าจะแวะที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยาลดไข้ให้ข้า แต่เมื่อเจ้าเข้าไปในร้านขายยาแล้ว ให้ถามเด็กโอสถว่าสตรีสูงศักดิ์ที่สวมชุดสีแดงดอกโบตั๋นปักปิ่นนางแอ่นมาขอซื้อตัวยาใด...เจ้าเข้าใจจุดประสงค์ของข้าใช่หรือไม่!?”

เปาเปาเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักแรงๆราวกับเรื่องที่เพิ่งได้ฟังนั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

เปาเปารีบเปิดม่านร้องบอกเหยากงกงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เหยากงกงดูตกใจมิใช่น้อย เขารีบร้องสั่งให้คนรถกลับรถพาฟานหลิงซีส่งกลับจวน โดยไม่ลืมแวะส่งเปาเปาที่ร้านขายยา

ฟานหลิงซีมิให้เหยากงกงรอเปาเปาซื้อยาจนเสร็จ นางสั่งให้เขาพานางกลับไปยังจวนทันที

ฟานหลิงซีเหยียบแท่นไม้ก้าวลงพื้นอย่างระมัดระวังโดยมีเหยากงกงช่วยประคอง ก่อนจะพูดเสียอกเสียใจกับเหยากงกงที่ไม่อาจไปพบองค์ชายใหญ่ได้อยู่หลายคำก็ขอตัวเข้าจวน

ผ่านไปเกือบสองเค่อ เปาเปาก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามาในเรือนเสี้ยวจันทร์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ฟานหลิงซีกำลังนั่งอ่านคัมภีร์ซั่งซู[2]พอได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วเข้าหู นางก็เงยหน้าขึ้นจากคัมภีร์ มองเปาเปาที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าโต๊ะอ่านหนังสือ พลางพูดด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมาว่า

“สตรีผู้นั้นตั้งครรภ์เจ้าค่ะ คุณหนู นางไปขอซื้อยาบำรุงครรภ์จำพวกหวงฉิน จู้หมาเกินเจ้าค่ะ

ใบหน้าของฟานหลิงซีถอดสีลง นางพยายามสูดลมหายใจลึก ระงับเสียงไม่ให้สั่นขณะพูดออกมา ผิดกับเปาเปาที่เริ่มมีน้ำตาร่วงเผาะๆเพราะสงสารนายสาว

“ในที่สุด...เขาก็ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้า แต่งกับเขาแล้วจะมีความหมายอันใด!”



[1] คำเรียกขานอีกนามหนึ่งของสาวงามที่ขึ้นชื่อว่า งามล่มเมือง

[2] ว่าด้วยคุณธรรมผู้ปกครอง

นิยายเรื่องอื่นของpusshunkayan